Skip to content

สู่วิถีอสุรา 752

ตอนที่ 752 เลือดเนื้อร่างกาย

หากเป็นครั้งก่อน ในตอนนี้พวกเขาจะจากไปโดยไม่มีอะไร สัตว์สามตัวนั้นจะกลับเข้าไปในภูเขาไฟอีกครั้ง และรอพวกเขามารอบหน้า

ครั้งนี้กลับไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ช่วงที่ทุกคนถอยไปและสัตว์สามตัวนั้นกลับเข้าไปในภูเขาไฟแล้ว สัตว์ตัวเล็กที่กินซูหมิงกลับตัวสั่นอย่างรุนแรง ก่อนร้องคำรามเสียงแหลมเล็ก

มันร้องคำรามอย่างกะทันหันนัก ทำให้คนโดยรอบที่กำลังรีบร้อนจากไปพากันตะลึงงัน ในหมู่พวกเขาไม่มีผู้โง่เขลา ทุกคนที่มีชีวิตรอดอยู่ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตได้ย่อมเป็นคนเจ้าแผนการ พวกเขาอึ้งงันเพียงครู่เดียวก็สลัดความอยากรู้อยากเห็นไป ก่อนเร่งความเร็วขึ้นอย่างไม่ลังเล

ในฟ้ากระจ่างดาวของแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตนี้ ความอยากรู้อยากเห็นต้องใช้ชีวิตเป็นราคาแลกเปลี่ยน แม้พื้นที่ดาวแท้จริงดวงนี้จะไม่ใช่ใจกลางของแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต แต่อยู่ตรงขอบชายแดนก็ตาม อันตรายก็ยังสูงมากอยู่ดี

เสียงคำรามแหลมยังคงดังกึกก้อง เสียงของมันกังวานไปรอบๆ อยู่นานไม่เลือนหาย

วินาทีที่ซูหมิงถูกสัตว์ตัวเล็กกินเข้าไป เขาพลันเข้าใจว่าเหตุใดน้ำเสียงโบราณจากน้ำวนมรณะหยินถึงเลือกตนที่มีขั้นพลังเพียงขาดชะตาให้เป็นบุตรแห่งมรณะหยิน และจ่ายในราคาสูงลิ่วเพื่อส่งเขามายังแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตแห่งนี้

นั่นก็เพราะว่า…ร่างกายเขารวมขึ้นจากกลิ่นอายมรณะ หัวใจสำคัญของเขาคือวิญญาณ วิญญาณเขา…ต่างกับคนอื่น!

หลังจากเสียร่างไปก็เหมือนถูกปลดปล่อยจากเครื่องพันธนาการ ไม่มีจำกัด ไม่มีสิ้นสุด ความรู้สึกที่ไม่ส่งผลกระทบต่อวิญญาณเกิดขึ้นมาเองในจิตใจของเขา

พอวิญญาณกระจัดกระจายอย่างสมบูรณ์ จนกระทั่งเขาถูกสัตว์ร้ายกินเข้าไป ดวงวิญญาณเขาก็ปกคลุมทั่วร่างมัน เขารู้สึกได้ว่าสัตว์ตัวนี้ยาวหนึ่งพันเจ็ดร้อยกว่าจั้ง ทั้งยังรู้สึกว่าในตัวมันมีวิญญาณดวงหนึ่งกำลังต่อสู้ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งเพื่อต่อต้านการแผ่ขยายวิญญาณของเขา

ทว่าการดิ้นรนนี้ เมื่อสัมผัสกับวิญญาณเขาแล้ว มันกลับร้องเสียงแหลมทันที และกระตุ้นให้สัตว์ตัวนี้ส่งเสียงคำรามดังกึกก้องไปรอบๆ ด้วย

เมื่อสิ้นเสียงสนั่น ร่างสัตว์เล็กตัวนี้ก็ตกลงไปในหินหนืดภายในปากภูเขาไฟ หินหนืดร้อนระอุอาบร่างมันโดยพลัน ขณะเดียวกัน สัตว์ร้ายขนาดเล็กและใหญ่สองตัวที่อยู่ข้างๆ ก็ร้องคำรามตาม ก่อนม้วนตัวบินวนไปรอบๆ ความสับสนในแววตาบ่งบอกได้ว่ามันไม่รู้ว่าสัตว์เล็กตัวนี้เป็นอะไร

สัตว์เล็กร้องคำรามติดกันอยู่หนึ่งก้านธูปก่อนจะเงียบลงทีละน้อย วิญญาณของมันแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่มีแรงต่อต้านวิญญาณของซูหมิงแม้แต่น้อย

