ตอนที่ 528 ทำเรื่องหนึ่ง
จงเจ๋อถอนหายใจเบาๆ มองซูหมิงด้วยสายตาซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม ตอนรู้จักกันเป็นครั้งแรก บุคคลตรงหน้ายังอ่อนแอ แต่ก็ทำให้เขาสนใจเล็กน้อย
จากนั้นตอนเจอกันอีกครั้งก็มีขั้นพลังน่าสะพรึง เพียงสะบัดมือก็ผนึกพลังฟ้าดิน สร้างความตื่นตะลึงให้กับจงเจ๋อ ทว่าเขาพอมองออกว่าอีกฝ่ายในสภาพนั้นเหมือนไม่ใช่ซูหมิง
ต่อมาก็เป็นตอนนี้ เขาเจอซูหมิงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ซูหมิงสร้างความตะลึงให้กับเขามากกว่าสองครั้งก่อน ไม่ใช่ว่าขั้นพลังซูหมิงเกินกว่าหงหลัว แต่เพราะในสายตาของเขา ซูหมิงในยามนี้ก็คือตัวเองจริงๆ!
เจอกันสามครั้ง แต่ละครั้งต่างกัน คนที่จงเจ๋อเจอมาในชีวิตก็มีแค่ซูหมิงคนเดียวที่สร้างภาพจำอย่างลึกซึ้งให้กับเขา
“การพลั้งมือของเจ้าครั้งนี้ ผลของมันคือเกาะบึงใต้จะไม่สงบสุขอีก…ผู้คนที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติบนเกาะจะเจอกับอันตราย เจอกับการล่าของพวกแดนรกร้างบูรพาอีกครั้ง…” จงเจ๋อไม่มองเศษเนื้อของอวิ๋นไหล แต่ถอนหายใจ
ซูหมิงเงียบงันไม่กล่าวใดๆ แทบทันทีที่เขาสังหารอวิ๋นไหล ก็รู้สึกแล้วว่าแผ่นดินเกาะบึงใต้สั่นไหวเบาๆ
การสั่นไหวเพิ่งเริ่มจึงยังไม่รุนแรงนัก ทว่าไม่นานก็เกิดเสียงโครมคราม ท้องฟ้าจำลองขยับแสงวูบวาบติดๆ กัน ปรากฏแสงมืดและสว่างตัดสลับกัน ตอนที่ซูหมิงเงยหน้าขึ้นมอง ยามค่ำคืนจำลองพลันเปล่งแสงสว่าง ส่องสะท้อนเกาะบึงใต้ในชั่วพริบตา แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าวาบผ่าน
เสียงโครมครามดังมาจากบนท้องฟ้า ครั้นประกายแสงหายไป แสงดาราบนท้องฟ้าจำลองก็เหมือนเชื่อมเข้าด้วยกันแล้วค่อยๆ อ่อนจางลง สุดท้ายก็กลายเป็นสีดำ ทว่าสีดำกับความมืดเมื่อครู่นี้กลับมีเนื้อในต่างกัน!
ความมืดเมื่อครู่มืดลงเพราะท้องฟ้าจำลองเสียพลังวิญญาณในการเปิดทั้งหมด แต่ตอนนี้เพราะเกาะบึงใต้เกิดการเปลี่ยน ท้องฟ้าจำลองพังทลายลง แม้ยังมีเกราะป้องกันอยู่ ทว่าเกราะนี้โปร่งใส สีดำที่ซูหมิงเห็นก็คือสีของทะเลมรณะข้างนอก!
พอซูหมิงเห็นทะเลมรณะสีดำ จงเจ๋อเห็น ฟางชางหลันบนยอดเขาก็เห็น ชาวเผ่าหมานและเชมันทั้งหมดบนเกาะบึงใต้จึงเห็นอย่างชัดเจน
ผู้คนมีชีวิตรอดจากภัยพิบัติบ้างก็เพราะโชคช่วย ทว่าที่มากกว่าคือแต่ละคนมีประสบการณ์ต่างกัน ประสบการณ์เหล่านี้มีมากมายหลากหลาย เพียงแต่มีอยู่จุดหนึ่งที่คล้ายกันอย่างน่าทึ่งก็คือ ความแน่วแน่!
หากไม่มีความแน่วแน่ก็ยากจะมีชีวิตรอดในโลกอันวุ่นวาย หากไม่มีความแน่วแน่ก็ยากจะปีนขึ้นมาจากความตาย หากไม่มีความแน่วแน่ก็คงยากจะลืมตาขึ้นหลังจากทั้งแดนอรุณใต้มีผู้คนตายไปนับไม่ถ้วน!
