ตอนที่ 66 เพลิงโลหิตแผดเผาอีกครั้ง
“ความคิดเคลื่อนไหวละเอียดอ่อน ยิ่งเดินหน้ายิ่งยากเย็น…นี่เป็นขีดจำกัดของขั้นเจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ดแล้ว ยังเหลือเส้นเลือดอีกสองเส้น สองเส้นนี้เหมือนกับผนึกเข้าด้วยกัน ข้าไม่อาจแยกพวกมันได้…” ซูหมิงกล่าวพึมพำเบาๆ
“ทว่า นี่ก็เป็นตัวเลขสุดท้ายแล้ว…..เขาลูกนี้จะเรียกว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการฝึกฝนคงไม่ผิด เมื่อออกไปจากที่นี่แล้ว โอกาสที่จะได้กลับมาอีก เกรงว่าจะหาได้ยากยิ่งนัก…..”’ ซูหมิงเริ่มขมวดคิ้วขึ้น
“สามสิบสอง เจ็ดสิบเก้า สองร้อยสี่สิบแปด สามร้อยเจ็ดสิบเอ็ด ห้าร้อยหกสิบสาม เจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ด…นี่เป็นตัวเลขทั้งหกที่ท่านปู่บอก และนี่ก็น่าจะเป็นความลับที่ท่านปู่พบในตอนนั้น ทว่า….บางทีเหนือกว่าขั้นเจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ดอาจมีอีกหลายจุดที่เป็นเช่นนี้…..นั่นเป็นสิ่งที่ท่านปู่ยังไม่ค้นพบ……” ดวงตาซูหมิงเริ่มฉายแววยึดมั่น
เงียบไปครู่หนึ่ง ซูหมิงมองตราหินในมือก็เห็นอันดับของตัวเอง มันทำให้เขาฮึกเหิม โลหิตในร่างเหมือนกับจะโคจร
“อันดับสอง…”
หลังจากละสายตาจากตราหิน ซูหมิงก้มหน้าลงพยามระงับความตื่นเต้นในใจ นัยน์ตาฉายแววขบคิด
“ข้าบรรลุความปรารถนาของตัวข้าแล้ว ตอนนี้….จะยอมแพ้ก็ได้…” ซูหมิงพึมพำ สีหน้าดูลังเล
“ทว่าหากข้ายอมแพ้ เช่นนั้นการฝึกความละเอียดก่อนก็จะค้างอยู่ในขั้นสุดท้าย ไม่อาจสมบูรณ์ได้….ด้านบนจะต้องมีจุดที่มีแรงสมดุลแบบนี้อีกแน่นอน!” ซูหมิงลังเลไม่นาน เขาไม่ยอมทิ้งโอกาสนี้ไปแน่ เขาทราบถึงวิกฤตของชนเผ่าดี สัมผัสได้ถึงความกังวลใจของท่านปู่ เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้!
“ข้าจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้ ต้องหาขั้นบันไดที่ท่านปู่ยังไม่พบให้เจอ!” สีหน้าลังเลของซูหมิงเปลี่ยนเป็นความหนักแน่นและเด็ดเดี่ยวทันที ยกเท้าขึ้นไปบนขั้นเจ็ดร้อยแปดสิบสอง
เมื่อเหยียบลง ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน แรงกดดันมหาศาลถาโถมเข้าใส่ ทำให้เส้นเลือดจำนวนมากปะทุขึ้นบนตัวของเขา เปล่งแสงสว่างจ้าประดุจขานรับกับดวงจันทร์ที่ยามนี้เลือนราง ซูหมิงแผดเสียงคำรามหนึ่งครั้ง กัดฟันมุ่งหน้าเดินต่อไป
เจ็ดร้อยแปดสิบสาม เจ็ดร้อยแปดสิบสี่ เจ็ดร้อยแปดสิบห้า…..จนกระทั่งถึงแปดร้อยเก้าสิบหก ซูหมิงมีเส้นผมยุ่งเหยิง ตัวสั่นเทา ทุกฝีก้าวแทบจะใช้พละกำลังทั้งหมดของเขา ภายใต้แรงต้านรู้สึกเจ็บปวดร่างกายราวกับจะแหลกสลาย ความรู้สึกเช่นนี้แตกต่างจากเพลิงโลหิตแผดเผาซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยสิ้นเชิง
เพลิงโลหิตแผดเผาคือการปะทุขึ้นจากภายในสู่ภายนอก เหมือนกับร่างกายไม่อาจบรรจุรับได้ ทว่าตอนนี้แรงต้านถาโถมจากภายนอกสู่ภายใน ราวกับจะบดขยี้ร่างกายของซูหมิงให้เป็นผุยผง
