Skip to content

สู่วิถีอสุรา 534

ตอนที่ 534 ทำลายเกาะ 3

ท่ามกลางสีม่วงและเสียงร้องโหยหวน มีเสียงระเบิดดังติดต่อกัน ในม่านแสงสีโลหิต คนรกร้างทั้งหมดร่างระเบิดกระจุย หลายร้อยคนที่เหลืออยู่ถูกปลิดชีพด้วยวิชาสังหารพิลึก ถูกเส้นม่วงจำนวนมากมุดเข้าสู่ร่างกายและฉีกร่างทั้งเป็น!

แผ่นดินมีโลหิตไหลเป็นสายน้ำ ศพกองบนพื้นนับไม่ถ้วน หลังจากคนรกร้างในม่านแสงสิ้นชีพทั้งหมด ก็มีเส้นม่วงบินมาจากเศษเนื้อในศพแล้วตรงมายังซูหมิง

ชั่วพริบตาเดียวเส้นม่วงรวมอยู่รอบตัวซูหมิงอีกครั้ง วนเวียนรอบๆ กลายเป็นเกราะสีม่วง อีกทั้งในมือซูหมิงยังรวมขึ้นเป็นทวนยาวใหญ่อีกครั้ง!

ภาพนี้ประจักษ์ในสายตาของคนทั้งสามนอกม่านโลหิต สามคนนี้หรี่ม่านตาลง มีสีหน้าตะลึงและหวาดกลัว ความจริงแล้วไม่ใช่แค่พวกเขาสามคนที่เห็น ยังมีคนรกร้างเกือบพันคนบนเกาะที่ไม่ถูกคลุมด้วยม่านโลหิต

ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น ทุกคนบนเกาะจึงเกิดความกลัวจนไม่อาจบรรยายต่อซูหมิง ความกลัวนี้ประดุจฝันร้าย ต่อให้รอดตายจากภัยพิบัติครั้งนี้มันก็จะอยู่กับพวกเขาไปชั่วชีวิต สร้างความตื่นตกใจให้กับพวกเขาขณะนั่งณานหรือในยามค่ำคืน

คนที่เห็นเหตุการณ์นี้ยังมีชายชราหมัวหลัวในวิหาร กับเป่าซานชายวัยกลางคนเชมันระดับสูงสุดข้างๆ!

พวกเขาสองคนมีสีหน้าต่างกัน ทว่าความตะลึงในแววตากลับคล้ายกัน!

“นี่มันเกราะอะไร!” เป่าซานหรี่ม่านตาลง ปากพึมพำเบาๆ

“เกราะนี้…เหมือนว่าข้าเคยอ่านเจอในบันทึกที่ใดสักแห่ง…” ชายชราหมัวหลัวที่มีแผลเป็นบนใบหน้ามีสีหน้าจริงจังยิ่ง

แทบเป็นวินาทีที่ทั้งสองคนมีสีหน้าตื่นตะลึง ซูหมิงในวงแหวนอาคมม่านแสงโลหิตเงยหน้ามองสามคนบนท้องฟ้า แล้วบินตรงขึ้นไป

สามคนนั้นยามนี้มีสีหน้าหวาดกลัว สองมือทำสัญลักษณ์มือแล้วกดบนม่านแสงพร้อมกัน ในม่านแสงพลันขุ่นมัว มีหมอกโลหิตโอบล้อมในทันใด พริบตาเดียวข้างในก็อบอวลไปด้วยหมอกเข้มข้นที่มองผ่านไม่ได้ด้วยตาเปล่า!

ในม่านแสงโลหิตที่ไม่มีคนรกร้างอยู่กลับมีเสียงคำรามเข่นฆ่าขึ้นอีกครั้ง เศษเนื้อจากศพบนพื้นรวมเข้าด้วยกัน แล้วก่อเป็นร่างคนตายจำนวนมาก!

และยังมีการรวมจากโลหิต รวมขึ้นเป็นมนุษย์เลือด ก่อนบุกโจมตีซูหมิงอย่างบ้าคลั่งในหมอก!

