ตอนที่ 742 เสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา
ตั้งแต่ซูหมิงออกจากยอดเขาลำดับเก้า จนกระทั่งร่างแปลงจู๋จิ่วอินกินทาสเต๋าสิบเก้าลงไป นี่คือขีดจำกัดของเขาแล้ว หลังใช้แผนการมากมายและเป็นฝ่ายโจมตีก่อนอย่างสมบูรณ์ ไม่สู้กับทาสเต๋าสิบเก้าตรงๆ แต่ใช้อันตรายของเต้าหยวนมาเป็นตัวประกัน ครั้นทาสเต๋าสิบเก้าเสียโอกาสไปเรื่อยๆ แล้ว อีกฝ่ายก็เริ่มถูกจำกัดขอบเขต
ซูหมิงรับมือกับยอดฝีมือก้าวที่สามไม่ได้ ถึงร่างกายเขาจะแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทว่าความต่างของขั้นพลัง ทำให้เขาทนอยู่ภายใต้วิชาของอีกฝ่ายได้ไม่นานนักก็พังทลายลง
นี่ยังเป็นเพราะอยู่ที่แผ่นดินหมาน แม้ขั้นพลังของทาสเต๋าจะถูกจำกัดไม่หนักมากนัก แต่ก็ส่งผลกระทบอยู่บ้าง ฉะนั้นอภินิหารวิชาที่ใช้ในโลกนี้จึงไม่คล่องเหมือนโลกภายนอก แต่แม้จะเป็นอย่างนั้น ซูหมิงก็ต้องจ่ายราคาเป็นการบาดเจ็บสาหัส หนำซ้ำยังไม่อาจสังหารเต้าหยวนได้
ยามนี้ ขณะกำลังกระเด็นถอยมาอย่างรวดเร็ว ตรงมุมปากซูหมิงมีโลหิตไหลไม่หยุดหย่อน เขาจ้องเต้าหยวนที่กำลังร้องโวยวายกับทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดผู้กำลังตรงมาหาตน
เผชิญหน้ากับศัตรูที่แกร่งขนาดนี้ ซูหมิงรู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ด้วย ทว่าต่อหน้าศัตรูแกร่งกล้าผู้นี้ แม้จะอ่อนแอดั่งมดปลวกก็ต้องกล้าต่อต้าน กล้าเผยคมเขี้ยวออกไป
“แซ่ซูต่อสู้มาชั่วชีวิตนับครั้งไม่ถ้วน รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด เคราะห์คราวนี้ยากเย็นยิ่งกว่าตี้เทียนมาเยือน…ทว่าเพื่อยอดเขาลำดับเก้า ต่อให้ต้องตายแล้วมันอย่างไร” ซูหมิงเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ช่วงเวลาเป็นตายแบบนี้เขากลับละทิ้งทุกสิ่งอย่าง ขณะล่าถอยมาก็ยกมือซ้าย เอาหลังมือคว่ำลงแล้วหงายขึ้น จังหวะเดียวกับที่ใช้พลังของซู่มิ่ง ก็กดฝ่ามือไปตรงระหว่างคิ้วตัวเอง
รูปร่างเขาในตอนนี้ไม่ใช่เด็กหนุ่มในตอนนั้นอีก แต่กลายเป็นชายหนุ่ม นี่คือการปรับเปลี่ยนหลังจากก้าวสู่ขอบเขตพลังสร้างชะตา ตอนนี้พอกดมือซ้ายตรงระหว่างคิ้ว พลังของซู่มิ่งก็ระเบิดออกมาทันใด
นอกตัวเขาปรากฏร่างเด็กทารกกับบุรุษผมม่วง ร่างเงาสองคนนี้พลันซ้อนทับกับซูหมิง แต่วินาทีที่ซ้อนทับกัน ทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดที่อยู่ไกลออกไปก็เข้ามาใกล้แล้ว
ทาสเต๋าผู้สามารถใช้พลังก้าวที่สามบนโลกหมานผู้นี้ หากอยู่โลกภายนอกคงยากจะแกร่งเทียมเท่าสามราชันกับห้าจักรพรรดิ กระทั่งอยู่คนละชั้นกันด้วยซ้ำ แม้เป็นเจ้าปกครองโลกเหมือนกัน ทว่าคนที่เพิ่งบรรลุถึงก้าวที่สามก็ถูกเรียกว่าเจ้าปกครองโลก ก้าวที่สามตอนปลายก็ยังเรียกว่าเจ้าปกครองโลกเช่นกัน
ทาสเต๋าห้าคนนี้เป็นเพียงก้าวที่สามตอนต้นเท่านั้น ตอนนี้ขั้นพลังถูกจำกัดเล็กน้อยบนแดนหมาน จึงสามารถใช้พลังได้ราวๆ ระหว่างก้าวที่สองกับก้าวที่สาม