ร่างกายมันที่อยู่ในหินหนืดกำลังปริแตกอย่างช้าๆ โลหิตพุ่งฉีดออกมาจำนวนมาก เกล็ดบนตัวแตกหัก ร่างกายยังหดเล็กลงอย่างต่อเนื่องคล้ายแห้งเหี่ยวลง

สัตว์ร้ายอีกสองตัวข้างๆ บินวนไปรอบๆ พลางคำรามไม่หยุด จ้องสัตว์เล็กร่างแห้งเหี่ยวตาเขม็ง

หลังจากร่างมันเหี่ยวแห้ง ภายในแผลเหวอะหวะตรงบริเวณหลังพลันมีมือหนึ่งยื่นออกมา มือนั้นอ่อนปวกเปียกเล็กน้อยคล้ายกระดูก ดูเหมือนยกขึ้นมาไม่ไหว แต่เมื่อสัตว์เล็กแห้งเหี่ยวจนร่างพันเจ็ดร้อยจั้งเหลือห้าร้อยจั้ง มือที่ยื่นออกมาก็เหมือนมีพละกำลังขึ้นโดยพลัน ค่อยๆ ยื่นออกมาจนครบสมบูรณ์

จากนั้นมืออีกข้างหนึ่งก็ยื่นตามขึ้นมา…ศีรษะซูหมิงยังคงอยู่ในร่างมัน เขาหลับตาและกำลังรวมร่างกายไม่หยุด สัตว์เล็กก็ตัวสั่นไปหมด เลือดเนื้อกำลังถูกเขาสูบกินอย่างรวดเร็ว กลายเป็นของบำรุงเพื่อรวมกายเนื้อขึ้น

จนกระทั่งร่างกายมันแห้งเหลือเพียงร้อยจั้งกว่า ร่างกายมากกว่าครึ่งของซูหมิงก็โผล่มาจากบริเวณหลังสัตว์เล็กแล้ว ยามเขาก้าวออกมาอย่างสมบูรณ์ สัตว์เล็กร้อยจั้งตัวแข็งทื่อและแห้งเหี่ยวทั้งหมด ก่อนถูกหินหนืดจมหายไป

บนตัวซูหมิงไม่มีโลหิตแม้แต่น้อย แต่มีกลิ่นหอมสดชื่นแผ่กระจายมาจากในร่างกาย เขากำลังหลับตาอยู่ ร่างกายอาบอยู่ในหินหนืด ทว่าความร้อนระอุจากหินหนืดกลับไม่อาจทำอันตรายใดๆ ต่อเขาเลย

สัตว์ร้ายสองตัวขนาดเล็กและใหญ่ด้านข้าง

ตอนนี้เข้ามาใกล้ซูหมิงอย่างช้าๆ หลังวนรอบเขาหลายรอบแล้วพวกมันก็หยุดคำราม เหมือนกับว่าในความรู้สึกพวกมัน ซูหมิงก็คือสัตว์เล็กตัวนั้น

เวลาผ่านไปครึ่งเดือนในพริบตา ซูหมิงยังคงแช่อยู่ในหินหนืด แน่นิ่งไม่ขยับไหว จนกระทั่งวันหนึ่งหลังผ่านไปครึ่งเดือน เปลือกตาเขาสั่นไหวแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น

ช่วงที่ลืมตามีประกายแวววาววูบผ่านนัยน์ตา ความแวววาวนี้ต่างจากนัยน์ตาของซูหมิงก่อนหน้านี้เล็กน้อย หากไม่สังเกตดีๆ จะมองเงื่อนงำไม่ออก ทว่าซูหมิงรู้ว่าต่างออกไป

ก่อนหน้านี้ร่างกายเขาสร้างขึ้นจากกลิ่นอายมรณะมายา ดูเหมือนสมจริง ในแดนมรณะหยินก็เป็นของจริง ทว่าความจริงคือร่างกายนั้นเป็นมายา ทุกอย่างมีรากฐานเป็นวิญญาณ

ทว่าร่างกายเขาตอนนี้ไม่มีกลิ่นอายมรณะกับมายาแม้แต่น้อย แต่เป็นเลือดเนื้อจริงๆ หลังจากวิญญาณยึดร่างสัตว์เล็กแล้วก็เปลี่ยนร่างมัน ใช้เป็นของบำรุงรวมเป็นร่างกายขึ้น

“ยมโลกหรือ…” ซูหมิงพึมพำเสียงเบา หลังจากเขาปลดผนึกสามส่วนตอนอยู่แดนมรณะหยินแล้ว ในที่สุดวิญญาณเขาก็สมบูรณ์แบบ จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยเอ่ยข้างหูว่ายมโลก

