ตอนที่ 731 เกาะเทพเชมัน
สองคน สุนัขสองตัว…บางทีอาจพูดได้ว่าเป็นหนึ่งมังกรกับหนึ่งกระเรียนขนร่วง
สายรุ้งสี่สายลากยาวอยู่บนฟ้า มุ่งหน้าไปยังทะเลมรณะนอกเกาะอรุณใต้อันเป็นที่ตั้งสำนักเหมันต์สวรรค์ ซูหมิงมีสีหน้าเรียบเฉยตลอดทาง แต่กลับขมวดคิ้ว ทุกอย่างเป็นเพราะอวี่เซวียนที่กำลังกะเทาะเมล็ดแตงและมีท่าทีเหนื่อยหน่ายข้างๆ เขา
ในความรู้สึกเขา นิสัยของอวี่เซวียนเปลี่ยนไปมาก บางทีนางก็ซุกซน บางทีเขินอายและไร้เดียงสา บางครั้งมึนงงทึ่มทื่อ บางครั้งสุภาพเยือกเย็นและสูงศักดิ์ ท่าทีเหนื่อยหน่ายในตอนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งนิสัยที่เขาเห็นจากตัวนาง
เดิมทีอวี่เซวียนก็งดงามมากอยู่แล้ว พอมีท่าทีเฉื่อยชาเลยดูสะดุดตายิ่งกว่าเดิม หากเป็นเช่นนี้ต่อไปบางทีซูหมิงอาจไม่ขมวดคิ้ว ทว่าระหว่างทางมาเสียงกะเทาะเมล็ดแตงจากนางดังไม่หยุดหย่อน แม้แต่เสียงลมยังไม่อาจกลบเสียงดังกึกๆ ได้
“เจ้าทึ่มซูน้อย ระหว่างทางมานี้เจ้าหน้านิ่วคิ้วขมวดตลอด ให้ข้าเดานะ เสียงกะเทาะเมล็ดแตงของข้าคงไปรบกวนเจ้าเข้า?” อวี่เซวียนพ่นเปลือกเมล็ดแตงออกมาหลายอัน สุนัขสีเหลืองข้างๆ รีบวิ่งเข้าไปกินทันที สุนัขตัวใหญ่สีดำร่างแปลงจากกระเรียนขนร่วงด้านหลังก็กำลังจะเข้าไปแย่งเช่นกัน แต่พอถูกสุนัขเหลืองถลึงตามองแล้ว สุนัขตัวใหญ่สีดำมีสีหน้าประจบสอพลอโดยทันที แล้วทำท่าทางเหมือนเจ้าเชิญก่อน
ซูหมิงไม่สนใจอวี่เซวียน เขามีความรู้สึกว่าอ่านเด็กสาวผู้นี้ไม่ออกเล็กน้อย ความรู้สึกนี้ทำให้เขาตื่นตัวในใจอย่างยิ่ง ยามนี้มีสีหน้าปกติ ร่างกลายเป็นสายรุ้งยาวบนทะเลมรณะ สายตามองไปข้างหน้า ตรงนั้นมีหมอกสีม่วงโอบล้อมอยู่ พื้นที่หมอกค่อนข้างใหญ่ กระจายตัวอยู่โดยรอบ
ตรงนั้นก็คือเป้าหมายของเขาในครั้งนี้ หนึ่งในสามเกาะของอรุณใต้ ที่ตั้งของเผ่าเชมัน
ซูหมิงมาหยุดอยู่นอกหมอก มองหมอกม่วงหนาแน่นพลางตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นเอง อวี่เซวียนก็เห็นว่าซูหมิงทำเหมือนนางไม่มีตัวตนอีกแล้ว จึงแค่นเสียงหึเบาๆ กลอกตารอบหนึ่ง นัยน์ตาพลันมีแววเจ้าเล่ห์วูบผ่าน ก่อนกระแอมเสียงเบา
พอสิ้นเสียงกระแอมไอ สุนัขที่กำลังกัดเปลือกเมล็ดแตงอยู่ข้างๆ หูตั้งขึ้นโดยพลัน มันเงยหน้ามองหมอก ก่อนเห่าไปทางนั้นด้วยท่าทีดูแคลน
เสียงเห่าเหมือนกับสุนัข ทั้งยังเหมือนเสียงมังกรคำราม ตอนเพิ่งส่งเสียงยังถือว่าปกติ ทว่าครู่ต่อมาก็พลันดังสะเทือนฟ้าดิน กลายเป็นเสียงอึกทึกสะเทือนแก้วหู เสียงนี้เหมือนกับพายุคลั่งถาโถมไปยังหมอก ก่อนเข้าปะทะอย่างไร้รูปในพริบตา หมอกที่กระจายตัวอยู่รอบๆ ม้วนตลบอย่างรุนแรง และยังมีเสียงอื้ออึงดังกึกก้อง