นี่ก็คือการใช้งานจริงๆ ของอาคมโลหิตรกร้าง อาคมนี้ยิ่งสังหารมากอานุภาพจะยิ่งมาก พอเห็นว่าหมอกในอาคมหมุนตลบและเกิดเสียงเข่นฆ่ากันแล้ว สามคนนอกวงแหวนอาคมก็วางใจ สามคนนี้มองกันและกัน แล้วพร้อมใจกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตหยดลงบนดาบยาวสีดำตรงกลาง

ดาบนี้ส่งเสียงอื้ออึงอีกครั้ง เมื่อมันสูบโลหิตทั้งหมดแล้วพลันมีควันดำลอยขึ้นมาจากดาบยาว ดูแล้วเหมือนคน ทว่ากลับเห็นใบหน้าไม่ชัด เห็นเพียงรางๆ เท่านั้นว่าเป็นสตรีคนหนึ่ง

เมื่อนางดึงดาบยาวสีดำออกมาจากฝักแล้ว ก็มุ่งหน้าตรงเข้าไปในวงแหวนอาคม

เวลาค่อยๆ ผ่านไป พริบตาเดียวก็ยี่สิบลมหายใจ ในยี่สิบลมหายใจนี้ สามคนนั้นตึงเครียดอย่างยิ่ง จ้องหมอกในวงแหวนอาคมเขม็ง ไม่ใช่แค่พวกเขา คนรกร้างนอกวงแหวนอาคมก็มองมาอย่างตึงเครียดเช่นกัน

กระทั่งชายชราหมัวหลัวกับเชมันระดับสูงสุดอย่างเป่าซานก็ด้วย!

หมอกจากวงแหวนอาคมหมุนตลบขึ้นแรงเรื่อยๆ เสียงเข่นฆ่าภายในแทบจะสะเทือนนภา ทั้งยังมีเสียงฉีกแหลมๆ ปานดาบทะลวงมวลอากาศลากยาว

สามคนบนวงแหวนอาคมเริ่มมีแววตาปิติ พวกเขารู้สึกว่าอานุภาพของวงแหวนอาคมตอนนี้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว!

“ต่อให้เป็นขั้นวิญญาณหมานตอนปลายก็ยากจะมีชีวิตรอดจากวงแหวนอาคมนี้ ทั้งสองท่าน พวกเราควรจะเข้าไปแล้ว เมื่อสังหารบุคคลนี้ พวกเราจะได้สร้างคุณูปการครั้งใหญ่!”

“ดูแล้วบุคคลนี้คงเป็นผู้แข็งแกร่งหายากในแดนอรุณใต้ตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งแบบนี้กลับมาตายบนเกาะหมัวหลัวของพวกเรา ทั้งแดนอรุณใต้ยังมีใครที่เป็นคู่ต่อสู้ของเกาะหมัวหลัวอีก!” ทั้งสามคนยิ้มแล้วทำสัญลักษณ์สองมือพร้อมกัน ก่อนร่างค่อยๆ ลดระดับลงเข้าไปในหมอกแดงในวงแหวนอาคม

ทว่าพวกเขาเข้ามาในวงแหวนอาคมไม่ถึงสิบลมหายใจ วงแหวนอาคมหมอกแดงพลันสั่นไหวและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนรกร้างรอบๆ ตึงเครียด มีสีหน้าดุร้ายและเฝ้ารอคอย

ทันใดนั้น วงแหวนอาคมพลันเกิดเสียงโครมคราม ท่ามกลางสายตาเฝ้ารอคอยจากคนโดยรอบ พวกเขาเห็นว่าม่านแสงสีแดงเกิดรอยร้าวถี่ยิบ แทบเป็นช่วงที่รอยร้าวปรากฏ ก็เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้าดินแล้วระเบิดกระจายออก!