ทุกอย่างเป็นเพราะเสื้อคลุมดาราของพวกเขา อีกทั้งเสื้อคลุมดารานี้ไม่ได้มีเพียงห้าตัว ข้างนอกโลกหมาน ทุกคนที่อยู่บนเรือจำนวนมากกลางฟ้ากระจ่างดาวของเผ่าเซียนล้วนสวมเสื้อคลุมดารา
ความจริงแล้วเสื้อคลุมดารามีพลังต่อต้านกฎเกณฑ์ของเผ่าหมาน มีผลให้ขั้นพลังไม่ถูกจำกัดมากนัก ว่ากันตามหลักการแล้ว เผ่าเซียนควรจะได้รับมันไปมากที่สุด เพราะตอนมาเยือนขั้นพลังจะไม่ถูกจำกัดมากเกินไป
เสื้อคลุมดารามีอยู่จำนวนมากในสำนักดาราสัจธรรม แต่มีเพียงศิษย์สำนักเท่านั้นถึงจะได้ครอบครอง ส่วนคนเผ่าเซียนก็เป็นเพียงฝ่ายหนึ่งภายใต้ขุมอำนาจของสำนักดาราสัจธรรมเท่านั้น จึงห้ามไม่ให้มีเสื้อคลุมดารา
นี่คือหนึ่งเหตุผลเท่านั้น อีกอย่างหนึ่งคือ เสื้อคลุมดาราเหล่านี้ล้วนเป็น…เสื้อคลุมบุตรดารา!
ประโยชน์ของพวกมันไม่ได้น่าอัศจรรย์อะไรมากนัก และก็ใช่ว่าจะไม่ถูกกฎโลกหมานจำกัด สิ่งที่สร้างพลังให้กับเสื้อคลุมบุตรดารานี้คือ
…เสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราของเต้าหยวน
ผู้สวมเสื้อคลุมบุตรดาราทุกคนต้องฟังคำสั่งของผู้สวมเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราเหมือนเป็นจุดศูนย์กลาง จะคัดค้านไม่ได้ คล้ายกับถูกควบคุม ทว่าจะไม่ส่งผลถึงสติปัญญาและจิตใจของผู้สวมเสื้อคลุมบุตรดารา เพียงแต่ในความคิดพวกเขาจะมีเจ้านายเพิ่มมาคนหนึ่งเท่านั้น
เจ้านายคนนี้ก็คือผู้สวมเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารานั่นเอง
มีเพียงเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราเท่านั้น ถึงจะทำให้เสื้อคลุมบุตรดารามีพลังที่ไม่ต้องรับผลจากกฎของโลกหมานมากเกินไป หากเผ่าเซียนอยากได้เสื้อคลุมบุตรดาราก็จะต้องเป็นทาสของคนอื่น หากไม่ยอม แต่อยากครอบครองเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราเสียเอง ก็จะถูกทำลายล้างเผ่า
เพราะว่าในสำนักดาราสัจธรรม ผู้สวมเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราล้วนต้องเป็นทายาทสายตรงแซ่เต้า ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีขั้นพลังใด นิสัยเป็นอย่างไร ขอเพียงเป็นสายเลือดแซ่เต้า ตอนเกิดมาก็จะได้รับเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา เมื่อเติบใหญ่ขึ้นจะใช้เสื้อคลุมนี้ได้ตามใจชอบและสร้างขุมอำนาจของตัวเองได้
ยิ่งขุมอำนาจยิ่งใหญ่มากเท่าไร พลานุภาพของเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราก็จะยิ่งมาก กระทั่งทำให้คนสายเลือดเต้ามีขั้นพลังสูงขึ้น
นิสัยกับขั้นพลังของเต้าหยวนและกองกำลังของเขา ความจริงแล้วเป็นพวกปลายแถวในสำนักดาราสัจธรรมเท่านั้น ผู้ฝึกฌานมีเพียงหลายพันคน ก้าวที่สามในนั้นก็มีเพียงทาสเต๋าสิบเก้า ยี่สิบเอ็ด สามสิบเอ็ด สี่สิบเอ็ด และห้าสิบเอ็ดรวมห้าคนเท่านั้น
ส่วนคนที่เหลือมีขั้นพลังอ่อนแข็งต่างกัน ทว่านอกจากห้าคนนี้แล้ว ขั้นพลังสูงสุดก็เพียงก้าวที่สองสมบูรณ์เท่านั้น