ฉะนั้น แม้เกาะบึงใต้จะเกิดการเปลี่ยนแปลง แม้จะมีคนไม่น้อยเห็นอวิ๋นไหลตายและยังเห็นซูหมิงปรากฏตัว ทว่าสีหน้าพวกเขาเพียงแค่ตะลึงเท่านั้น ไม่ได้ลนลานจนเกินเหตุ ทั้งยังไม่มีเสียงร้องอื้ออึงใดๆ
พวกเขามองท้องฟ้าอย่างเงียบๆ สัมผัสถึงแผ่นดินใต้เท้าที่กำลังสั่นไหวและลอยขึ้นเหนือผิวน้ำอย่างช้าๆ
ในกลุ่มคน จื่อเยียนเหม่อมองทุกอย่าง นางคาดเดาเรื่องเอาไว้อยู่แล้ว แต่กลับไม่คิดเลยว่าผลจะเป็นแบบนี้ แม้นางเคยเป็นหญิงบำเรอของอวิ๋นไหลและยอมรับว่าเข้าใจเขามากก็ตาม กลับไม่รู้ว่าวงแหวนอาคมของเกาะบึงใต้เชื่อมโยงกับชีวิตของอวิ๋นไหล!
ฟางชางหลันเงียบงัน นางรู้เรื่องชีวิตอวิ๋นไหลเชื่อมกับวงแหวนอาคมแล้ว นี่ก็เป็นสิ่งที่นางเตรียมตัวมาเช่นกัน สุดท้ายแล้วมีโอกาสสูงมากที่จะสังหารอวิ๋นไหลหรือให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้ นางรู้ผลด้วยว่าเมื่ออวิ๋นไหลตายแล้วจะทำลายวงแหวนอาคมของเกาะบึงใต้ เกาะนี้จะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำอีกครั้งจากก้นทะเลลึก
ทว่า…นัยน์ตานางฉายแววเด็ดเดี่ยว
‘จื่อเยียนยอมอัปยศเพื่อข้ามาหลายปี แม้ตอนนี้นางอยู่กับหยามู่แล้ว นางก็ยังไม่รู้ว่าในตัวนางยังมีผนึกของอวิ๋นไหลอยู่ ชีวิตนางเหมือนมีอิสระ แต่จริงๆ แล้วยังอยู่ในกำมืออวิ๋นไหล
เรื่องนี้จงเจ๋อก็ไม่ก้าวก่ายมาก เว้นแต่ขั้นพลังของหยามู่จะก้าวเข้าสู่เชมันระดับปลาย…นี่คือสิ่งที่ข้าเห็นในความทรงจำของอวิ๋นไหล…
จื่อเยียนยอมอัปยศเพื่อข้า ข้าก็จะแบกรับคำด่าทอว่าใจอำมหิตแทนนางเอง ต่อให้ต้องแลกกับทั้งเกาะบึงใต้ ขอแค่จื่อเยียนได้รับอิสระอย่างแท้จริงมันก็คุ้มค่า!’ นี่คือเสียงพูดกับตัวเองเบาๆ หลังจากฟางชางหลันวางแผนสังหารอวิ๋นไหลในตอนนั้น
นางยังมีแผนสำรอง หลังจากสังหารหรือทำให้อวิ๋นไหลบาดเจ็บสาหัส นางเตรียมตัวเอาไว้อย่างรอบคอบแล้วว่าจะพาจื่อเยียนหนีไป มุ่งหน้าไปยังเกาะอื่นเพื่อใช้ชีวิตใหม่
เพียงแต่ว่าการปรากฏตัวของซูหมิงปั่นป่วนทุกอย่าง…..
ซูหมิงรู้สึกว่าเกาะใต้เท้าสั่นสะเทือนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็มีเสียงดังกึกก้อง ก่อนจะพบว่าเกาะบึงใต้กำลังลอยขึ้น เขามองส่วนลึกของทะเลมรณะข้างนอกอย่างเงียบๆ น้ำทะเลปานถูกแหวกออก อีกทั้งบนผิวทะเลยังปรากฏหลุมเว้าลึกขนาดยักษ์ ลูกคลื่นไหลซัดออกสู่ด้านข้าง
เพียงครู่เดียวเท่านั้น บนผิวทะเลกว้างโล่งเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว หมู่เกาะหนึ่งลอยขึ้นมาจากก้นทะเล น้ำทะเลจำนวนมากไหลเชี่ยวกรากทันใด ทั้งยังมีม่านแสงลักษณะโค้งปกคลุมบนเกาะเอาไว้หนึ่งชั้น เมื่อเกาะปรากฏบนผิวทะเล แสงจากโลกภายนอกก็ลอดผ่านม่านแสงส่องลงมาบนเกาะ!
