ตอนที่ 732 จำแซ่ซูได้หรือไม่
“เจ้าเป็นใครกันแน่!” ชายชราเชมันระดับสูงสุดที่มีจุดสีน้ำตาลเต็มใบหน้ากระอักโลหิต เขากระเด็นถอยไปพลางกล่าวเสียงดัง ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด ความตื่นกลัวในใจสุดจะบรรยาย
‘ใช้เพียงแรงกดดันก็ทำให้พวกข้าสี่คนกระเด็นถอย เลือดลมในร่างกายยังเดือดพล่าน ได้รับบาดเจ็บ กระทั่งโอกาสลงมือยังไม่มี เขา…เขามีขั้นพลังระดับใดกันแน่!’
สามคนที่เหลือหน้าซีดขาว ในใจเกิดความคิดแบบเดียวกัน ตอนนี้ซูหมิงในสายตาพวกเขาเหนือกว่าพวกตนไปหลายชั้นมาก กระทั่งอยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย ภายใต้แรงกดดันนี้ แม้แต่คุณสมบัติจะต่อต้านก็ยังไม่มี
“เขาหรือ เขามีนามว่าซูหมิง เป็นเทพหมานของเผ่าหมาน หรือว่าพวกเจ้ามองไม่ออกกัน” อวี่เซวียนที่อยู่ข้างๆ กล่าวอย่างน่ารักน่าชัง นางติดตามซูหมิงมาก็เพื่อมาเล่น ตอนนี้เห็นสีหน้าเผ่าเชมันพวกนั้นแล้วก็รู้สึกเบิกบานใจ
แทบเป็นช่วงเดียวกับที่อวี่เซวียนเอ่ยออกไป เชมันระดับสูงสุดสี่คนเปลี่ยนสีหน้าอย่างรุนแรง กระทั่งเชมันหลายพันคนด้านหลังยังหลุดเสียงร้องดังระงม
เชมันระดับสูงสุดสี่คนนี้ล้มเลิกความคิดจะต่อต้านไปจนหมดสิ้น เกาะเทพเชมันไม่ได้ปิดตายอย่างสมบูรณ์แบบ พวกเขาออกไปข้างนอกเป็นบางครั้ง ย่อมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในแดนรกร้างบูรพาตลอดหนึ่งปีกว่าๆ นี้แล้ว
ณ จุดมาเยือนของเซียนมีเทพหมานถือกำเนิดขึ้น จากนั้นก็เป็นม่านแสงโลหิตหมื่นลี้ของหอคอยรกร้างบูรพา สำนักซ่อนมังกรสูญสิ้น สำนักเทียนหลันพังพินาศ และสามสำนักอสูรสูญสิ้นพร้อมกัน หนำซ้ำสำนักชุมนุมเซียนยังหายไปจากแดนรกร้างบูรพาอีก
ศัตรูแบบนี้พวกเขาไม่อาจต่อต้านได้เลย อีกทั้งยังไม่สงสัยคำพูดของอวี่เซวียนด้วย ฉะนั้นจึงมีเพียงคำอธิบายเดียวที่ใช้บรรยายขั้นพลังของซูหมิง ซึ่งทำให้พวกเขาสี่คนไม่มีกระทั่งคุณสมบัติจะโต้กลับ
ซูหมิงขมวดคิ้ว เดินหน้าหนึ่งก้าวแล้วพลันหายวับไป เมื่อมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเผ่าเชมันหลายพันคนแล้ว ก็มุ่งหน้าไปทางที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์เผ่าเชมัน ดูเผินๆ เหมือนช้า แต่ความจริงแล้วทุกก้าวจะข้ามไปหนึ่งพันจั้ง
พอซูหมิงห่างไปไกล อวี่เซวียนก็ไม่ได้ตามไปด้วย แต่อยู่ตรงหน้าชาวเผ่าเชมันหลายพันคน นางเชิดหน้าขึ้น เตะสุนัขซึ่งกำลังแยกเขี้ยวพลางเหลือบตามองสุนัขดำร่างแปลงกระเรียนขนร่วงที่ไม่รู้ว่าวิ่งไปข้างล่างตั้งแต่เมื่อไร และกำลังค้นของติดตัวจากคนเกือบร้อยที่หมดสติอยู่ข้างล่าง
“พวกเจ้าล่วงเกินคนอื่นแล้วรู้หรือไม่!”
“มีคนเอาผลึกเชมันสิบล้านก้อนมาซื้อหัวของพวกเจ้าบนเกาะนี้ทุกคน!”
