Skip to content

สู่วิถีอสุรา 531

ตอนที่ 531 ขอยอมทุกอย่างเพื่อฝืนชะตา

“ตอนข้าเกิดชีวิตข้าไม่มีความหมาย…หลังจากข้าเกิดหมานเสื่อมถอยแล้ว…”

ซูหมิงเดินหน้าเหยียบอากาศ สีหน้าเขาเศร้าโศก ร่างแฝงไว้ด้วยความโดดเดี่ยว ปากพึมพำเบาๆ

“ฟ้าไม่มีเมตตา สร้างสงครามวุ่นวายจนผู้คนต้องเร่ร่อน…ปฐพีไม่มีเมตตา ทำให้ภูเขาทมิฬของข้าต้องถูกทำลาย…”

“สงครามเกิดขึ้น จันทราละเอียดเกลื่อนกลาด…แดนใต้แปลกตา ทางสู่บ้านช่างน่าเศร้า…”

“หากสวรรค์มีตา เหตุใดไม่เห็นว่าข้าด่ำดิ่งสู่ความมืดไปชั่วนิรันดร์? หากเทพมีจิตวิญญาณ เหตุใดถึงแยกท้องฟ้าแดนใต้ทะเลแดนเหนือ?”

“ข้าไม่ผิดต่อสวรรค์ เหตุใดสวรรค์ถึงให้ข้าไม่เห็นความมืดในค่ำคืน? ข้าไม่ผิดต่อเทพ เหตุใดเทพถึงทำลายเลือดเนื้อและความทรงจำของข้า!”

“ไม่มีตะวันไม่มีค่ำคืน นึกถึงบ้านเกิดข้า บนเส้นทางระเหเร่ร่อน ยากจะเห็นความทุกข์ของสวรรค์…ข้าคิดถึงญาติพี่น้องวิญญาณทุกดวง วิญญาณนึกถึงข้า เส้นทางเงามืด ใจตัดขาดความห่วงใย!”

“จริงเท็จยากจะโต้เถียง ภูเขาทมิฬกำลังรกร้าง! ฟ้าดินเป็นตาย ร่างกายข้าอยู่ที่ใด! เงยหน้าด้วยน้ำตาโลหิต ขอยอมทุกอย่างเพื่อฝืนชะตาไม่นึกเสียดาย!”

ซูหมิงเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า เสียงเขาดังปานสายฟ้ากัมปนาท ทำให้ชั้นเมฆบนท้องฟ้าม้วนถอยไปหลายชั้นท่ามกลางแรงสั่นสะเทือน แสงตะวันส่องลงมาท่ามกลางความขมุกขมัวด้านบน

เมื่อแสงตะวันมาเยือน ซูหมิงก้าวเท้ายาวห้อทะยานไปทางเกาะหมัวหลัว

ทั้งตัวเขามีจิตสังหาร เต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย ความเศร้าจากหกตัวเลข ความสับสนในสิ่งจริงเท็จของภูเขาทมิฬ และกลิ่นอายความตายจากโลหิตตรงปลายนิ้วฟางชางหลัน ทุกอย่างเหล่านี้ทำให้ซูหมิงหัวเราะเสียงดังขณะห้อเหยียดไป

หัวเราะไปหัวเราะมา เสียงหัวเราะก็ดังยิ่งขึ้น ทว่ากลับเต็มไปด้วยความหนาวเยือก!

เขาหัวเราะท้องฟ้า หัวเราะผืนปฐพี หัวเราะชีวิตของตัวเอง หัวเราะความคิดของตี้เทียน!

เงยหน้าด้วยน้ำตาโลหิต ขอยอมทุกอย่างเพื่อฝืนชะตา!

“ข้าเป็นใคร ซูหมิงหรือซู่มิ่ง ข้าไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร แต่ข้ารู้ว่าไม่ว่าฟ้าดินจะกว้างไกลสักเพียงใด มีแค่ตัวข้าเท่านั้นที่จะกุมชะตาชีวิตตัวเอง!

เป็นใคร สำคัญด้วยหรือ…” ซูหมิงเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง เขาเข้าใจแล้ว ทุกอย่างที่ประสบพบเจอ การเติบโตในช่วงเวลาเป็นตาย ความลับเรื่องภูเขาทมิฬที่เขาเข้าใจมากยิ่งขึ้น และความแตกต่างของฟางชางหลัน ทุกอย่างเหล่านี้ทำให้ซูหมิงเข้าใจ!

