ตอนที่ 536 ความเข้าใจผิดของหมัวหลัว
ซูหมิงที่กลายร่างเป็นซู่มิ่ง เจ็ดส่วนของกระดูกทั้งตัวเป็นกระดูกหมาน มรดกสืบทอดหมานอัสนีและวายุควบคู่กับของวิเศษจำนวนมาก ทำให้เขาอยู่เหนือผู้แข็งแกร่งขั้นวิญญาณหมานธรรมดาได้ และมีกำลังรบถึงขั้นวิญญาณหมานตอนปลาย!
ต่อให้สู้ขั้นวิญญาณหมานตอนปลายไม่ไหว ทว่าคนที่ต่ำกว่าตอนปลายย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูหมิง!
เมื่อแปลงเป็นซู่มิ่งแล้วจะกุมพลังของอดีตและอนาคต เข้าใจกฎด้านตรงและด้านกลับ รวมถึงวิชาพิสดารที่ตัดสลับกันระหว่างอดีตและอนาคต เขาจึงมีความสามารถในการต่อสู้ที่ไร้ขีดจำกัด…เมื่อใช้คู่กับวิชาประจำตัวแล้วจะทำให้กำลังรบใกล้เคียงกับขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์!
ทว่าทุกครั้งที่แปลงเป็นซู่มิ่งจะมีเวลาเพียงสิบห้าลมหายใจ! ต่อให้ซูหมิงฝึกฝนในโลกน้ำแข็งมานานหลายปี เวลาในการแปลงเป็นซู่มิ่งก็มากขึ้นเพียงหนึ่งถึงสองลมหายใจ ทว่าไม่มีทางเกินยี่สิบลมหายใจได้!
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น มันก็เพียงพอให้ซูหมิงแข็งแกร่งอย่างยิ่งในโลกนี้…แม้ว่าเป็นเพียงสิบกว่าลมหายใจ มันก็เพียงพอให้เขากุมสถานการณ์ได้!
ทันทีที่แปลงเป็นซู่มิ่ง ซูหมิงเดินออกมาจากซากเทวรูปหมานของหมัวหลัว ขณะก้าวเดินร่างเขายังเหมือนอยู่ไกลๆ ความจริงคือเพียงก้าวเดียวก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเป่าซานเชมันระดับสูงสุดแล้ว
เป่าซานหรี่ม่านลง แทบจะเป็นวินาทีที่ซูหมิงแปลงเป็นเด็กหนุ่มเดินมา เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่ลังเล แต่ทันใดนั้นเอง เขาเห็นซูหมิงยกมือซ้ายสะบัดแขนเสื้ออย่างเย็นชา
หลังจากนั้น เป่าซานเห็นโลกตรงหน้าหยุดค้างในชั่วพริบตา ก่อนทุกอย่างพังลงกลายเป็นเศษชิ้นส่วน ข้างหูได้ยินเสียงลากยาวแหลมกับเสียงโครมครามดังปะปนกัน เมื่อโลกตรงหน้าเขาแตกเป็นเศษละเอียดก็ผสานรวมขึ้นมาใหม่ปานย้อนเวลา เขาเห็นร่างกายตัวเองกำลังจะถอยหลังแต่กลับควบคุมตัวเองไม่ได้ ขยับย้อนคืนไปตามโลก!
เขาไม่ถอย แต่เดินหน้าไปหนึ่งก้าวในท่าเดียวกับที่เดินถอยหลังเมื่อครู่ เหตุการณ์พิลึกเช่นนี้ทำให้แววตาเป่าซานหวาดกลัว เขาฝึกฝนมาจนถึงระดับนี้ แค่แวบเดียวก็มองออกว่าในนั้นมีความน่าเหลือเชื่ออยู่!
“นะ…นี่คือการย้อนเวลา!” เป่าซานตื่นตะลึงโดยพลัน ข้างหูเพิ่งได้ยินคำพูดของซูหมิงในขณะสะบัดแขนเสื้อ
“มือซ้ายข้าคือตัวแทนของอดีต…”
ในสายตาหมัวหลัวภาพนี้ต่างออกไป เขาเห็นอยู่ว่าเป่าซานกำลังถอยหลัง ทว่ายังไม่ทันก้าวเหยียบลงพื้นก็เดินหน้าไปหนึ่งก้าว ดูจากท่าทางแล้วเหมือนจะเดินไปหาซูหมิงเอง ในเวลาเดียวกัน ซูหมิงก็ยังยกมือขวาชี้นิ้วไปข้างหน้า
เวลานี้เขาสังเกตเห็นคลื่นพลังฟ้าดินรุนแรงจากรอบๆ สัญญาณของการย้อนเวลาทำให้มวลอากาศเกิดรอยร้าวถี่ยิบ โลหิตบนพื้นไหลย้อนคืน!