เมื่อม่านแสงพังลง มีร่างเงาสามคนห้อเหยียดขึ้นมาจากข้างใน คนรกร้างรอบๆ มองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น คิดว่าคงได้ชัยแล้ว กระทั่งยังส่งเสียงหัวเราะ ไม่ทันไรก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ทำให้ทุกคนที่นี่มีสีหน้าตื่นกลัว

พวกเขาเห็นว่าร่างเงาสามคนที่พุ่งขึ้นมานั้นคือผู้เยาว์กับชายชราสองคน ส่วนเสียงร้องโหยหวนดังมาจากปากชายชราที่บินขึ้นมาเป็นคนสุดท้าย

เพราะเขาหนีไม่ทันจึงถูกมือหนึ่งบีบคอเอาไว้ ขณะกรีดร้องร่างชายชราระเบิดกระจายเป็นเศษเนื้อจำนวนมาก จากนั้นซูหมิงก็เดินออกมาจากในวงแหวนอาคมที่พังลงแล้ว

เขาสะบัดโลหิตในมือ ทันทีที่ปรากฏตัวและวงแหวนอาคมระเบิดแล้วหมอกโลหิตกระจายสู่รอบๆ นั้น

เขาเดินมาหนึ่งก้าวแล้วสะบัดทวนยาวในมือ เกิดเสียงดังอื้ออึง ทวนยาวทะลวงมวลอากาศไล่ตามชายชราอีกคนที่ยามนี้หน้าซีดขาวและมีสีหน้าตื่นกลัว ก่อนทะลวงหน้าอกไปในพริบตาเดียว

ส่วนซูหมิง หลังจากหายตัวไปแล้วก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าผู้เยาว์คนนั้น ผู้เยาว์หรี่ม่านตาลง เขาไม่มีวันลืมภาพในหมอกเมื่อครู่นี้ไปชั่วชีวิต

เขาเห็น…..สตรีถือดาบยาวที่บรรพชนหมัวหลัวบูชาเป็นอาวุธเทพตัวสั่นต่อหน้าซูหมิง และยังคุกเข่าลงให้กับซูหมิง

และเขาไม่มีวันลืมว่าในหมอกนั้น เพียงแค่สายตาของอีกฝ่ายก็สร้างแรงกดดันทำให้สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งในหมอกสลายไปในชั่วพริบตา และเขายังรู้สึกว่าในสายตานั้นมีความต่างออกไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

มันคือความโกรธ!

เขาจำได้แม่นยำว่าไม่ว่าจะเป็นก่อนที่บุคคลนี้จะมาหรือหลังเข้าไปในวงแหวนอาคม จะมีเพียงจิตสังหารและเย็นชาตลอด ทว่าในสายตาเมื่อครู่ เขามองไม่ผิด มันมีความโกรธ!

เป็นความโกรธอย่างแรงกล้า!

ภายใต้ความโกรธนั้น วงแหวนอาคมถล่มลง หมอกม้วนตลบถอยไป ขณะพวกเขาสามคนกำลังถอยร่นด้วยความตื่นตระหนกกลับมีคนตายไปถึงสองคนในชั่วพริบตา ยามนี้เขายังไม่ทันหนีออกมาไกลนัก ก็มีร่างเงาซูหมิงเดินมาหาเขาพร้อมกับความโกรธ

“ท่านบรรพชนช่วยข้าด้วย!” ผู้เยาว์คนนั้นร้องเสียงแหลมเล็กพลางถอยไปโดยไม่สนสิ่งใด ทว่ากลับหลบนิ้วมือซ้ายของซูหมิงที่คลุมด้วยเกราะม่วงไม่พ้น

ผู้เยาว์คนนั้นเพิ่งกรีดร้องจู่ๆ เสียงพลันหายไป ตรงระหว่างคิ้วถูกนิ้วมือซ้ายทะลวงเข้าลึก ภายใต้พลังของซูหมิง ร่างผู้เยาว์ระเบิดกระจุย ชุดขาวของซูหมิงยามนี้ถูกย้อมด้วยสีโลหิต

บนผืนดิน ภายใต้แรงระเบิดของหมอกแดง คนรกร้างรอบๆ ล้วนมีสีหน้าตื่นตระหนก และพากันกระจัดกระจายกันโดยไม่สนสิ่งใด การเข่นฆ่าของซูหมิงสร้างพายุคลั่งน่าสะพรึงในใจพวกเขา ยามนี้ในหัวพวกเขามีความคิดเดียวนั่นคือไม่แสร้งทำเป็นไม่กลัวอีก แต่คือหนี!

