ตอนที่ 58 ราบรื่น
อันดับที่ห้าสิบ โม่ซู สองร้อยขั้น!
อันดับรายชื่อดังกล่าวบนรูปปั้น ทำให้ผู้คนที่เห็นล้วนมีสีหน้าเปลี่ยนไป ความไม่แยแสก่อนหน้านี้ของพวกเขาก็ดี ความเหยียดหยามก็ดี ไอ้ตัวตลกที่เรียกร้องความสนใจก็ดี เวลานี้ราวกับถูกลมพายุคลั่งกวาดหายจนเรียบ
ไม่มีใครคิดว่าเขาเป็นตัวตลกอีกต่อไป พวกเขาได้ประจักษ์แล้วถึงสิ่งปาฏิหาริย์ ได้เห็นกับตาเพียงครั้งเดียวก็ยากจะเชื่อได้!
จากอันดับสุดท้ายพลิกกลับมาติดอันดับหนึ่งในร้อย ก่อนติดหนึ่งในห้าสิบ!
กระทั่งมีชาวเผ่าบนลานบางส่วนไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้น
จากการที่โม่ซูเดินต่อยามค่ำคืนในขณะที่ทุกคนกำลังพักผ่อนจนติดหนึ่งในห้าสิบ สิ่งนี้ทำให้ผู้คนหลายร้อยคนบนลานตื่นตะลึงยิ่งนัก จนเลิกสนใจความรุ่งโรจน์ของหนึ่งในสิบอันดับแรก มองข้ามอันดับสองอย่างปี้ซู่ ทุกคนต่างจับจ้องไปเพียงชื่อของโม่ซู
“สุดท้ายแล้วเขาจะติดอันดับไหนกันแน่…..”
“เขาจะต้องติดหนึ่งในสามสิบอย่างแน่นอน!”
“ก็ไม่แน่ ข้าว่าเขาน่าจะแรงไม่ถึง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ติดหนึ่งในห้าสิบได้ นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาแข็งแกร่ง!”
เสียงฮือฮาดังขึ้นบนลานไม่หยุดหย่อน ในค่ำคืนนี้เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่าตอนนี้กลับไม่อาจเงียบลงได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กระทั่งยังดุเดือดกว่ายามกลางวันเล็กน้อย
การที่ซูหมิงติดหนึ่งในห้าสิบ นอกจากจะได้รับความสนใจจากผู้คนบนลานหลายร้อยคนแล้ว เขายังได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมแข่งขันคนอื่นๆ บนเขาอีกด้วย
เมื่อติดหนึ่งในห้าสิบแล้ว สำหรับคนที่เขาแซงหน้าขึ้นมา ส่วนใหญ่ไม่โกรธแค้นแต่กลับยำเกรง ส่วนห้าสิบอันดับแรก พวกเขากำลังจ้องชื่อของโม่ซูบนตราหิน ซูหมิงได้สร้างแรงกดดันให้แก่พวกเขาเล็กน้อย แม้จะไม่มากทว่าก็ไม่อาจมองข้ามได้ ส่วนสำหรับสิบถึงยี่สิบอันดับแรก พวกเขาแทบไม่มีความสนใจเลย
แต่ถึงกระนั้น หากจะให้บอกว่าใครวิตกกังวลมากที่สุดในเวลานี้ ก็คงต้องเป็นซือคงและเป่ยหลิง พวกเขาทั้งสองอยู่อันดับสี่สิบเก้าและสี่สิบแปด สำหรับอันดับห้าสิบที่เพิ่งเข้ามา เป็นดั่งก้อนจุกอยู่ตรงลำคอพวกเขา
โดยเฉพาะซือคง ยามนี้ใบหน้าขาวซีด กำหมัดเอาไว้แน่น ตัวเขาเป็นบุตรชายจ้าวเผ่ามังกรทมิฬ งานประลองครั้งนี้ไม่ง่ายเลยที่เขาจะกัดฟันมาจนถึงเพียงนี้ เดิมทีเขาค่อนข้างวางใจ ทว่าตอนนี้หัวใจกลับเต้นโครมคราม
‘ขึ้นมาไม่ได้! ขึ้นมาไม่ได้! ขึ้นมาไม่ได้!’ เขาตะโกนในใจไม่หยุด ดวงตาแดงก่ำ จ้องมองอันดับรายชื่อบนตราหินในมือ