และตอนอยู่ในร่างสัตว์ตัวนั้น เขาก็ได้ยินเสียงนี้ดังกึกก้องอีกครั้ง

ซูหมิงเงียบพลางก้มหน้ามองร่างกายตัวเองด้วยใบหน้าสงบนิ่ง ก่อนยกมือขวากำอย่างช้าๆ เขารู้สึกถึงพลังที่ส่งมาจากในร่างกาย

นี่คือความรู้สึกถึงพลังโลหิตที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนและพิเศษยิ่งนัก

นอกจากความรู้สึกถึงพลังโลหิต เขายังมีความรู้สึกรางๆ เหมือนว่าในกำปั้นมีพลังแห่งกฎอะไรบางอย่างที่ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก พลังแห่งกฎนี้คล้ายเป็นสัญชาตญาณโดยธรรมชาติ ทว่ากลับไม่ใช่ของเขา แต่เป็นของกายเนื้อนี้ เป็นของสัตว์หัวหงส์ตัวนั้น

‘ถ้าอย่างนั้น ร่างกายของข้าในแดนมรณะหยิน ในความรู้สึกข้าคือของจริง ทว่าความจริงแล้วคือของปลอม ต่อให้เป็นตอนเซ่นไหว้กระดูกทั้งตัว สิ่งที่เปลี่ยนก็ไม่ใช่ร่างมายา แต่เป็น…วิญญาณของข้า

ใช้วิญญาณเป็นร่างกาย นี่คือข้าตอนอยู่แดนมรณะหยิน’ ซูหมิงยืนขึ้นอย่างช้าๆ เหยียบลงบนหินหนืด เขาไม่รู้สึกถึงความร้อนใดๆ เลย นอกจากเขาจะเสียความรู้สึกเจ็บปวดไปแล้ว ก็ยังมีสาเหตุอื่นๆ อยู่ด้วย

‘ใช้สรรพสิ่งเป็นร่างกาย นี่คือข้าในตอนนี้’ หลังจากซูหมิงยืนขึ้น หินหนืดก็ไหลเชี่ยวทันที ก่อนมีสัตว์หัวหงส์ตัวหนึ่งมุดออกมา ศีรษะใหญ่ของมันเข้ามาใกล้ซูหมิงโดยพลัน มันถูไถซูหมิงอยู่หลายทีแล้วก็ร้องคำรามอย่างดีใจ

กลิ่นอายพลังจากตัวซูหมิงทำให้มันรู้สึกคุ้นเคย นั่นคือกลิ่นอายพลังของสหาย แม้รูปลักษณ์ซูหมิงจะต่างออกไป ทว่ากลิ่นอายพลังเหมือนกัน

ซูหมิงจ้องสัตว์ร้ายตัวเล็กอยู่พักใหญ่ ก่อนยกมือขวาอย่างเนิบช้า แล้วตบศีรษะมันเบาๆ หนึ่งครั้ง สัตว์เล็กสะบัดหัวโดยทันที ร่างพันจั้งกว่าทะยานออกมาจากหินหนืดและบินขึ้นไปยังปากภูเขาไฟ ครู่ต่อมามันก็ร้องเสียงแหลมเล็ก ยามที่บินลงมา ตรงหัวมันมีกระเรียนขนร่วงเกาะเอาไว้แน่นและถูกพาเข้าไปในหินหนืด

กระเรียนขนร่วงหลบอยู่ข้างปากภูเขาไฟอย่างระมัดระวังมาตลอดครึ่งเดือน มีหลายครั้งที่อยากจะลงไปดูสถานการณ์ แต่แรงกดดันจากในปากภูเขาไฟทำให้มันไม่กล้าเข้าใกล้

เมื่อครู่นี้มันยังชะเง้อมองอยู่นอกปากภูเขาไฟ แล้วพลันรู้สึกถึงความร้อนระอุ ยังไม่ทันตั้งสติก็ถูกสัตว์หัวหงส์ใช้ปากคาบและเหวี่ยงมันขึ้นมาบนตัว ก่อนจะพาเข้ามาในภูเขาไฟ

ท่ามกลางเสียงร้องแหลม พอกระเรียนขนร่วงเห็นซูหมิงยืนอยู่ในหินหนืดในแวบแรก เสียงร้องแหลมก็หายไป แล้วแทนที่ด้วยความตกใจระคนดีใจ

“ย่ากระเรียนมันเถอะ ซูน้อย เจ้ายังไม่ตาย ข้าคิดว่าเจ้าตายไปแล้วเสียอีก” กระเรียนขนร่วงกระพือปีก บินมาอยู่บนหินหนืดสีแดงฉานอันร้อนระอุด้านข้างอย่างระมัดระวัง พอลองเหยียบหลายทีแล้วก็รู้สึกว่าพอทนไหว จึงนอนหมอบอยู่บนนั้น มองซูหมิงพลางเรียกไม่หยุด