ทุกอย่างเหมือนช้า ทว่าครั้นหมัวหลัวได้สติกลับมา สิ่งที่เห็นคือเป่าซานปะทะกับดัชนีของซูหมิง เขาไม่ต่อต้านหรือขัดขืนใดๆ ท่ามกลางเสียงดังสนั่น เป่าซานกระอักเลือดพร้อมกับกระเด็นถอยไป
ทว่าทุกอย่างยังไม่จบ ความหวาดกลัวและตื่นตระหนกของหมัวหลัวยังอีกนานกว่าจะสิ้นสุด เพราะเขาเห็นภาพน่าสะพรึงเข้าอีกครั้ง ต่อให้ตนมีขั้นพลังที่จุดสูงสุดของวิญญาณหมานตอนปลายก็ยังรู้สึกหนาวเยือกอย่างไร้ที่สิ้นสุดและเกิดความกลัวต่อซูหมิง!
เขาเห็นว่าขณะเป่าซานกระอักโลหิตกระเด็นถอยไปนั้น
ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าวอย่างเย็นชา แต่ตอนที่เหยียบเท้าลงพื้น ซูหมิงยกมือซ้ายแล้วสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง เป่าซานที่กระเด็นถอยประหนึ่งหยุดชะงักกลางอากาศ จากนั้นทุกอย่างก็ย้อนเวลาอีกครั้ง!
ร่างเป่าซานไม่กระเด็นถอยไปอีกแต่ตรงมายังซูหมิง โลหิตที่ถูกพ่นออกมารวมตัวกันกลางอากาศ จากไอโลหิตกลายเป็นหยดโลหิต ก่อนลอยเข้าสู่ปากเป่าซาน!
ต่อมาซูหมิงก็กดนิ้วพร้อมกับก้าวเดินอีกครั้ง!
นิ้วแรกกดตรงหน้าอกเป่าซาน นิ้วที่สองกดตรงระหว่างคิ้ว และนิ้วที่สามกดตรงคอหอย! สามนิ้วกดลงไปดูเหมือนวัฏจักรหมุนเวียน ทว่าเวลาที่เกิดขึ้นจริงๆ กลับเป็นชั่วพริบตาเดียว!
หนึ่งชั่วพริบตาผ่านไป มีเสียงขึ้นจมูกดังมาจากเป่าซาน เขากระอักเลือดติดต่อกันหลายครั้ง ร่างล้มลงสู่พื้นแล้วไถลไกลออกไป ใบหน้าขาวซีด สีหน้าตื่นกลัว ตรงมุมปากมีโลหิตไหล ขณะกำลังจะยืนขึ้นเพื่อถอยไปนั้น กลับไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มมุมปากเย็นชาของซูหมิงและปากใหญ่ของจู๋จิ่วอินที่พลันปรากฏขึ้นด้านหลังตน
ขณะเป่าซานพยายามจะยืนขึ้น จิตใจพลันสั่นสะท้าน สีหน้าดูหวาดกลัวและเหลือเชื่อ เขารู้สึกถึงภยันตรายร้ายแรง ทว่ากลับขยับหลบไม่ได้ โลกของเขาจึงกลายเป็นสีดำทึบ
จู๋จิ่วอินร่างแปลงจากงูน้อยด้านหลังกินเขาไปในคำเดียว ร่างใหญ่ยักษ์เผยชัดอยู่บนท้องฟ้า เงยหน้าร้องคำรามเสียงดังสนั่น
“ขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์! เจ้าเป็นขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์!”
หมัวหลัวเบิกตากว้าง ยามนี้เกิดคลื่นลูกใหญ่ในใจ ก่อนหน้านี้ซูหมิงให้ความรู้สึกว่าแข็งแกร่งอย่างยิ่งกับเขา แต่เขาคิดว่าคงมาจากเกราะสีม่วง แท้จริงแล้วก็เป็นเช่นนั้น เกราะนั้นไม่มีพลังในการป้องกัน มันมีไว้อย่างเดียวคือโจมตี โจมตี และโจมตี!
เมื่อสวมเกราะนี้ ทั้งตัวจะถูกพลังชั่วร้ายหมุนโคจร หากจิตใจไม่แน่วแน่จะกลายเป็นมาร และเป็นหุ่นเชิดที่รู้จักแต่การฆ่า ไม่มีสติปัญญา!