“ไม่สำคัญ สำคัญคือข้ายังอยู่ สำคัญคือข้าจะอยู่ไปชั่วนิรันดร์ สำคัญคือความสับสนทุกอย่างนี้ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อคลี่คลายมัน สำคัญคือข้าจะเหยียบย่ำทุกอย่างไว้ใต้เท้า!

ข้าไม่ใช่ข้า ข้าคือข้า!”

เสียงหัวเราะซูหมิงแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่งและมีความโศกเศร้าซ่อนอยู่ เมื่อคนคนหนึ่งพบว่าสิ่งที่ตนคิดว่าล้ำค่าที่สุดมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นของปลอม เขาจะเป็นอย่างไร…

เขาจะตรอมใจ หรือว่า….ผงาดขึ้น!

“อะไรคือจริง อะไรคือปลอม จริงแล้วอย่างไร ปลอมแล้วอย่างไร!” ซูหมิงพุ่งทะยานตลอดทาง จุดที่ผ่านมีเสียงโครมครามดังตลอด เขาบินด้วยความเร็วสูงจนคนยักษ์กลางทะเลมรณะไม่กล้าเงยหน้า สัตว์ปีกบนท้องฟ้าไม่กล้าเข้าใกล้ สิ่งมีชีวิตรอบๆ ไม่กล้าเงยหน้ามอง!

“ในเมื่อพวกเขาเรียกข้าว่าซู่มิ่ง เช่นนั้นจากนี้ไป ข้าซูหมิง ก็จะเป็นซู่มิ่งของพวกเขา!”

“ในเมื่อพวกเขาเรียกข้าว่าซูหมิง เช่นนั้นจากนี้ไป ข้าก็จะเป็นซูหมิง!” ซูหมิงเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ขณะหัวเราะนั้น จิตสังหารกับพลังชั่วร้ายในตัวเข้มข้นขึ้นหลายเท่าแล้วถาโถมใส่ชั้นเมฆ พร้อมกับมุ่งหน้าตรงไปยังเกาะหมัวหลัวแห่งแดนรกร้างบูรพา!

ระหว่างซูหมิงกำลังบินด้วยความเร็วสูง เขาไม่เห็นร่างเงาสตรีที่ยังอยู่บนเกาะบึงใต้ซึ่งห่างออกไปไกล ไม่เห็นรูปปั้นของตัวเองบนเกาะเผ่าชะตาชีวิตที่ชาวเผ่ากำลังกราบไหว้ และก็ไม่เห็นหู่จื่อที่กำลังเงยหน้าร้องขึ้นฟ้าด้วยความคับอกคับใจอย่างยิ่งบนยอดเขาลำดับเก้า ณ แผ่นดินหมาน

เขาไม่เห็นส่วนลึกของผืนดิน อีกด้านหนึ่งของประตูเคลื่อนย้าย ณ โลกน้ำแข็ง ภายในเมืองราชวงศ์ต้าอวี๋ที่ถูกฝังอยู่นั้น กลางแท่นบวงสรวงสูงตระหง่าน ใต้กระดูกสันหลังสัตว์ร้ายตรงหน้าร่างแช่แข็งของจ้าวหมานต้าอวี๋ มีตัวอักษรที่ชายชราคนนี้เขียนเอาไว้ก่อนตาย!

“เมื่อเจ้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร เจ้า…ไม่ใช่เจ้า! เมื่อเจ้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร เจ้า…ถึงจะเป็นเจ้า!”

นอกจากประโยคนี้แล้วยังมีดวงตาขุ่นมัวของจ้าวหมานต้าอวี๋ในตอนนั้น ดวงตาที่มองไม่เห็นโลก สิ่งที่มองเห็นกลายเป็นรอยยิ้มมุมปากซึ่งแฝงไว้ด้วยความสงสารและเฝ้ารอคอย

รอยยิ้มนั้นตอนมาซูหมิงไม่เห็นอย่างชัดเจน ทว่าหากเขามองเห็นได้ชัดจะต้องตื่นตะลึงและมีเสียงดังในความคิดอย่างแน่นอน

เขาจะต้องน้ำตาไหลอยู่ต่อหน้าจ้าวหมานต้าอวี๋บนแท่นบวงสรวงน้ำแข็ง

เพราะรอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มเมตตาที่ซูหมิงไม่มีวันลืม…