ซูหมิงเงยหน้ามองชั้นเมฆบนท้องฟ้านอกม่านแสง มองเสียงคลื่นซัดสาดบนผิวทะเลรอบๆ ข้างหูมีเสียงจงเจ๋อดังแว่วเข้ามา
“การชนของแผ่นดินรกร้างบูรพาทำให้แดนอรุณใต้แตกเป็นเสี่ยงๆ…
กลายเป็นแผ่นดินใหญ่สามส่วนที่เล็กลงมาก อีกทั้งยังมีหมู่เกาะนับไม่ถ้วนตรงชายแดน…แผ่นดินใหญ่สามส่วนนั้นมีวงแหวนอาคมคุ้มกันเหมือนถูกผนึกอยู่ ถึงขั้นห้ามคนนอกทุกคนย่างกรายเข้าไป
นอกจากแผ่นดินใหญ่สามส่วนแล้วก็เป็นหมู่เกาะน้อยใหญ่เหล่านี้ บนเกาะส่วนใหญ่ไม่มีสิ่งมีชีวิต หากมีก็มีไม่มาก เป็นคนที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติเหมือนกับพวกเรา
เทียบกับแผ่นดินใหญ่สามส่วนที่ถูกปิดผนึกแล้ว ฝ่ายพวกเราที่ใช้ชีวิตกันบนเกาะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากกว่า อันตรายที่ว่านี้มาจากทะเลมรณะ ทว่าที่มากกว่าคือมาจากแดนรกร้างบูรพา…
ภัยพิบัติรกร้างบูรพา หลังจากแดนอรุณใต้แตกเป็นเสี่ยงๆ ข้าเองก็พบกับความทุกข์ยากเช่นกัน แผ่นดินใหญ่ถล่มทลาย เกิดเป็นหมู่เกาะจำนวนมาก ทว่าเพราะแดนรกร้างบูรพาใหญ่กว่าแดนอรุณใต้หลายเท่า ฉะนั้นความเสียหายจึงน้อยกว่าแดนอรุณใต้มากนัก แผ่นดินไม่ได้แตกเป็นเสี่ยงๆ
แดนอรุณใต้เสียหายอย่างสาหัส แดนรกร้างบูรพาเสียหายไม่มาก นี่คือความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงเรื่องความแข็งแกร่งและอ่อนแอ คนแดนรกร้างบูรพาล่าสังหารพวกเราแดนอรุณใต้อย่างสนุกสนาน ในสายตาพวกเขา คนแดนอรุณใต้ไม่ว่าจะเผ่าหมานหรือเชมันล้วนเป็นคนระดับล่าง อย่างเช่นงานชุมนุมครั้งใหญ่หมัวหลัว ในหมู่เกาะเหล่านั้นนอกแผ่นดินรกร้างบูรพา มีเกาะที่ใหญ่สุดชื่อว่าหมัวหลัว มันจัดงานเลี้ยงนองเลือดสำหรับการสังหารคนแดนอรุณใต้ขึ้น
งานหมัวหลัวนี้จะจัดขึ้นสองปีหนึ่งครั้ง ตอนนี้…ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ยามนี้เกาะบึงใต้โผล่ขึ้นมาบนผิวทะเล จะต้องดึงความสนใจของผู้ฝึกฝนฝ่ายแดนรกร้างบูรพาอย่างแน่นอน ซูหมิง….เจ้าไม่ควรจะสังหารอวิ๋นไหลจริงๆ” จงเจ๋อมองท้องฟ้านอกม่านแสง มองทะเลรอบๆ น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยประสบการณ์อันโชกโชน
“ผู้อาวุโสจงเจ๋อมีแผนที่เกาะนอกแดนรกร้างบูรพาที่เกี่ยวกับเกาะหมัวหลัวหรือไม่?”