แม้จะเป็นอย่างนั้น ทว่าเกราะนี้กลับเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ให้อย่างพุ่งพรวด และใช้พลังได้เกินกว่าขั้นพลังของตน! ฉะนั้นก่อนหน้านี้หมัวหลัวจึงรู้สึกว่าซูหมิงจัดการยากยิ่งนัก
เขาเลยไม่ออกไปง่ายๆ แต่รอให้ซูหมิงอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ ก่อน
ตอนนี้เขาเห็นซูหมิงไม่สวมเกราะแล้ว แต่ด้วยวิชาพิลึก ความน่าสะพรึงจากการย้อนเวลา และยังมีสามนิ้วสะท้านฟ้านั่นอีก หมัวหลัวจึงพบว่าที่แท้…อีกฝ่ายในชุดเกราะตัวนั้นยังไม่เรียกว่าน่าสะพรึงกลัว เพราะยามไม่สวมเกราะแต่มีผมครึ่งหนึ่งสีม่วงอีกครึ่งสีขาวต่างหากถึงเป็นช่วงเวลาที่แกร่งที่สุดของอีกฝ่าย!
สามนิ้วมือสร้างบาดแผลสาหัสให้กับเชมันระดับสูงสุด หมัวหลัวคิดว่าตนทำไม่ได้ คนที่ทำได้ถึงขนาดนี้มีเพียงตาแก่ขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ที่ปรากฏตัวยากยิ่งสองสามคนนั้น!
มีเพียงคนเหล่านี้เท่านั้นถึงจะมีพลังเขย่าฟ้าสะเทือนดิน และมีความแกร่งถึงขั้นสังหารเชมันระดับสูงสุดด้วยเพียงสามนิ้วมือ!
‘มาจากแดนอรุณใต้…หรือว่าเขาจะเป็นหนึ่งในสามยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนอรุณใต้! ในสามยอดฝีมือแห่งแดนอรุณใต้ เล่าลือกันว่าเทียนเสียจื่อเป็นตาแก่บ้ามานานปี หลีหลงก็เช่นเดียวกัน มีแค่ยอดฝีมือคนที่สามผู้ลึกลับเท่านั้นจากการตรวจสอบเขายังไม่เคยโผล่หัวออกมา หรือ…หรือว่าจะเป็นคนผู้นี้!’
หมัวหลัวหน้าซีดเผือด หัวใจเต้นแรง ทั้งยังเกิดความกลัวสุดขีด วินาทีที่ผุดความคิดนี้ขึ้นมา เขาถอยหลังอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล คิดจะกลับไปในวิหารใหญ่
เขามาจากแดนรกร้างบูรพา อีกทั้งฐานะยังต่างจากคนอื่น ฉะนั้นจึงมาอยู่บนหมู่เกาะภายนอก การสืบเรื่องสามยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนอรุณคือหนึ่งในภารกิจของเขา!
ยามนี้ในใจคาดเดาไว้เจ็ดส่วน มองว่าซูหมิงตรงหน้านี้ก็คือยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่คนที่สามแห่งแดนอรุณใต้ผู้ลึกลับ!
พอเกิดการคาดเดาแบบนี้ เขาจะกล้าสู้ได้อย่างไร ตอนนี้มีเพียงความคิดเดียวคือกลับเข้าไปในวิหาร ขอแค่อยู่ในนั้น เขาถึงจะมีพลังปกป้องตัวเอง ถึงอย่างไรวิหารนี้…ก็เป็นของวิเศษทรงพลังที่เขาได้มาหลังจากรับภารกิจของสำนัก!
ทว่าซูหมิงล่อเขาออกมาได้ ย่อมไม่มอบโอกาสให้กลับไปในวิหารแน่นอน แทบทันทีที่หมัวหลัวถอยหลังจะเข้าไปในวิหาร ซูหมิงมองอีกฝ่ายด้วยความเย็นชา ร่างขยับวูบไหวหายวับไป
เวลาในตอนนี้ ตั้งแต่ซูหมิงกลายเป็นซู่มิ่งผ่านไปเพียงห้าลมหายใจ!