ชั่วพริบตาเดียว หมอกที่ดูเหมือนหนาพลันกระจายเป็นเสี่ยงๆ ภายใต้เสียงคำรามและพายุคลั่ง หมอกม้วนถอยไปด้านหลังประดุจพายุพัดกระหน่ำใส่ใบไม้ร่วง จากนั้นหมอกตรงหน้า…ก็หายไป
หากเพียงเท่านี้คงไม่เท่าไร แม้การกระทำของอวี่เซวียนจะถือว่าช่วยซูหมิง ผลกลับไม่ใช่อย่างนั้น หลังจากหมอกม้วนถอยไปจากเสียงคำรามของสุนัขแล้ว ก็เผยให้เห็นเป็นหมู่เกาะยักษ์บนทะเล
เกาะนี้เหมือนแผ่นดินเล็กๆ ด้านบนมีสีเขียวชอุ่มและยังมีเทือกเขาตั้งขวางอยู่หลายลูก กลิ่นอายดึกดำบรรพ์ปะปนความชื้นเล็กน้อยโชยมากระทบใบหน้า ทว่าเวลานี้หลังหมอกม้วนถอยไปแล้ว มันยังม้วนแผ่นดินของเกาะนี้ไปด้วยกัน…
ต้นไม้จำนวนมากบนผืนดินถูกถอนรากขึ้นแล้วปลิวม้วนไปตามหมอก หากเงยหน้ามองจากบนเกาะนี้ จะเห็นว่าหมอกม่วงหมุนตลบบนฟ้ามีต้นไม้ มีดิน กระทั่งยังมีสัตว์ปีกจำนวนมากอยู่ในนั้นโดยไม่อาจต้านทาน และถูกม้วนปลิวไปไกลออกไปอย่างเร็วรี่
แผ่นดินสั่นสะเทือน กลิ่นอายพลังแก่กล้าแผ่กระจายมาจากป่าทึบและเทือกเขาจำนวนมากทันใด ทั้งยังมาพร้อมกับเสียงตะโกนลั่นด้วยความตื่นตระหนกและโกรธแค้น
“เจ้าบ้าคนใดมันกล้าล่วงเกินเกาะเทพเชมัน!”
“รนหาที่ตาย บุกเข้าเกาะเทพเชมันโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องตาย!”
สิ้นเสียงตะโกนเหล่านี้ มีร่างเกือบร้อยบินทะยานขึ้นจากพื้นดิน ร่างเหล่านั้นล้วนสวมอาภรณ์ยาวทำจากหนังสัตว์ มองดูเหมือนโบราณ ทว่ากลิ่นอายพลังเชมันกลับบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ในนั้นมีผู้ดูดวิญญาณ เชมันนักสู้ ผู้สื่อวิญญาณก็มี อีกทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นเชมันระดับกลาง รวมถึงเชมันระดับปลายที่มีพลังมากอยู่บ้าง
อวี่เซวียนหยีตายิ้ม เอาสองมือไพล่หลังยืนอยู่ข้างๆ กระทั่งยังผิวปากอีกหลายที มีท่าทางราวกับว่าไม่เกี่ยวกับนาง
เมื่อครู่ซูหมิงยังครุ่นคิดอยู่ว่าจะบุกเข้าไปตรงๆ หรือว่าจะลอบตามหายอดจ้าวเชมันแล้วค่อยต่อสู้กัน ตอนนี้อวี่เซวียนมาก่อกวน การจะลอบเข้าไปจึงเป็นไปไม่ได้แล้ว
ซูหมิงรู้ว่าที่นางทำเช่นนี้ นอกจากนิสัยเดิมของนางแล้ว ที่มากกว่าคือโกรธที่ตนเมินเฉยนางตลอดทาง ตอนนี้กล่าวได้ว่านางสร้างปัญหาให้เล็กน้อย เขาก็ยังไม่มองนางแม้แต่หางตา แต่เดินหน้าไปอย่างช้าๆ
ซูหมิงในชุดคลุมสีขาว เส้นผมยาวแกว่งไกวกลางสายลม ตอนก้าวเดินไป สายรุ้งตรงหน้าเกือบร้อยสายเข้ามาใกล้แล้ว ทว่าวินาทีที่เข้ามาใกล้กลับมีกลิ่นอายพลังสร้างชะตาปะทุมาจากตัวเขา
การปะทุของพลังนี้ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีโดยพลัน มวลอากาศด้านหลังบิดเบี้ยว แรงกดดันแก่กล้าแผ่กระจายปกคลุมทั่วฟ้าดินตามขั้นพลัง