ห่างจากเขาไปไม่ไกล เป่ยหลิงยันกายขึ้น มีลักษณะเคร่งเครียดเช่นเดียวกัน ดวงตาเบิกกว้างมองตราหิน ทว่าเขาไม่ได้ตะโกนในใจเฉกเช่นซือคง เพียงแต่กัดฟันหมุนตัวแล้วเดินขึ้นไปบนชั้นหนึ่งร้อยเจ็ด
ในขณะที่แทบทุกคนกำลังมองอันดับรายชื่อ ซูหมิงยืนอยู่บนขั้นที่สองร้อย สูดลมหายใจเข้าลึก แววตามั่นคงประดุจเหล็ก บนตัวของเขามีเส้นเลือดห้าสิบแปดเส้นกำลังขยับแสงสีแดงเด่นชัด หากโดยรอบไม่มีหมอกปกคลุม เกรงว่าแสงจะต้องสูงเทียมฟ้าอย่างแน่นอน ต่อให้อยู่ห่างไกลมากก็ยังมองเห็น ทว่ายามนี้มีหมอกหนาจึงถูกบดบังอยู่แต่ในภูเขายักษ์
ซูหมิงสัมผัสได้ถึงพลังแข็งแกร่งที่ปล่อยมาจากร่างกาย เขาแหงนหน้ามองทะลุหมอกจางด้านบน เห็นดวงจันทร์และท้องฟ้ามืดมิด
เขาไม่ทราบว่าเหตุใด หลังจากฝึกฝนวิชาหมานเพลิงแล้วกลับชอบยามค่ำคืน สำหรับแสงจากตะวัน ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้เฝ้ารอ
“สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งบนโลกใบนี้ มีใครบ้างที่เห็นปลายของฟ้า…” ซูหมิงกล่าวพึมพำ มองท้องฟ้ามืดมิด นัยน์ตามีประกายแสงวูบผ่าน ทว่าไม่นานก็หายไปในดวงตาของเขา หากไม่สังเกตอย่างละเอียดคงยากจะรู้สึกตัวได้
ซูหมิงยกเท้าขวาพลันเหยียบขึ้นไปบนขั้นสองร้อยหนึ่ง สองร้อยสอง ในช่วงที่ฝ่าเท้าของเขาย่ำลง ณ เส้นทางบันไดสายหนึ่ง ซือคงลุกขึ้นพรวดยืนทั้งตัว สีหน้าของเขาเกรี้ยวกราด แหงนหน้าแผดเสียงตะโกน ก่อนเดินต่ออย่างบ้าคลั่ง
เขาจ้องไปยังอันดับรายชื่อของตัวเองที่เปลี่ยนจากสี่สิบเก้าเป็นห้าสิบ ระยะห่างหนึ่งอันดับแสดงถึงความต่างราวกับฟ้าดิน นี่ทำให้ซือคงผู้หยิ่งผยองไม่อาจรับได้
หากโดนแซงยามเช้าก็ถือว่าแล้วกันไป ทว่าตอนนี้เขาครองความได้เปรียบมาตลอดทั้งวัน กลับพลันถูกแซงหน้า นี่ทำให้ซือคงรับไม่ได้ เขากัดฟันเดินต่อโดยไม่สนใจเรื่องแรงต้านที่เพิ่มขึ้นยามค่ำคืน
คนที่เคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน ยังมีเป่ยหลิง!
เพราะการเคลื่อนไหวของคนทั้งสอง จึงส่งผลสะท้อนดั่งลูกโซ่ อันดับที่สี่สิบเจ็ด สี่สิบหก สี่สิบห้าต่างไม่อาจนั่งติดพื้น ล้วนทยอยกันยืนขึ้นและเริ่มเคลื่อนไหวอย่างไม่ยอมแพ้
การเคลื่อนไหวของพวกเขาในครั้งนี้ สำหรับผู้คนหลายร้อยคนบนลานด้านนอกแล้ว เหมือนดั่งได้ดื่มยาใจ ล้วนพากันส่งเสียงฮือฮาด้วยความตื่นเต้น
“ซือคงขยับแล้ว สองร้องสอง สองร้อยสาม….หยุดแล้ว…..”
“เป่ยหลิงก็นั่งไม่ติดแล้วเหมือนกัน สองร้อยเจ็ด สองร้อยแปด สองร้อยสิบ…”
“น่าสนใจ เพราะโม่ซูติดหนึ่งในห้าสิบจึงทำให้อันดับรายชื่อปั่นป่วนทันที ดูท่าคงจะต้องมีหนึ่งคนที่หลุดจากห้าสิบอันดับแรก และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงร้อนใจ!”