ความเหี้ยมโหดของพวกเขากล้าใช้กับผู้อ่อนแอเท่านั้น ความตื่นกลัวของพวกเขายามนี้ปกคลุมจิตใจปานน้ำหลาก

ซูหมิงไม่มองคนรกร้างที่กำลังหนีไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง แต่มองวิหารบนยอดเขา ณ เกาะหมัวหลัวที่มีโลหิตไหลเป็นสายน้ำ

ช่วงที่เขามาถึงที่นี่ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายพลังแก่กล้าอย่างยิ่งสองชนิดในวิหาร ยามนี้เขาสะบัดโลหิตบนทวนยาว แล้วเดินเหยียบอากาศไปอย่างสงบนิ่ง

ส่วนคนที่หนีอยู่รอบๆ มีจู๋จิ่วอินร้องคำรามพร้อมกับไล่ตามไปอยู่ เขาจึงไม่ต้องสนใจมากนัก

จังหวะก้าวซูหมิงไม่เร็ว เขาเดินไปทีละก้าว ค่อยๆ เข้ามาใกล้วิหาร บนผืนดินด้านล่างเต็มไปด้วยโลหิตสด กลิ่นคาวเลือดแสบจมูกกระจายออก ผิวทะเลมรณะรอบเกาะนี้จึงกระเพื่อม ราวกับกลิ่นคาวเลือดนี้ดึงดูดสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วน

เพียงแต่ว่าสัตว์ร้ายเหล่านี้เพียงว่ายรอบๆ เกาะ กลับไม่กล้าเข้ามาใกล้ แม้พวกมันมีสติปัญญาไม่สูง ทว่ากลับรู้สึกได้ว่าบนเกาะมีบุคคลที่เป็นสาเหตุของโลหิตไหลเป็นสายน้ำอยู่ และยังปล่อยกลิ่นอายชั่วร้ายน่าสะพรึงกลัว

ท้องฟ้ามืดครึ้มยังคงมีสายฝน บางทีอาจเป็นอย่างที่ซูหมิงว่าไว้จริงๆ เมื่อเขาจากไปเกาะนี้จะมีโลหิตไหลเป็นสายน้ำ และเป็นการสั่งสอนแดนรกร้างบูรพา!

หลังจากซูหมิงเดินเข้าไป เกาะหมัวหลัวที่ครึกครื้นในอดีตยามนี้เงียบเป็นเป่าสาก มีเพียงร่างเงาสตรีคนหนึ่งบนผืนดินหลังจากหมอกวงแหวนอาคมกระจายหายไป นางกำลังนั่งคุกเข่า ข้างกายเป็นดาบยาววางเอาไว้

สตรีคนนี้เห็นหน้าตาไม่ชัด ทว่ายามนี้ตัวสั่น จิตใจนางเหมือนกำลังต่อต้านและดิ้นรน อีกทั้งบนตัวนางยังค่อยๆ ปรากฏอักขระ อักขระนี้ค่อยๆ แตกสลาย…

ซูหมิงมีสีหน้าทะมึนทึบ นัยน์ตาฉายแววโกรธแค้น ผู้เยาว์คนนั้นตอนยังมีชีวิตมองไม่ผิด ซูหมิงโกรธจริงๆ ความโกรธนี้ก็มาจากสตรีเลือนรางคนนั้น

ร่างเงาสตรีผู้นี้ เขาคุ้นเคย เขารู้จัก! ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นนางที่นี่!

ยามนี้เดินไปทีละก้าว เมื่อมาถึงหน้าประตูใหญ่ของวิหารใหญ่ เขาก็มองชายชราผู้มีรอยแผลเป็นนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างในด้วยใบหน้าทะมึนและเย็นชา และยังมีชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าซับซ้อนข้างกาย

ซูหมิงไม่กล่าว เพียงยกหอกยาวหลายจั้งขึ้นอย่างเนิบช้า แล้วชี้ปลายหอกไปยังทั้งสองคนในวิหาร

ชายชราในวิหารมีสีหน้าอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ กำหมัดขวาแน่นและยืนขึ้น ชายชราคนนี้สูงใหญ่ยิ่งนัก ด้านหลังเขาปล่อยแรงกดดันในทันใด นัยน์ตาเผยจิตสังหาร

“สหายเชมันเป่าซานจงฆ่ามัน แล้วข้าจะคืนอิสระให้เจ้า!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version