ไม่ต้องคิดว่าตนเป็นใคร เผ่าหมานก็ดี เผ่าเชมันก็ดี ซูหมิงหรือว่าซู่มิ่ง ไม่ว่าจะมาจากที่ใด ไม่ว่าเป็นหรือตาย ไม่ว่าที่นี่คือแดนหมานหรือแดนมรณะ

ไม่ต้องไปสนใจสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่ซูหมิงสนใจคือตรงหน้าและยอดเขาลำดับเก้า สิ่งที่เขาต้องสนใจคือการเดินทางครั้งนี้จะต้องไปช่วยคนแดนอรุณใต้ และแก้ไขงานหมัวหลัวที่จัดขึ้นสองปีครั้ง!

จะต้องแก้ไขสิ่งที่มันอยู่มานาน!

ต้องไปบอกกับผู้ฝึกตนแดนรกร้างบูรพาว่า…หลังจากภัยพิบัติในครั้งนั้น แดนอรุณใต้ก็ยังมีผู้แข็งแกร่งอยู่ และจะไม่ยอมให้ใครมารุกรานเช่นกัน!

ซูหมิงบินด้วยความเร็วสูงสุดพร้อมกับจิตสังหาร

หลายวันต่อมา ท่ามกลางเงาสลัวและสว่างบนท้องฟ้า ชั้นเมฆหมุนตลบส่งเสียงโครมคราม น้ำฝนถูกความเร็วของซูหมิงดึงจนเป็นสายน้ำยาว ก่อนตรงหน้าจะปรากฏเป็นหมู่เกาะใหญ่หนึ่งเกาะ!

ม่านแสงนอกเกาะนี้ขยับวูบวาบ เปล่งแสงหลากสี ทั้งยังมีพลังมหาศาล มีเกาะเล็กๆ เจ็ดเกาะโอบล้อมรอบเป็นผู้ปกป้องเหมือนดาวล้อมเดือน

กลิ่นอายพลังแข็งแกร่งลอยวูบไหวมาจากบนเกาะ หากไม่มีม่านแสง กลิ่นอายพลังนี้คงจะกระจายออกมาทั้งหมด หากเป็นเช่นนั้นมันก็เพียงพอจะสร้างความตื่นกลัวให้กับผู้เข้ามาใกล้ทุกคน ทั้งยังสร้างความตื่นตระหนกให้กับสัตว์ร้ายในทะเล

เกาะนี้เป็นลักษณะจันทร์เสี้ยว ด้านบนมีสิ่งก่อสร้างงดงามมากมาย ดูหรูหรายิ่งนัก ทั้งยังเห็นว่ามีผู้ฝึกตนของแดนรกร้างบูรพาจำนวนมากสัญจรไปมา เป็นสถานที่ที่ครึกครื้นแห่งหนึ่ง

แม้งานหมัวหลัวยังไม่เริ่มขึ้น ทว่าก็กำลังเตรียมงานอยู่

การมาของซูหมิงไม่ได้ปิดบังใดๆ เลย ฉะนั้นแทบจะทันทีที่เข้ามาใกล้เกาะนี้ สายรุ้งยาวจากตัวเขาจึงทำให้คนบนเกาะหมัวหลัวเห็นแล้วต้องตื่นตกใจ!

“ซูหมิงจากแดนอรุณใต้ มาเกาะหมัวหลัวในครั้งนี้เพื่อทำลายล้างเกาะ หลังจากข้าไป เกาะนี้จะมีโลหิตไหลหลั่งดั่งแม่น้ำ นี่เป็นการสั่งสอนแดนรกร้างบูรพา!” ซูหมิงขยายจิตสัมผัสโดยไม่เหลือไว้แม้แต่น้อย ให้มันกดทับไปยังเกาะนี้!

เสียงของเขาดังสนั่นบนเกาะ วินาทีที่ทุกคนได้ยิน แม่น้ำสายฝนที่ม้วนตามเขามาตลอดทางก็ตรงเข้าไปโจมตีใส่ม่านแสงคุ้มกันเกาะหมัวหลัว

ภาพนี้ แม่น้ำสวรรค์มาเยือน

ภาพนี้ สายฝนปานลูกธนู!

ภาพนี้ ทะเลมรณะส่งเสียงคำราม!

ภาพนี้ ฟ้าดินถล่มทลาย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version