ในช่วงที่เสียงฮือฮาดังขึ้นระงม พลันเงียบสงัดลงอีกครั้ง เสียงสนทนาเหล่านั้นกลายเป็นเสียงสูดลมหายใจ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปยังแถบรายชื่อหนึ่งที่กำลังทะยานขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
เวลานี้ยายเฒ่าเผ่ามังกรทมิฬที่ไม่เคยสนใจเรื่องดังกล่าว ลืมตาขึ้นแล้วมองไปยังแถบรายชื่อหนึ่งที่กำลังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสีหน้าเป็นปกติ ทว่าความรู้สึกเปลี่ยนไปหรือไม่นั้น ผู้อื่นยากจะรับรู้
ทว่าจ้าวเผ่าภูผาดำกลับยังคงไม่มองแม้แต่หางตา
อันดับที่สี่สิบเก้า โม่ซู สองร้อยห้าขั้น
อันดับที่สี่สิบหก โม่ซู สองร้อยสิบสามขั้น
อันดับที่สี่สิบสอง โม่ซู สองร้อยยี่สิบเอ็ดขั้น
อันดับที่สามสิบเก้า โม่ซู สองร้อยสามสิบสองขั้น
อันดับที่สามสิบเจ็ด โม่ซู สองร้อยสามสิบเก้าขั้น
อันดับที่สามสิบสี่ โม่ซู สองร้อยสี่สิบเจ็ดขั้น!
ซือคงเหม่อมองอันดับรายชื่อบนตราหินในมือ สีหน้าและตัวซีดขาวซีด ลำตัวสั่นไหวราวกับเสียพละกำลังทั้งหมด ก่อนนั่งแผ่ลงบนพื้นกัดฟันด้วยความโกรธแค้น ทว่าท้ายที่สุดก็ปล่อยวาง เขาเดินไปเพียงสองก้าวเท่านั้น ก็ไม่อาจทนต่อแรงต้านในยามค่ำคืนได้ จึงหยุดลง
เป่ยหลิงมีสีหน้าขมขื่น ขอยอมแพ้ เพราะเขาไม่มีแรงเหลือจะเดินต่อไปแล้ว แรงต้านในค่ำคืนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต่อต้านได้
ส่วนคนที่เหลือก็พากันทยอยชะงักฝีเท้า มองชื่อของโม่ซูจากอับดับห้าสิบทะยานสู่อันดับสามสิบสี่ด้วยสีหน้าตกตะลึง ไม่มีแรงไปสัมผัสความรู้สึกในใจ
ซูหมิงอยู่บนขั้นที่สองร้อยสี่สิบเจ็ด ตรงนี้ยังไม่นับว่าครึ่งเขา หากเทียบกับทางขั้นบันไดเขาแห่งนี้แล้ว ถือว่ามาได้เพียงครึ่งของครึ่งทางเท่านั้น แม้จะกล่าวเช่นนั้น ทว่าตรงจุดนี้กลับเหมือนยืนอยู่กลางอากาศ ไม่มีสายลม มีแต่หมอกหนาปกคลุมทำให้ยากจะมองเห็นโลกภายนอก แต่ถึงกระนั้นดวงจันทร์ที่ซูหมิงแหงหน้ามองบนท้องฟ้ากลับทำให้เขารู้สึกอยู่ใกล้กับมันเหลือเกิน
ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก ก้าวเท้าเหยียบไปบนขั้นสองร้อยสี่สิบแปด ทันใดนั้น เส้นเลือดบนตัวเขาพลันเพิ่มขึ้นจากห้าสิบแปดเป็นห้าสิบเก้าทันที!
เขาก้มหน้ามองเส้นเลือดบนตัว มุมปากยกขึ้นเผยรอยยิ้ม เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าบนขั้นที่สองร้อยสี่สิบแปดเหมือนกับอีกสองจุดก่อนหน้านี้ คือมีแรงต้านที่สมดุลกัน
เวลานี้ท้องฟ้ามืดทึบ อีกสักช่วงเวลาหนึ่งตะวันถึงจะทอแสง ทว่าซูหมิงกลับหยุดเดิน แล้วนั่งขัดสมาธิลงบนขั้นสองร้อยสี่สิบแปด จิตใจหลอมรวมเข้ากับการโคจรพลังโลหิต ค่อยๆ เริ่มฝึกการควบคุมความละเอียดอ่อนอย่างเชื่องช้า
จากการเพิ่มขึ้นของเส้นเลือด ระดับความยากในการควบคุมจึงสูงขึ้นตามไปด้วย ทว่าซูหมิงไม่ใจร้อน โอกาสที่หายากเช่นนี้เขาไม่อยากทิ้งมันไป อีกทั้งท่านปู่ยังบอกตัวเลขทั้งหกตัว นั่นก็หมายความว่าอยากให้ตนรักษาโอกาสนี้เอาไว้
ขณะที่ซูหมิงกำลังนั่งขัดสมาธิฝึกควบคุมความเร็วในการโคจรโลหิตในร่าง เวลาค่อยๆ เดินผ่านไป สายตาจากผู้เข้าแข่งขันอันดับสามสิบกว่าเริ่มฉายแววสงสัย ก่อนกลายเป็นข้อสันนิษฐานของแต่ละคน ส่วนคนที่อยู่อันดับก่อนหน้าสามสิบสี่เริ่มค่อยผ่อนคลายจากความตึงเครียด
ณ ลานด้านนอก การหยุดของซูหมิงในครั้งนี้ มีการคาดคะเนและเฝ้ารอที่แตกต่างกัน
“เขาเป็นใครกัน?”