เส้นเลือดในร่างกายของเขาโคจรเพื่อต่อต้านไม่หยุดหย่อน ราวกับกำลังค้ำยันร่างกายไม่ให้แหลกสลาย อีกทั้งยังมีแสงจันทร์คอยหล่อเลี้ยงบำรุง จึงทำให้ร่างกายของเขาพอทนได้มากขึ้นเล็กน้อย
ซูหมิงก้าวขึ้นไปทีละก้าว มุมปากมีโลหิตรินไหล สีหน้าดูเหี้ยมโหด ทว่าภายในความเหี้ยมโหดกลับแฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่นอันน่าตะลึง
“ข้าจะต้องหาจุดนั้นให้พบให้ได้ ข้าต้องการฝึกความละเอียดอ่อนให้สมบูรณ์แบบ!” ซูหมิงก้าวขึ้นไปอีกก้าว เหยียบลงบนขั้นเจ็ดร้อยเก้าสิบเก้า เขาในเวลานี้เริ่มมีอาการเวียนศีรษะ ราวกับไม่อาจก้าวต่อไปได้แล้ว
เยี่ยวั่งในยามนี้ก็ตกที่นั่งลำบากเช่นเดียวกัน เขาหอบหายใจแรง เส้นผมยุ่งเหยิง เส้นเลือดดำปูดโปนขึ้นบนใบหน้า เส้นเลือดปรากฏขึ้นทั้งตัวในชั่วพริบตา ต่อสู้ดิ้นรนเดินขั้นไปบนขั้นแปดร้อยสามสิบเจ็ด รู้สึกเจ็บตรงหน้าอก หัวใจที่เต้นแรง ทำให้เขาเกิดความรู้สึกวิงเวียนศีรษะ
ทว่าพอได้เห็นตราหินแล้ว นัยน์ตาของเขากลับดูบ้าคลั่ง
“โม่ซู!” เยี่ยวั่งพลันแหงนหน้าตะโกนขึ้นฟ้า ยกเท้าขึ้นแล้วเหยียบลงอีกครั้ง ทว่าความเร็วกลับช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
ซูหมิงลองมาแล้วห้าครั้ง ทว่าขาทั้งสองข้างไม่อาจยกขึ้นได้ เหมือนมีมือใหญ่กดบนตัวของเขา ทำให้รู้สึกเจ็บไปทั้งตัวราวกับกระดูกกำลังจะแหลกเป็นผุยผง จึงไม่อาจยกเท้าขึ้นได้
มือใหญ่ไร้รูปลักษณ์เผยกลิ่นอายไร้ความปราณีและเย็นชา กดตัวซูหมิงเอาไว้แน่น ทำให้เขาไม่อาจยืนตัวตรงได้ ค่อยๆ โค้งตัวเหมือนจะล้มลงกับพื้น
ใบหน้าซูหมิงเขียวปัด เม็ดเหงื่อไหลไม่หยุดยั้ง อาการเวียนศีรษะมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกหมดแรงเกิดขึ้นในความคิด เขาพยายามแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย มองดวงจันทร์เลือนรางกับท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล
‘สวรรค์หนอสวรรค์ มีอะไรให้เศร้าโศกหรือ!’
ประโยคนี้ดังก้องกังวานในความคิด เขาพลันส่งเสียงหัวเราะ เสียงหัวเราะดังกล่าวสะเทือนไปทั้งตัว ทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากกว่าเดิม ทว่าจันทร์โลหิตในแววตาของซูหมิงกลับเด่นชัดขึ้น ปะทุเปลวเพลิงเข้มข้น
“ข้าไม่ยอม!” ซูหมิงพลันแหงนหน้าร้องเสียงดังกึกก้อง เสียงคำรามของเขาเป็นสาเหตุให้เขาฮึกเหิม ขณะแผดเสียง ซูหมิงกัดปลายนิ้วมือขวา แววตาเผยความบ้าคลั่ง ก่อนป้ายโลหิตไปในดวงตาซ้ายอีกครั้ง
ในช่วงที่ป้ายดวงตา ทั้งภูเขาพลันสั่นสะเทือน หมอกดำไหลเชี่ยวกราก กลิ่นอายพลังมหาศาลปะทุขึ้นจากภูเขาร่องลมทั้งลูก ก่อนหลั่งทะลักมายังซูหมิงประดุจคลื่นยักษ์จากรอบแปดทิศ
ในขณะนั้นเอง พลันมีเสียงคำรามสัตว์ป่ามาจากยอดเขาสูงสุด เสียงคำรามดังกล่าวคล้ายมายา ก้องกังวานทั่วเขาลูกนี้ ส่งผ่านซูหมิง ไปถึงจิตใจของเยี่ยวั่ง!