ซูหมิงละสายตากลับจากท้องฟ้า หันไปมองจงเจ๋อก่อนกล่าวนิ่งๆ
นัยน์ตาจงเจ๋อเป็นประกาย มองซูหมิงด้วยสีหน้าจริงจัง
“เจ้าจงรู้เอาไว้ เกาะหมัวหลัวเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดนอกแดนรกร้างบูรพา ผู้อาวุโสของเกาะหมัวหลัวมีขั้นพลังถึงจุดสูงสุดของขั้นวิญญาณหมานตอนปลาย อีกครึ่งก้าวก็จะทะลวงสู่ขั้นสมบูรณ์ ข้าเคยสู้แพ้เขา คนผู้นี้มีวิชายากจะคาดเดา ทั้งยังถือครองพลังของวังสวรรค์ต้าอวี๋ ตามคำบอกเล่าของเผ่าหมาน เขาเคยไปราชวงศ์ต้าอวี๋มาก่อนด้วย
หากคนแบบนี้ทะลวงสู่ขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ก็เท่ากับจุดสูงสุดของเชมันระดับสูงสุด เป็นคนที่มีคุณสมบัติพอจะเทียบเท่ากับเชมันระดับนภา ขั้นพลังเจ้าไม่ธรรมดาก็จริง แต่มั่นใจว่าจะสู้กับเขาได้รึ?” จงเจ๋อกล่าวเสียงหนักแน่น
“ข้าจำได้ว่ามีคนเคยบอกข้า ระบบของเผ่าเชมันระดับกลาง ปลาย และสูงสุดสามระดับนี้ เชมันระดับสูงสุดเทียบเท่าขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ เป็นแบบนี้ใช่หรือไม่?” ซูหมิงไม่ตอบคำถามจงเจ๋อ แต่ถามขึ้นเบาๆ
“ในทฤษฏีเป็นอย่างนั้น แต่ความจริงแล้วระบบเผ่าหมานมีต้นกำเนิดยาวนาน หลังจากเทพหมานรุ่นหนึ่งสร้างขึ้นก็กลายเป็นการฝึกฝนแกนสำคัญของเผ่าหมาน แต่ระบบเผ่าเชมัน ประมุขแห่งเก้าอรุณสร้างมันขึ้นเองหลังจากละทิ้งฐานะเผ่าหมานในตอนนั้น
ต่ำกว่าเชมันระดับสูงสุดลงไป ทุกระดับพลังจะแกร่งกล้ากว่าเผ่าหมานเพราะความพิสดารของวิชาเผ่าเชมัน ทว่า…เมื่อเอาขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์มาเทียบกับเชมันระดับสูงสุดแล้ว เชมันระดับสูงสุด…ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของวิญญาณหมานสมบูรณ์
หากจะเทียบกันจริงๆ จากการคาดเดาตามประสบการณ์ของข้า ข้าสู้กับขั้นวิญญาณหมานตอนปลายไหว ทว่าเอาชนะขั้นสมบูรณ์ไม่ไหว กระทั่งตาแก่หมัวหลัวยังเป็นเพียงแค่ครึ่งก้าวก่อนสมบูรณ์ เพียงแต่เขาครองพลังของต้าอวี๋ ฉะนั้นข้าจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
เว้นแต่ในเผ่าเชมัน…จะปรากฏเชมันระดับนภาเหมือนกับยอดจ้าวเชมัน!”
ซูหมิงพยักหน้า ไม่กล่าวสิ่งใด
“นอกจากตาแก่หมัวหลัวแล้ว ตามที่ข้ารู้มา บนเกาะหมัวหลัวยังมีเป่าซานเชมันระดับสูงสุดผู้ทรยศ…และยังมีขั้นวิญญาณหมานตอนกลางเทียบเท่าอวิ๋นไหลอีกสามคน ส่วนขั้นวิญญาณหมานตอนต้นกับเชมันระดับปลายสมุนของเป่าซานมีอีกไม่น้อย
พลังแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะต่อต้านได้เลย ฉะนั้นหมู่เกาะอื่นๆ ในบริเวณนี้รวมถึงเกาะบึงใต้จึงซ่อนตัว” จงเจ๋อกล่าวเสียงหนักแน่น
“ผู้อาวุโสจงเจ๋อ ท่านยังมีอายุขัยอีกเท่าไร?” ซูหมิงพลันกล่าวขึ้น
จงเจ๋อเงียบ ผ่านไปนานจึงหลับตาลง กลิ่นความตายที่ซ่อนอยู่ในตัวชัดเจนขึ้นเล็กน้อย
“ไม่ถึงสิบปี!”
“ข้าซูหมิงเป็นคนเผ่าหมาน ใช้ชีวิตอยู่ในเผ่าเชมันมาหลายปี ตอนนี้หลังจากภัยพิบัติ เผ่าหมานกับเชมันรวมเป็นหนึ่งเดียว…” ซูหมิงมองจงเจ๋อ ค่อยๆ เบนสายตามองฟางชางหลันที่มีสีหน้าซับซ้อน และยังมีชาวเผ่าหมานและเชมันที่ทยอยกันเดินออกมาจากถ้ำของตัวเองบนยอดเขา
“ข้าไม่เคยทำอะไรให้เผ่าหมานเลย…ให้ได้ข้าทำเรื่องนี้เพื่อพวกท่านเถอะ”
ซูหมิงมองผู้คนเสื้อผ้าขาดวิ่น มองพวกเขาที่มีชีวิตรอดภายใต้ภัยพิบัติ ทว่ากลับต้องซ่อนตัว และทุกอย่างเป็นเพราะแดนรกร้างบูรพา…