“เขาเป็นคนจากเผ่าไหน?”
“เหตุใดเขาถึงเดินในยามค่ำคืน?”
“เหตุใดพอถึงอันดับที่สามสิบสี่แล้วจึงหยุดไม่เดินต่อเล่า? หมดแรงหรือว่ามีแผนอะไรกันแน่!”
“ท้ายที่สุดแล้วเขาจะรักษาอันดับไว้ได้หรือไม่ หรือว่าจะตกจากห้าสิบอันดับแรก หรือว่า…..จะติดหนึ่งในสามสิบ กระทั่งหนึ่งในยี่สิบ…”
“เขาจะมีโอกาสติด….หนึ่งในสิบได้หรือไม่!”
คำถามมากมายปรากฏขึ้นในใจของผู้คนหลายร้อยบนลาน ข้อสงสัยเหล่านี้ถูกฝังอยู่กลางใจพวกเขาตามเสียงสนทนาที่เบาลง และเฝ้ารอคอยช่วงเวลาที่ได้คำตอบ
แน่นอนย่อมมีไม่น้อยที่ไม่ชอบซูหมิง พวกเขาคิดว่าอีกประเดี๋ยวซูหมิงก็จะหยุด และที่สำคัญคือเมื่อฟ้าสางและทุกคนเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เมื่อนั้นอันดับของซูหมิงจะต้องหล่นลงมาอย่างแน่นอน
แต่ถึงอย่างไร พวกคนที่ไม่ชอบซูหมิงเหล่านั้นก็ต้องยอมรับว่า ในค่ำคืนแห่งนี้ ชื่อของซูหมิงทำให้เกิดความต่าง ชื่อของเขาจะเป็นที่จดจำของทุกคนไปชั่วนิรันดร์ แม้จะผ่านไปนานหลายปีก็ไม่มีวันลืมเลือน…..
ค่ำคืนนี้ ความรุ่งโรจน์ของโม่ซูล้ำหน้าเกินกว่าสิบอันดับแรก กระทั่งยังมากกว่าเยี่ยวั่ง! มั่นใจเลยว่าชื่อของโม่ซู ต่อให้เป็นวันพรุ่งก็ยังเป็นที่สนใจของผู้คนตลอดเวลา ไม่ว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร ส่วนใหญ่ต่างเฝ้ารอคอยชื่อนี้
ท่านปู่โม่ซังยิ้มมุมปากมองอันดับรายชื่อของซูหมิงตลอดเวลา แม้เขาจะไม่ทราบว่าเหตุใดซูหมิงถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ ทว่าเขาเข้าใจ ทุกคนย่อมมีความลับของตัวเอง ตนเป็นผู้อาวุโส สิ่งที่ต้องทำไม่ใช่ต้องรับรู้ทุกเรื่อง แต่เป็นการปกป้อง
“ตอนนี้ เจ้าเชื่อในสิ่งที่ข้าพูดก่อนหน้านี้หรือยัง?” ท่านปู่โม่ซังถามจิงหนานขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่มายังลานแห่งนี้
จิงหนานมีสีหน้าเป็นปกติ เขาเพียงมองอันดับรายชื่อ พลันขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในใจเริ่มลังเลถึงเรื่องเบื้องหลังชีวิตของซูหมิงที่โม่ซังกล่าวก่อนหน้านี้
ค่ำคืนค่อยๆ ผ่านไป บนลานเข้าสู่ความเงียบสงัด แทบทุกคนต่างเงียบไม่พูดจา พวกเขาล้วนมีความในใจที่แตกต่างกัน ทว่าสายตากลับจ้องไปยังรายชื่อของโม่ซูบนรูปปั้นเป็นตาเดียวกัน
ผ่านไปพักใหญ่ เมื่อเส้นขอบฟ้าเป็นผืนสีขาว วันใหม่มาเยือนแล้ว