“ถอยไป!” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา เสียงไม่สูงนัก แต่ท่ามกลางแรงกดดันกับขั้นพลังซึ่งแผ่กระจายออก เสียงนี้เข้าไปในจิตใจของชาวเผ่าเชมันเกือบร้อยคน ประหนึ่งฟ้าผ่าดังสนั่นนับครั้งไม่ถ้วน เชมันเกือบร้อยคนหน้าเปลี่ยนสี รวมถึงเชมันระดับปลายด้วย จากนั้นก็ต่างกระอักเลือดพร้อมกัน
นอกจากเชมันระดับปลายหลายคนแล้ว คนที่เหลือภายใต้เสียงและแรงกดดันของซูหมิง ช่วงที่กระอักเลือด จิตใจก็สั่นสะท้าน จิตสำนึกถูกสะเทือนจนพร่าเลือน ต่างพากันตกลงสู่ด้านล่าง แม้ไม่ถึงตายก็ถูกกระแทกจนหมดสติไป
เชมันระดับปลายหลายคนกัดฟันตั้งสติเอาไว้ ทว่ากลับมีโลหิตไหลจากทวารทั้งเจ็ด สีหน้าดูหวาดกลัวและเหลือเชื่อ ก่อนกลายเป็นเสียงร้องแหลมด้วยความกลัว
“นี่ไม่ใช่ขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ของเผ่าหมาน…..จะ…..เจ้า…..”
“เจ้าเป็นใคร!”
แทบทันทีที่ซูหมิงแผ่กระจายแรงกดดัน ปรากฏกลิ่นอายพลังเชมันระดับสูงสุดสี่คนจากในเกาะเทพเชมัน ตอนที่กลิ่นอายพลังสี่คนนี้ตรงเข้ามาก็กลายเป็นร่างคนตรงหน้าซูหมิง
บุรุษสามสตรีหนึ่ง สี่คนนี้มีชายชราสองคน และยังมีชายหญิงคู่หนึ่งที่เป็นวัยกลางคน ยามนี้พอปรากฏแล้ว พวกเขามีสีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง สายตาจ้องซูหมิงเหมือนกับเจอศัตรูตัวฉกาจ
ด้านหลังพวกเขามีสายรุ้งยาวห้อเหยียดมาจากเกาะเทพเชมันอีกจำนวนมาก พริบตาเดียวก็มีสายรุ้งหลายพันสายขยับวูบวาบกลางเวหา กลายเป็นชาวเผ่าเชมันทีละคนๆ พวกเขาหน้าซีดขาว แต่กัดฟันยืนอยู่กลางอากาศ สายตาจ้องซูหมิงอยู่ไกลๆ
“ไม่อยากเชื่อว่าเกาะเทพเชมันจะมีเชมันระดับสูงสุดสี่คน” ซูหมิงกวาดสายตามองเชมันระดับสูงสุดที่คน แล้วกล่าวเสียงเบา
“ท่านเป็นใคร ไม่ทราบว่าเกาะเทพเชมันไปล่วงเกินได้อย่างไร ช่วยอธิบายให้กระจ่างด้วย” ชายชราหนึ่งในสี่เชมันระดับสูงสุด บนใบหน้ามีจุดสีน้ำตาลจำนวนมาก ถามด้วยเสียงหนักแน่นและแหบแห้ง
ในใจเขาตื่นตะลึงอย่างยิ่ง เพียงแค่แรงกดดันก็ทำให้ชาวเผ่าเชมันเกือบร้อยหมดสติ กระทั่งเชมันระดับปลายหลายคนยังมีโลหิตไหลจากทวารทั้งเจ็ด ถ้าจะให้ทำแบบนี้ เขารู้ตัวว่าตนทำไม่ได้
ซูหมิงยังไม่ทันกล่าว อวี่เซวียนข้างๆ ก็ตะโกนด้วยน้ำเสียงไพเราะออกไปทันที
“เจ้ายังไม่เข้าใจอีกรึ พวกเรามาปล้น ปล้นน่ะ เจ้ารู้ความหมายหรือไม่ ได้เวลาปล้นแล้ว!” อวี่เซวียนมีสีหน้าตื่นเต้น ส่งเสียงดังกึกก้อง ทำให้ชายชราเชมันระดับสูงสุดกับเชมันทั้งหมดด้านหลังล้วนมีสีหน้าไม่น่าดูอย่างยิ่ง
“ปล้น?” หญิงวัยกลางคนเชมันระดับสูงสุดข้างชายชราแค่นเสียงหึเย็นชา นัยน์ตามีจิตสังหาร
ซูหมิงมีสีหน้าเฉยเมย เขาไม่มองเผ่าเชมันตรงหน้าพวกนี้ แต่มองไกลออกไป เขาเห็นว่าตรงส่วนลึกของเกาะมีภูเขาลูกหนึ่ง ยอดเขานี้สูงมาก ที่น่าแปลกคือมองไปแวบแรกยังเห็นอยู่ แต่พอจ้องนานเข้าภูเขากลับหายไป