อวี่เซวียนกระแอมไอครั้งหนึ่ง แสร้งทำท่าทีสุขุมและมากด้วยประสบการณ์ ก่อนกล่าวช้าๆ
“ทว่าท่านเทพหมานของเราเป็นคนมีเมตตา ไม่มีความแค้นกับพวกเจ้า เลยไม่สร้างความลำบากใจให้มากนัก เอาแบบนี้เถอะ พวกเจ้าส่งของติดตัวมาให้หมด เอามารวมกันหน่อยว่ามีมูลค่าเท่าไร ขอเพียงไม่ห่างกันมากไป เรื่องนี้จะถือว่าแล้วกันไป
ทว่า…หึๆ หากพวกเจ้ากล้าซ่อนเอาไว้ไม่ยอมส่งมา เช่นนั้นก็อย่ามาโทษว่าข้าใจร้ายแล้วกัน”
ชั่วขณะที่อวี่เซวียนแสร้งทำทีเป็นสุขุมมากประสบการณ์ สุนัขดำร่างแปลงกระเรียนขนร่วงบนพื้นกำลังงับสร้อยคอของชาวเผ่าเชมันที่หมดสติไปคนหนึ่ง พอมันได้ยินคำพูดของอวี่เซวียนก็ตะลึงงันไปชั่วครู่ กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเข้าใจ
‘ย่ามันเถอะ ท่านกระเรียนลำบากอยู่ตรงนี้ตั้งนาน ความจริงแล้วปล้นแบบนี้ก็ได้เหมือนกัน ไม่เลวเลย ข้าจะค้นเองทำไม ควรให้พวกเขาส่งมาเองถึงจะถูก’ กระเรียนขนร่วงพยักหน้าอย่างจริงจัง กล่าวในใจว่าตนได้เรียนรู้อีกวิธีหนึ่งแล้ว
ซูหมิงในตอนนี้ไม่ได้สนใจอวี่เซวียน ตรงหน้าเขาไม่มีชาวเผ่าเชมันมาขวางอีก เขากำลังเดินอยู่กลางอากาศ ด้านล่างเป็นป่าทึบ สุดสายตาตรงหน้าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวหายไป ขณะเดียวกับที่เขาเข้ามาใกล้ ก็คล้ายๆ ว่ามีเสียงหัวใจเต้นแว่วมาจากในภูเขาศักดิ์สิทธิ์
ตึกๆ ตึกๆ….ยิ่งซูหมิงเข้าไปใกล้ เสียงนี้ก็ยิ่งเด่นชัด
ตอนที่เขาอยู่ห่างจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์พันจั้ง พลันมีเสียงคำรามขาดๆ หายๆ แว่วมาจากในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เสียงคำรามสะเทือนฟ้าดิน วินาทีที่มันแว่วออกมา ทั้งเกาะเทพเชมันสั่นไหว
เชมันหลายพันคนตรงหน้าอวี่เซวียนยังพากันหันกลับมามอง สีหน้าพวกเขาไม่มีความตื่นกลัวอีก แต่กลับฮึกเหิม
อวี่เซวียนกะพริบตาปริบๆ เตะสุนัขพลางเงยหน้ามอง
เสียงคำรามดังกึกก้องแฝงไว้ด้วยพลานุภาพ กลายเป็นแรงปะทะจากโดยรอบเกาะนี้พุ่งไปหาซูหมิง ท่ามกลางแผ่นดินสะเทือน ดินทรายพัดส่งเสียงหวีดหวิว ต้นไม้ใบหญ้าเหมือนมีพายุคลั่งถาโถมใส่จนโค่นล้ม ในความรู้สึกซูหมิง เสียงคำรามนั้นคลับคล้ายว่ามาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ และเหมือนมาจากรอบเกาะ วนเวียนอยู่รอบด้าน กลายเป็นความรู้สึกอันไร้ที่สิ้นสุด
แทบเป็นขณะเดียวกับที่เสียงคำรามดังกึกก้อง ร่างเงาหนึ่งพลันบินมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ คนผู้นี้มีเส้นผมยุ่งเหยิง เปลือยกายท่อนบน ท่อนล่างสวมหนังสัตว์ ในมือถือไม้เท้ากระดูกใหญ่ ตรงยอดไม้เท้ามีงูตัวเล็กสีแดงฉานสามตัวตัดสลับกัน นัยน์ตาน่าสะพรึงกลัว มีเสียงขู่ฟ่อของงูแว่วมาเบาๆ