ซูหมิงมีสีหน้าเย็นชา มองกระเรียนขนร่วงแวบหนึ่งแล้วยื่นมือขวาไปหามัน

กระเรียนขนร่วงเห็นความเย็นชาในแววตาซูหมิงแล้วก็เงียบไป จากนั้นถอนหายใจเสียงดัง ครั้นตบปีกตัวเองทีหนึ่ง ถุงเก็บวัตถุใบหนึ่งลอยออกมาทันทีและถูกซูหมิงคว้าเอาไว้

ซูหมิงเปิดถุงเก็บวัถตุด้วยความสงบนิ่ง หยิบเสื้อคลุมยาวตัวหนึ่งออกมา ทันใดนั้นก็มีแสงดาราขยับวูบวาบอยู่ในภูเขาไฟ นี่ก็คือเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราของเต้าหยวน

พอซูหมิงสวมมันแล้ว เอกลักษณ์เฉพาะตัวเปลี่ยนไปในทันที เพียงแต่ดาราบนเสื้อคลุมกลับแน่นิ่งคล้ายไร้ชีวิต

‘หากไม่ใช่สายเลือดแซ่เต้าจะใช้พลังของมันไม่ได้อย่างนั้นหรือ’ ซูหมิงมองเสื้อคลุมดาราแวบหนึ่ง แล้วจึงแผ่ขยายดวงวิญญาณ ดวงวิญญาณของขั้นขาดชะตาผสานรวมอยู่ในเสื้อคลุม ครู่ต่อมาตอนที่เขาเก็บดวงวิญญาณไป ถึงเสื้อคลุมนี้ยังคงแน่นิ่ง ทว่าสีกลับค่อยๆ เปลี่ยนไป จนกระทั่งกลายเป็นเสื้อคลุมสีดำซึ่งดูธรรมดายิ่งนัก

‘อาคมหนึ่งร้อยแปดชั้นพิสูจน์ฐานะ ต้องเป็นคนสายเลือดแซ่เต้าเท่านั้นถึงจะใช้พลังของมันได้อย่างสมบูรณ์ ต่อให้คนนอกทิ้งจิตสัมผัสในเสื้อคลุมตัวนี้ก็ใช้พลังได้เพียงแบบง่ายๆ เท่านั้น’

นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย เขาไม่สนใจเรื่องนี้อีก แต่นั่งขัดสมาธิอยู่บนหินหนืด หลับตากำหนดลมหายใจอย่างเนิบช้า การกำหนดลมหายใจเช่นนี้เขาเคยชินแล้วตอนอยู่บนแดนมรณะหยิน

ทว่าพอได้ร่างกายมาจริงๆ กลับรู้สึกไม่คุ้นเล็กน้อย เวลานี้ขณะกำหนดลมหายใจอยู่ ไอร้อนระอุจำนวนมากก็แผ่จากในหินหนืดแล้วมารวมอยู่ที่ตัวเขา

เวลาผ่านไปพริบตาเดียวสามเดือน สามเดือนนี้ซูหมิงยังไม่ออกไปไหน ยังคงฝึกฝนอยู่ในภูเขาไฟ สูบกินพลังจากเปลวเพลิงร้อนระอุ ทำให้เส้นผมเริ่มกลายเป็นสีแดงทึบ ร่างกายกับวิญญาณหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ ส่วนขั้นพลังขาดชะตาก็ใช้ร่างกายนี้แสดงพลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

จนกระทั่งวันหนึ่งหลังผ่านไปสามเดือน กระเรียนขนร่วงหาวหวอดอยู่ตรงนั้น ขณะกำลังใคร่ครวญอย่างเบื่อหน่ายอยู่ว่าจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกดีหรือไม่ หินหนืดรอบๆ ซูหมิงก็พลันเดือดพล่าน ในเวลาเดียวกัน สัตว์ร้ายหัวหงส์ใหญ่ยักษ์หนาสิบจั้งที่ตั้งแต่ซูหมิงตื่นขึ้นยังไม่เคยปรากฏตัวก็พุ่งออกมาจากหินหนืด มันคำรามไปทางปากภูเขาไฟก่อนบินทะยานขึ้น

สัตว์เล็กหัวหงส์ด้านหลังก็บินตามขึ้นไป ซูหมิงเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาขยับประกาย เขาได้ยินเสียงกังวานเบาๆ แว่วมาจากนอกภูเขาไฟ

“เซ่นไหว้เทพ ขออัญเชิญเทพปรากฏ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version