ซูหมิงกระอักโลหิตมาหนึ่งกอง ภายใต้กลิ่นอายพลังพิลึกมหาศาลที่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย มีเสียงโครมครามดังก้อง จำนวนเส้นเลือดเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน เขาแผดเสียงร้องลั่น ร่างกายที่โค้งงอค่อยๆ เหยียดตรง ดันแรงต้านจากมือใหญ่ที่มองไม่เห็นทั้งสองข้าง
ยามนี้ แรงต้านจากมือใหญ่เหมือนว่าไม่อาจกดทับซูหมิงที่มีกลิ่นอายพลังมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่กาย อีกทั้งยังไม่อาจหยุดเพลิงโลหิตแผดเผาภายใต้ค่ำคืนแสงจันทร์แห่งนี้ได้!
ซูหมิง เหยียดตัวตรง!
ดวงจันทร์เลือนรางบนท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ ยามนี้ราวกับเปล่งแสงสุดท้ายของค่ำคืน พลันเด่นชัดขึ้น เมื่อซูหมิงก้าวเหยียบบนขั้นแปดร้อย เขาเดินหน้าไปได้อีกหลายก้าว!
แปดร้อยสอง แปดร้อยห้า แปดร้อยสิบเอ็ด แปดร้อยสิบสี่ แปดร้อยสิบเจ็ด!
เมื่อยืนอยู่บนขั้นแปดร้อยสิบเจ็ด ดวงตาซูหมิงแดงก่ำ เกิดความรู้สึกราวกับโลหิตในร่างกำลังเผาไหม้ เพลิงโลหิตแผดเผาซ้ำแล้วซ้ำเล่าครั้งที่สามของเขาดำเนินการมาได้ครึ่งทางแล้ว ดวงตาซ้ายที่ป้ายไป ย้อมเพียงครึ่งดวงตาเท่านั้น
ร่างกายของเขามีพลังปะทุขึ้นจากภายในสู่ภายนอก ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังจะระเบิด ซูหมิงทราบดี หากเป็นโลกภายนอก การฝืนทำเพลิงโลหิตแผดเผาครั้งที่สามเช่นนี้ เขาย่อมไม่อาจทนไหวอย่างแน่นอน
ทว่าเมื่ออยู่บนเขาลูกนี้ แรงต้านมหาศาลที่ถาโถมเข้ามากลับเป็นตัวช่วย เป็นศูนย์กลางให้กับร่างกาย หนึ่งเป็นพลังจากแรงปะทุ อีกหนึ่งเป็นพลังจากแรงต้าน ทำให้การทำเพลิงโลหิตแผดเผาครั้งที่สามนี้ มีความเป็นไปได้ขึ้นมา!
นิ้วชี้มือขวาของซูหมิงสั่นเทา ขณะแผดเสียงร้อง พลันป้ายโลหิตสดทั้งหมดเข้าไปที่ดวงตาซ้ายเต็มดวง ทำเพลิงโลหิตแผดเผาซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
ยอดเขาสั่นสะเทือน กลิ่นอายพลังพิลึกมหาศาลหลั่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ทะลวงเข้าไปในทุกส่วนของร่างกายซูหมิงอย่างรวดเร็ว ทำให้จำนวนเส้นเลือดเพิ่มมากขึ้นในทันที
“ข้าจะต้องขึ้นไป!” ซูหมิงยกเท้าขึ้นก้าวเดินต่อไปอีกครั้ง แปดร้อยสิบเก้า แปดร้อยยี่สิบสาม แปดร้อยยี่สิบเจ็ด
จนกระทั่งถึงขั้นแปดร้อยสามสิบเก้า ทั้งตัวเขามีหมอกโลหิตพ่นออกมา ทว่าแววตากลับยังคงยึดมั่นและแน่วแน่
เขาเดินขึ้นมาหลายขั้น ทว่าก็ยังไม่พบความสมดุลที่เขาตามหา แต่ซูหมิงเชื่อว่า ในจำนวนขั้นที่เหลืออยู่จะต้องมีอย่างแน่นอน!
“โม่ซู!” เยี่ยวั่งคลุ้มคลั่ง เขาในตอนนี้อยู่บนขั้นแปดร้อยสี่สิบห้า เมื่อเห็นจำนวนขั้นแปดร้อยสามสิบเก้าหลังชื่อของโม่ซูบนตราหิน จะไม่ให้เขาบ้าคลั่งได้อย่างไร!