จังหวะเดียวกับที่ร่างเงานี้ปรากฏตัว เขาเดินหน้ามาทางซูหมิงหนึ่งก้าวแล้วหายวับไปในทันที ก่อนมาปรากฏกายห่างไปหลายร้อยจั้ง จากนั้นก็หายไปอีกครั้ง แล้วเผยร่างห่างไปหลายร้อยจั้งอีกรอบ ตอนที่เขาหายวับไปรอบที่สาม มีเสียงหัวเราะประหลาดดังก้องอยู่ด้านหลังซูหมิง บุคคลผู้นี้มาปรากฏอยู่ด้านหลัง ก่อนยกมือซ้ายอันแห้งเหี่ยวขึ้น ห้านิ้วมือที่มีเล็บสีดำทึบแหลมคมคว้าไปยังหัวใจซูหมิงจากด้านหลัง
“สหายเก่าเจอกัน เขารับแขกกันแบบนี้รึ” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา ไม่ได้หลบหลีก แต่ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ใช้แผ่นหลังรับมือซ้ายที่กำลังคว้ามาของชายชรา
เกิดเสียงดังครึกโครมขึ้น ร่างเงาเส้นผมยุ่งเหยิงมีโลหิตไหลตรงมุมปาก ร่างกระเด็นถอยไปโดยพลัน ยามเงยหน้าขึ้นเผยเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยย่นใต้เส้นผมกระเซอะกระเซิง
เขามีใบหน้าแก่ชราอย่างยิ่ง ราวกับเพิ่งปีนออกมาจากโลงศพ แต่ดวงตาสองข้างกลับเปล่งประกายยิ่งนัก ทั้งยังมีเงาจันทร์เสี้ยวขยับวูบวาบในดวงตา
เวลานี้มือซ้ายเขาสั่นเบาๆ เล็บสีดำบนห้านิ้วมือหักทั้งหมด มีโลหิตไหลออกมา
ซูหมิงหมุนตัวไปอย่างไม่ช้าและไม่เร็ว สายตามองยังชายชรา
เขาสบตากับชายชราในทันที ทั้งความสงบนิ่งของซูหมิงและความแก่เฒ่าของชายชรา เวลานี้เหมือนทำให้ฟ้าดินรอบๆ หยุดนิ่ง
“ข้าอยู่มาหลายยุคสมัยแล้ว เจอใครต่อใครมามากมาย เด็กน้อยอย่างเจ้าข้าไม่สนใจอะไรมากนัก….ข้านึกออกแล้ว ตอนนั้นอยู่นอกกำแพงหมอกนภา ข้าส่งร่างแยกมาร่วมสงคราม เจ้าคือรุ่นเยาว์เผ่าหมานที่อยู่ข้างๆ คนนั้นเอง”
ชายชราคนนี้ก็คือยอดจ้าวเชมันที่ฝึกฝนวิชาเก้ามรณะของเผ่าเชมัน เสียงเขาแหบแห้งราวกับกระดูกเสียดสีกัน ได้ยินแล้วไม่รื่นหูยิ่งนัก ตอนนี้เขากล่าวพลางแสยะยิ้ม เผยให้เห็นฟันหลอสีเหลืองอมดำ
“เดิมทีข้าว่าจะหลับใหลแล้วเชียว ทว่าหากได้กินเลือดเนื้อเจ้าก่อนหลับ น่าจะทำให้การหลับครั้งนี้อิ่มยิ่งขึ้น” ชายชราเลียริมฝีปาก ก่อนสะบัดไม้เท้ากระดูกตรงหน้าทีหนึ่ง ฉับพลันนั้นมีหมอกดำกลุ่มหนึ่งลอยมาจากไม้เท้ากระดูก หมอกนั้นบิดเบี้ยวแล้วกลายเป็นงูเหลือมยักษ์ตัวหนึ่ง จากนั้นตรงไปหาซูหมิงพร้อมกับร้องคำราม
ชายชราสะบัดไม้เท้าอีกครั้ง มีหมอกอีกสิบกว่ากลุ่มลอยออกมา แล้วแยกกันกลายเป็นงูเหลือมยักษ์อีกสิบกว่าตัว พวกมันบินวนอยู่รอบๆ พร้อมหมอกดำ ก่อนร้องคำรามและพุ่งมาหาซูหมิงจากทุกทาง
ครั้นทำสิ่งเหล่านี้เสร็จสิ้น ชายชรายังกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตครั้งหนึ่ง โลหิตเป็นสีดำทึบและมีกลิ่นเน่าเหม็น ตอนที่พ่นออกมาก็กลายเป็นหนอนเส้นสีแดงหลายร้อยพันตัว ประหนึ่งว่าเป็นเมฆแดงแผ่กระจาย
ยังไม่จบแค่นี้ หลังจากนั้นชายชรายังทำสัญลักษณ์มือซ้ายตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่สองนิ้วมือซ้ายแห้งเหี่ยวกระทบกัน จะทำให้ท้องฟ้าเกิดเสียงโครมคราม มีสายฟ้าลากยาวลงมาจำนวนมากท่ามกลางเสียงอึกทึก พวกมันไม่ผ่าลงมาถึงพื้น แต่ขยับวูบวาบอยู่กลางอากาศคลับคล้ายว่าแข็งตัว