ฉะนั้นตอนที่เต้าหยวนผ่านทางมายังเผ่าเซียนฝ่ายหนึ่งภายใต้อำนาจของสำนักดาราสัจธรรม ด้วยฐานะหนึ่งในนายน้อยจำนวนมากในสำนักดาราสัจธรรมของเขา สามราชันกับห้าจักรพรรดิอย่างเช่นตี้เทียนจึงไม่สนใจแม้แต้น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมาคารวะเขาเลย
ทว่าทาสเต๋าก้าวที่สามห้าคนนี้ ภายใต้ประโยชน์ของเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา พวกเขาที่สวมเสื้อคลุมบุตรดาราจึงลงมายังแดนหมานโดยมีขั้นพลังสูงอย่างยิ่ง และกลายเป็นภัยพิบัติใหญ่หลวงสำหรับซูหมิงไป
ยามนี้ วินาทีที่ซูหมิงใช้พลังของซู่มิ่ง ทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดมีสีหน้าทะมึน เขาตรงเข้ามาจะสังหารซูหมิงตามคำสั่งเต้าหยวน ในสายตาเขาซูหมิงเป็นคนต่ำทรามไร้ยางอาย รู้จักแต่การใช้แผนการชั่วร้าย หากสู้กันตรงๆ เขามั่นใจว่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว อีกฝ่ายจะต้องตายในทันที
ทันทีที่เขาตรงเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าทะมึนนั้น นัยน์ตาซูหมิงพลันเปล่งประกายแสงหม่น ร่างเด็กทารกกับร่างบุรุษผมม่วงกำลังหลอมรวมกันอย่างรวดเร็ว ทว่าทันใดนั้นก็มีกลิ่นอายพลังมรณะยมโลกที่ซูหมิงรู้สึกคุ้นเคยในจิตวิญญาณระเบิดมาจากด้านหลัง
หลังจากกลิ่นอายพลังนั้นระเบิดออกมา ก็เห็นอวี่เซวียนที่หน้าซีดขาวราวกับศพเดินจากด้านหลังมาอยู่ตรงหน้าซูหมิง จากนั้นยกมือขวากดไปทางทาสเต๋ายี่สิบเอ็ด
เมื่อกดฝ่ามือไป ระลอกคลื่นมรณะยมโลกปะทุมาจากร่างนางอย่างรุนแรง แล้วเข้าปะทะกับทาสเต๋ายี่สิบเอ็ด
“รนหาที่ตาย!” ทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดแค่นเสียงหึเย็นชา
เขากดนิ้วไปยังฝ่ามือของอวี่เซวียนโดยไม่หลบแม้แต่น้อย บนนิ้วมือเหมือนรวมเป็นดาวดวงหนึ่งที่เปล่งแสงสว่างแสบตา วินาทีที่ปะทะกับฝ่ามืออวี่เซวียนก็เกิดเสียงครึกโครมสนั่น อวี่เซวียนกระอักเลือด ร่างโซเซถอยไปหลายก้าว แม้แต่ดวงตายังเสียความเฉียบคมในอดีตไป
เวลานี้เอง เด็กทารกกับบุรุษผมม่วงนอกตัวซูหมิงก็หลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบ เส้นผมกลายเป็นสีเทา ร่างกายเปลี่ยนเป็นเด็กชายอายุเจ็ดแปดขวบ ระลอกคลื่นเข้มข้นซึ่งคล้ายกับกลิ่นอายมรณะยมโลกของอวี่เซวียนอย่างยิ่งปะทุมาจากตัวเขา
ซูหมิงหน้าขาวซีดราวคนตาย เขาในตอนนี้คล้ายกับอวี่เซวียนมาก ประหนึ่งถอดมาจากแบบเดียวกัน นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายสีเทา ระหว่างที่อวี่เซวียนโซเซถอย ก็พุ่งไปหาทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดอย่างไม่ลังเล ก่อนยกมือขวาสะบัดไปข้างหน้า ฟ้าดินส่งเสียงดังเลื่อนลั่น กฎแห่งการย้อนเวลาอบอวลไปโดยรอบ ทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น
แต่ในครู่เดียวนี้ กระบี่สังหารพลันปรากฏในมือซูหมิง เขาฟันเฉียงไปข้างหน้าดุจสายฟ้าสายหนึ่งลากผ่านตรงหน้าไป อวี่เซวียนกัดฟันงามแล้วพุ่งตัวมาอีกครั้ง ร่วมปะทะกับทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดพร้อมซูหมิง