“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เผ่าเชมัน….” ซูหมิงรู้จักที่นี่และภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้ เขาเคยมาที่นี่แล้ว ก่อนภัยพิบัติรกร้างบูรพาจะเกิด ช่วงที่หงหลัวตื่นขึ้น เขาต่อสู้กับร่างแยกตี้เทียนครั้งแรกนอกภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้
เขายังจำได้ว่าบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์เผ่าเชมันมีโลงศพอยู่หนึ่งโลง…
เว้นห่างไปนานหลายปี ตอนที่กลับมาที่นี่อีกครั้ง แผ่นดินในอดีตกลายเป็นเกาะ
ซูหมิงมองภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ไกลๆ พลางเกิดความรู้สึกว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก
เขาเดินหน้าไปอย่างเงียบๆ เมื่อก้าวเดิน แรงกดดันมหาศาลพลันแผ่กระจาย ทำให้มวลอากาศรอบๆ ตัวบิดเบี้ยว
วินาทีที่เขาแผ่กระจายแรงกดดัน เชมันระดับสูงสุดสี่คนบนเกาะหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกัน พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันน่าสะพรึงกลัวจากซูหมิงอย่างชัดเจน ประหนึ่งว่าหากพวกเขายังขวางอยู่ จะถูกบดขยี้จนแหลกอย่างแน่นอน
ตรงหน้าพวกเขา เชมันระดับปลายที่อยู่ใกล้ซูหมิงที่สุดและมีโลหิตไหลจากทวารทั้งเจ็ด ตอนนี้ทนไม่ไหวอีก ต่างกระอักเลือดหมดสติไปในทันใด ก่อนดิ่งลงสู่พื้นด้านล่าง
แทบเป็นช่วงเดียวกับที่เชมันระดับปลายหลายคนหมดสติไป ซูหมิงก้าวเดินหนึ่งก้าว เชมันระดับสูงสุดสี่คนล้วนเปล่งเสียงคำรามต่ำ ทั้งสี่คนแผ่กระจายระลอกคลื่นพลังพร้อมกัน กลายเป็นจิตสี่สายที่ไร้รูปออกจากตัวแล้วบีบเข้าไปหาซูหมิง เพื่อต่อต้านพลังที่ทำให้หายใจขัดข้องจากอีกฝ่าย
ซูหมิงมีสีหน้าเป็นปกติ และยังก้าวเดินอีกก้าว นี่คือก้าวที่สอง วินาทีที่เดินก้าวแรก พลังของเขาก็ปะทะกับจิตของเชมันระดับสูงสุดสี่คน
เสียงครึกโครมไร้เสียงกลายเป็นระลอกคลื่นกระจายออก เชมันระดับสูงสุดสี่คนกระอักเลือดพร้อมกัน ร่างซวนเซถอยไปสามก้าวด้วยสีหน้าตื่นกลัวและเหลือเชื่อ
ตอนที่ซูหมิงเดินก้าวที่สาม กลิ่นอายพลังสร้างชะตาก็กดทับใส่เชมันระดับสูงสุดกับชาวเผ่าเชมันหลายพันคน
เชมันระดับสูงสุดสี่คนกระอักเลือดแล้วถอยไปอีกครั้งในทันที คนที่ถอยครั้งนี้ไม่ใช่แค่พวกเขา เชมันหลายพันคนด้านหลังก็ถอยไปพร้อมกันด้วย
ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าว พวกเขาถอยไปหนึ่งก้าว โดยเฉพาะเชมันระดับสูงสุดสี่คน พวกเขาหน้าซีดขาว ทุกย่างก้าวของซูหมิง พวกเขาจะกระอักเลือดขณะถอยหลังไป
ไม่จำเป็นต้องมีการต่อสู้ ซูหมิงเพียงแผ่กระจายกลิ่นอายพลังสร้างชะตาเท่านั้น ก็มากพอจะเอาชนะได้ทุกสิ่งอย่างแล้ว