ตนเป็นผู้มีพรสวรรค์หมายเลขหนึ่งในรุ่นเดียวกัน ความหยิ่งผยองของเขา ไม่ยินยอมให้ผู้อื่นแซงหน้าไปได้ เกียรติของเขา แม้เขาต้องยอมแลกทุกสิ่ง ก็ต้องรักษาคำว่าหมายเลขหนึ่งเอาไว้ให้ได้
เส้นเลือดดำปูดโปนบนใบหน้าเขา ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ท่าทางหยิ่งผยองหายไป แล้วแทนที่ด้วยความไม่ยินยอม เขาดิ้นรนยกมือขวาขึ้น แผดเสียงคำรามก่อนตบไปที่หัวใจของตัวเอง พลังมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ร่าง ทะลวงผ่านกระดูกและเลือดเนื้อทุกจุดในตัว ในเวลาเดียวกัน ตรงหน้าอกมีลวดลายสีโลหิตปรากฏขึ้น
มันเป็นเขาแหลมสีโลหิตของสัตว์ป่า!
เขาแหลมดังกล่าวเป็นภาพสัญลักษณ์ สีของมันไม่ใช่สีแดงสด แต่อ่อนจางเล็กน้อย ทว่าเมื่อเยี่ยวั่งลดฝ่ามือลง เขาแหลมพลันเปล่งแสงสีแดงจ้าลานตา ราวกับกำลังหลอมละลายก็มิปาน เมื่อแสงสีแดงหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเยี่ยวั่งแล้ว เขาเหมือนกับได้พลังกลับมาใหม่ พลันยกเท้าขึ้นแล้วทะยานไปเบื้องหน้า!
แปดร้อยสี่สิบห้า แปดร้อยสี่สิบหก…จนกระทั่งถึงขั้นแปดร้อยหกสิบเอ็ด เยี่ยวั่งพ่นโลหิตมาหนึ่งกอง เขาแหลมตรงหน้าอกเขามีแสงสีแดงจางลง มิหนำซ้ำยังเลือนรางกว่าก่อนหน้านี้ คลับคล้ายจะหายไป
“โม่ซู เจ้าภูมิใจได้! เจ้าเป็นคนเดียวที่บีบให้ข้าต้องใช้ลวดลายหมานที่ท่านปู่ใช้โลหิตหมานสามสิบเจ็ดหยดวาดให้แก่ข้า ด้วยสิ่งนี้จะทำให้ข้าค่อยๆ ดูดซับและเพิ่มโอกาสในการทะลวงสู่ขั้นชำระล้าง!
เดิมทีข้าไม่อยากใช้มัน เพราะมันไม่มีประโยชน์กับข้า เทียบกับการค่อยๆ ดูดซับมิได้เลย…โม่ซู เจ้าภูมิใจในตัวเองเสียเถอะ!” เยี่ยวั่งกัดฟัน ก้มหน้ามองตราหินพลางหอบหายใจ ทว่าดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้าง
“นี่มัน…เป็นไปไม่ได้!”
สิ่งที่เขาพบคือ จำนวนขั้นหลังชื่อของโม่ซูกำลังทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว!
แปดร้อยสี่สิบเอ็ด แปดร้อยสี่สิบสาม แปดร้อยสี่สิบห้า แปดร้อยสี่สิบเก้า…จนกระทั่งตัวเลขอยู่ในสายตาของเยี่ยวั่ง เขาเห็นตัวเลขเปลี่ยนเป็นแปดร้อยห้าสิบเก้า!
ห่างจากจุดที่เขาอยู่เพียงสองขั้นเท่านั้น! การฝืนดูดกลืนโลหิตหมานของเขา ไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยให้เขาทิ้งระยะห่างเท่านั้น แต่กลับทำให้ใกล้ขึ้นไปอีก หากก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ดูดกลืนโลหิตหมาน เกรงว่าตอนนี้คงถูกแซงหน้าไปแล้ว!
“นี่เป็นไปไม่ได้!” นัยน์ตาเยี่ยวั่งฉายแววตื่นตะลึงและเหลือเชื่อ ขณะกล่าวพึมพำ เขายกมือขวาขึ้น กดไปบนเขาแหลมสีอ่อนตรงหน้าอกอีกครั้งอย่างบ้าบิ่นไร้สติ
เยี่ยวั่งกระอักโลหิตมาหนึ่งกอง ทว่ากายกลับเปล่งแสงโลหิตมหาศาลโอบล้อมไปทั้งตัว แทบจะเห็นตัวเขาได้เพียงรางๆ
“โม่…ซู!”