ชั่วพริบตาเดียว สายฟ้ามากกว่าร้อยสายแข็งตัวอยู่กลางอากาศประหนึ่งถูกหยุดนิ่ง จากนั้นสายฟ้ามากกว่าร้อยสายก็ตัดสลับเข้าด้วยกัน ก่อนรวมขึ้นเป็นเค้าโครงขวานสงครามยักษ์
ขวานสงครามมีขนาดหลายร้อยจั้ง รวมตัวอยู่กลางอากาศจากสายฟ้า หลังจากชายชราชี้มือซ้ายขึ้นไป ขวานสงครามก็สับลงมายังซูหมิงทันที
“จำแซ่ซูไม่ได้รึ” ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง ค่อยๆ เดินไปหาชายชรา พอก้าวเดิน งูเหลือมหมอกดำสิบกว่าตัวรอบๆ ก็ร้องคำรามพร้อมกับเข้ามาใกล้แล้ว
ทว่าวินาทีที่เข้าใกล้ซูหมิง ตัวพวกมันกลับเกิดเสียงดังกึกๆ ก่อนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง หลังสั่นไหวแล้วก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
จังหวะที่ซูหมิงเหยียบเท้าลง เส้นสีแดงนับร้อยนับพันจากโลหิตชายชราเข้ามาใกล้พร้อมเสียงเล็กแหลม หนอนเส้นโลหิตพวกนั้นคมกริบอย่างยิ่ง พวกมันใกล้จะเข้าประชิดตัวเขาแล้ว ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าว ทะลวงผ่านเส้นโลหิตเหล่านั้นไป จากนั้นเส้นโลหิตเหล่านั้นก็พลันบิดเบี้ยวแล้วกลายเป็นน้ำแข็งตกลงสู่พื้น
ทุกอย่างนี้เขาใช้เวลาไม่ถึงสามลมหายใจ ช่วงที่เอ่ยจบประโยค เขาก็มายืนอยู่หน้าชายชราแล้ว
ชายชราหน้าเปลี่ยนสี รูม่านตาสองข้างหรี่ลง ขณะกำลังจะถอยไปนั้น ซูหมิงใช้มือซ้ายคว้าคอเอาไว้
“ตอนนี้ นึกออกรึยังว่าข้าเป็นใคร” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ ตอนเอ่ยคำฟ้าดินส่งเสียงดังเลื่อนลั่น ขวานสงครามจากสายฟ้าสับลงมาแล้ว ทว่าตอนที่เข้ามาใกล้ กระบี่สังหารก็พลันปรากฏในมือขวาเขา จากนั้นกวัดแกว่งตัดไปทางขวานสงคราม เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น ขวานสงครามจากสายฟ้าพังทลายลงในบัดดล พร้อมกันนั้น ซูหมิงออกแรงบีบมือซ้ายที่คว้าคอชายชราเอาไว้
“ตายครั้งแรก” ตอนที่ซูหมิงกล่าวเสียงเบา ชายชราถูกพลังทำลายล้างทะลวงเข้าสู่ร่างกายแล้วบดขยี้เป็นชิ้นๆ
แทบเป็นช่วงที่ร่างยอดจ้าวเชมันแหลกละเอียดเป็นเถ้าธุลี ก็มีกลิ่นอายพลังที่แกร่งยิ่งกว่าปะทุมาจากจุดที่เขาตาย ก่อนปรากฏเป็นร่างชายชราอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้แก่ชราอย่างครั้งก่อน
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร…” ยังไม่ทันที่ยอดจ้าวเชมันจะกล่าวจบ ซูหมิงก็ตวัดกระบี่สังหารในมือขวา ท่ามกลางเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นและกระหายเลือดของกระบี่ มันฟันผ่านคอชายชราโดยทันที ขณะที่ศีรษะกระเด็น ร่างชายชราก็แหลกสลายไปอีกครั้ง
“ตายครั้งที่สอง” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