ทันทีที่ซูหมิงหายไป หมัวหลัวหรี่ตาลงแล้วร้องคำรามด้วยความหวาดกลัว เขารู้แล้วว่าคงยากจะกลับไปถึงวิหาร จึงใช้มือขวาตบหน้าอกตัวเองอย่างไม่ลังเล
เมื่อตบลงก็พลันอ้าปากพ่นแสงสีเหลืองเส้นหนึ่ง แสงนั้นออกมาก็มีพลังมหาศาลวนเวียนรอบๆ อีกทั้งยังสร้างระลอกคลื่นที่ไร้ขีดจำกัดในอากาศ
ตอนที่ซูหมิงเดินออกมาอยู่ข้างกายหมัวหลัว หมัวหลัวยกมือซ้ายขึ้นชี้ไปยังแสงสีเหลือง
“วิหารเก่าแดนใต้แห่งต้าอวี๋ กาลเวลาเข้าสู่มายา!” หมัวหลัวตะโกน เขาจำได้แม่นถึงเหตุการณ์พิลึกเมื่อเป่าซานอยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย และเกรงว่าตนจะเป็นเช่นนั้น เลยใช้ขั้นพลังเกือบทั้งหมดไปกับวิชานี้
“ต่อให้เจ้าเป็นขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังแห่งวิหารต้าอวี๋ ต้นกำเนิดพลังทั้งหมดของเผ่าหมาน เจ้าจะถูกกักขัง ไม่มีทางขวางข้ากลับวิหารได้!”
หมัวหลัวใช้พลังทั้งหมดเพื่อแสดงวิชา เขาเชื่อมั่นในอภินิหารจากของวิเศษชนิดนี้อย่างยิ่ง หลังจากสำนักมอบของวิเศษชิ้นนี้ให้ เขาก็ได้ผสานรวมกับมันเป็นหนึ่งเดียว มีคนตายตกด้วยวิชานี้มากมาย เขาเชื่อว่าต่อให้สังหารซูหมิงไม่ได้ ก็พอจะขวางอีกฝ่ายไว้ได้ครู่หนึ่ง!
เวลาครู่เดียวก็พอให้เขากลับไปในวิหาร จากนั้นขั้นพลังเขาจะสูงขึ้น จะสู้กับซูหมิงก็ได้ หรือจะถอยไปเปิดวงแหวนอาคมหนีไปก็ยังได้ กระทั่งเขายังเรียกท่านโม่เชวี่ยให้มาหาได้อีก
พอนึกถึงกลิ่นอายพลังของท่านโม่เชวี่ยที่ทำให้จิตใจเขาสั่นไหวในความรู้สึกแรกและไม่มีแรงต่อต้านใดๆ แล้ว เขาพลันเกิดความรู้สึกสนใจและตื่นเต้นอย่างแรงกล้า อยากจะสังหารหนึ่งในสามยอดฝีมือแห่งแดนอรุณใต้
ชั่วพริบตาเดียว เมื่อปรากฏแสงสีเหลืองสว่างจ้าตา ชั้นเมฆบนท้องฟ้าหายไป โลหิตบนผืนดินหายไปเช่นกัน วิหารใหญ่ยักษ์ปรากฏกลางท้องฟ้า วิหารนี้โออ่ายิ่งนัก ด้านบนมีแสงประกายหมุนวนโคจร บนแผ่นป้ายตรงหน้าวังด้านบนสุดสลักคำเอาไว้อย่างชัดเจน
แดนใต้ต้าอวี๋!
หลังจากวิหารปรากฏ ความรู้สึกโบราณและพลังเก่าแก่ที่ทำให้คนเน่าเปื่อยได้พลันกระจายไปรอบๆ ซูหมิงเพ่งสายตามอง นอกจากวิหารใหญ่แล้วก็ไม่เห็นชายชราหมัวหลัวอีก
“ต้าอวี๋…” ซูหมิงมองวิหารใหญ่ เขาไม่ได้ใช้พลังในการย้อนเวลา แต่มองวิหารนั้นพลางยิ้มมุมปากเย็นชา
วิหารแห่งต้าอวี๋นี้แผ่กลิ่นอายพลังที่บริสุทธิ์ยิ่งนัก ทว่ากลับ…น้อยมาก! วิชานี้อาจมีผลกับคนอื่น แต่สำหรับซูหมิงแล้ว ภาพมายานี้มัน…ดูปลอมเกินไป!
เพราะว่าเขาเคยเห็นคนจากราชวงศ์ต้าอวี๋ที่พบเห็นได้ยากยิ่งมาแล้ว คนที่เคยเห็นเมืองจักรพรรดิกับวิหารของจริงมานับไม่ถ้วน จะไปตื่นตะลึงกับวิชามายาลอกเลียนแบบอย่างนี้ได้อย่างไร?
ทุกอย่างไม่ต่างจากการสอนจระเข้ว่ายน้ำ