เสียงระเบิดดังสนั่น ซูหมิงกระอักเลือด ร่างกระเด็นถอยไป ส่วนอวี่เซวียนฝืนยิ้มขมขื่นแล้วร่นถอย พวกเขาสองคนลงมือพร้อมกัน ยังทำให้ทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดเพียงร่างสั่นไหวเท่านั้น ไม่นานนัก ตรงหน้าทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดก็มีแสงดาวเด่นชัดปกคลุมโดยรอบ และยังลุกลามมาทางคนทั้งสอง
“พวกเจ้าสองคน ตายเสีย!” ทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดมีสีหน้าเหี้ยมโหด ขณะเดินหน้ามาก็เกิดเสียงระเบิดดังกว่าเดิม ซูหมิงสั่นไหวไปทั้งตัว ร่างกระเด็นถอยไปดั่งว่าวสายป่านขาด ทั้งยังกระอักโลหิตกองใหญ่ อาการบาดเจ็บใกล้จะแผ่ลามไปทั่วร่างแล้ว
ส่วนอวี่เซวียนก็เช่นกัน นางมองทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดตรงเข้ามาด้วยความขมขื่น จากนั้นหันหน้าไปมองซูหมิง
“ฮ่าๆ สังหารบุรุษ เก็บสตรีเอาไว้ สมควรตาย ข้าจะถลกหนังดึงกระดูกมัน ให้มันตายและนึกเสียใจที่ทำร้ายข้า!” เต้าหยวนร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น
ทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดพยักหน้า ก้าวเข้ามาห่างจากซูหมิงและอวี่เซวียนไม่ถึงสิบจั้งแล้ว สีหน้าเขาดุร้าย นัยน์ตาเผยจิตสังหาร ทันใดนั้นแสงดารารอบตัวเขาก็เหมือนเป็นหนามคมกริบ พอยกมือขวาขึ้น หนามคมกริบเหล่านั้นก็ระเบิดกระจาย พุ่งตรงไปหาซูหมิงกับอวี่เซวียน
ซูหมิงกัดปลายลิ้นอย่างแรง บังคับให้ตนพอได้สติกลับมาจากความเหม่อลอยเพราะอาการบาดเจ็บสาหัส นัยน์ตาเขาไม่มีความสิ้นหวัง แต่สงบนิ่ง ไม่มีความกลัวต่อความตาย
วินาทีที่ทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดตรงเข้ามา ซูหมิงยกมือขวาจับอวี่เซวียนข้างๆ เอาไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่ซูหมิงจับมือนาง มือนั้นเย็นเยียบดุจดั่งคนตาย
“กลัวรึไม่” ซูหมิงยิ้มกล่าวขึ้น
“ไม่กลัว” อวี่เซวียนอึ้งงัน มุมปากบนใบหน้าขาวซีดที่ยังมีโลหิตอยู่เผยรอยยิ้มงดงาม แล้วส่ายศีรษะ
ซูหมิงจับมืออวี่เซวียนเอาไว้แล้วดึงไปไว้ข้างหลังตนอย่างไม่ลังเล ขณะเดียวกันเขายกมือซ้ายสะบัดไปข้างหน้า มวลอากาศตรงหน้าพลันบิดเบี้ยว ก่อนปรากฏเทวรูปหมานของตนขึ้นมา มันขวางอยู่ตรงหน้าเขากับอวี่เซวียนเพื่อรับมือกับอภินิหารดาราของทาสเต๋ายี่สิบเอ็ด
ทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดยิ้มเยาะ เขาใช้พลังทั้งหมดแปลงเป็นแสงดาราเข้ามาใกล้เทวรูปหมานของซูหมิงในพริบตาเดียว ช่วงที่เกิดเสียงดังกึกก้องสะเทือนฟ้าดิน ภายใต้การโจมตีของทาสเต๋ายี่สิบเอ็ด เทวรูปหมานแตกเป็นเสี่ยงๆ และพังทลายลงทั้งหมด แสงดาราทะลวงผ่านเข้ามา ซูหมิงกระอักเลือด อาการบาดเจ็บภายในกำเริบขึ้น กายภายนอกยังอาบไปด้วยโลหิต จิตสำนึกเลือนราง ก่อนกระเด็นออกไปพร้อมกับอวี่เซวียน
ทางอวี่เซวียนยังดีหน่อย นางกระชากซูหมิงถอยมา ตรงมุมปากมีโลหิตไหล สีหน้าดูสิ้นหวัง