ตอนที่ 751 เซ่นไหว้
ซูหมิงมองชายชราตรงหน้าอย่างเย็นชา เขาขยับตัวไม่ได้ กลิ่นอายมรณะไม่พอทำให้เขาไม่ใช่ชายหนุ่มอีก แต่เป็นผู้เฒ่าใบหน้าแก่ชรา
โดยเฉพาะตุ่มหนองหลายจุดบนร่าง ยิ่งทำให้ดูน่าสะพรึงกลัว
หากไม่มีใครมารบกวน ด้วยสภาวะร่างกายซูหมิงในตอนนี้ ต้องใช้เวลาอีกครึ่งเดือน หากเขาตายเพราะกลิ่นอายมรณะหมดไป เช่นนั้นก็จะปรับตัวกับสภาพอากาศของที่นี่ได้ และฟื้นฟูกลับมาขยับตัวได้อีกครั้ง
ส่วนหมอกพิษ ร่างนี้ของซูหมิงรวมขึ้นจากกลิ่นอายมรณะ สิ่งที่คงอยู่จริงคือดวงวิญญาณ ฉะนั้นหมอกนี้จึงไม่อาจทำร้ายดวงวิญญาณเขา ส่วนตุ่มหนองเกิดขึ้นจากการปะทะกันของกลิ่นอายมรณะในตัวกับหมอกพิษ ดูแล้วเหมือนน่าสังเวช ทว่าความจริงไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนัก
สำหรับเขาแล้ว สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดคือกลิ่นอายมรณะของที่นี่เบาบางเกินไป
ครั้นชายชราเอ่ยขึ้น ร่างเงาเจ็ดคนที่อยู่ไกลออกไปก็เคลื่อนตัวมาอยู่ข้างซูหมิงในพริบตา ความเร็วของเจ็ดคนนี้ทำให้นัยน์ตาเขาหรี่ลงน้อยๆ โดยไม่มีใครตรวจพบ
ในเจ็ดคนนี้ นอกจากบุรุษเสื้อคลุมม่วงหน้าสุดแล้ว คนที่เหลือล้วนมีขั้นพลังใกล้เคียงกับเขา
ส่วนบุรุษเสื้อคลุมม่วง มองออกจากแรงกดดันในตัวว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอยู่จุดสูงสุดในก้าวที่สอง ขาดอีกเพียงก้าวเดียวก็จะกลายเป็นเจ้าปกครองโลก
บุรุษเสื้อคลุมม่วงนั่งยองลง ใช้มือขวาสัมผัสตรงหัวใจซูหมิง ครู่ต่อมาก็ดึงมือกลับ
“หมอกพิษจู่โจมร่างกาย กลิ่นอายมรณะอาบไปทั่วร่าง สำหรับคนอื่นแล้วเป็นความเจ็บปวดที่ยากจะรับไหว บุคคลนี้มีจิตแกร่งมาก บาดแผลขนาดนี้ยังมีชีวิตรอดมาได้…น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บจากกลิ่นอายมรณะเข้าสู่ร่างกายยากจะฟื้นตัวกลับมาได้ มิเช่นนั้นแล้วคงจะเป็นมือดีคนหนึ่ง”บุรุษเสื้อคลุมม่วงเอ่ยเสียงเบา พอยันกายขึ้นแล้วก็กวาดสายตามองซูหมิง ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในตัวซูหมิงไม่มีถุงเก็บวัตถุ
ถุงเก็บวัตถุของซูหมิงไม่อยู่กับตัวจริงๆ ตอนกระเรียนขนร่วงแปลงเป็นหิน มันเอาถุงเก็บวัตถุไปด้วยความปราดเปรียวแล้วเอาซ่อนไว้ในตัว ตอนนี้กลายเป็นหิน คนอื่นจึงมองไม่ออก
“พาไปเถอะ เครื่องเซ่นไหว้ที่ยังมีชีวิต เทพน่าจะชอบมากกว่า” บุรุษชุดคลุมม่วงเคลื่อนตัวไกลออกไป ส่วนชายชราซูบผอมหัวเราะเจ้าเล่ห์แล้วแบกซูหมิงขึ้น มือขวาคว้าศพที่เขาวางลงก่อนหน้านี้ ก่อนห้อเหยียดตามกลุ่มไป
ด้านหลังพวกเขา หินร่างแปลงกระเรียนขนร่วงเงยหน้าขึ้น พอกะพริบตาปริบๆ ค่อยขยับตัวอย่างระมัดระวังและตามไปอย่างเร็วรี่
กลุ่มคนห้อวิ่งอยู่กลางดึกหลังผ่านยามโพล้เพล้ไป ระหว่างทางพวกเขาไม่มีใครเอ่ยอะไร ทั้งหมดกำลังเร่งเดินทาง สีหน้ายังเต็มไปด้วยความตื่นตัว สายตามองไปรอบๆ ตลอดเวลา
ดาวแท้จริงที่เสื่อมโทรมดวงนี้ ในยามค่ำคืนการปะทุของภูเขาไฟจะอ่อนกว่ายามกลางวันมาก ควันพิษหายไปเล็กน้อยภายใต้แสงจันทร์ กลายเป็นหมอกปกคลุมรอบๆ
ภายใต้การนำของบุรุษเสื้อคลุมม่วง ตอนที่กลุ่มคนทะยานติดกันหลายชั่วยามจนใกล้จะถึงยามเที่ยงคืน พวกเขาก็มาอยู่ใต้ภูเขาไฟยักษ์ลูกหนึ่ง
ภูเขาไฟลูกใหญ่สูงเสียดเมฆ มีขนาดหลายแสนจั้ง เห็นรางๆ ว่าตรงปากภูเขาไฟตอนนี้มีควันดำลอยโชยขึ้นฟ้าอยู่ เสียงอึกทึกแว่วมาจากในภูเขาเป็นบางครั้ง เหมือนกับมีสัตว์ร้ายกำลังคำราม
บุรุษชุดคลุมม่วงหยุดชะงัก สูดลมหายใจเข้าลึก ใบหน้าตื่นตัวยิ่งกว่าเดิม คนอื่นๆ ข้างหลังก็เช่นกัน ราวกับว่าที่นี่มีอันตรายใหญ่หลวงอยู่
ซูหมิงยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง เขาหรี่ตามองภูเขาไฟ ถูกชายชราซูบผอมแบกไปจนถึงปากภูเขาไฟ
แทบเป็นช่วงที่แปดคนนี้เพิ่งเข้าใกล้ปากภูเขาไฟยักษ์ มีเสียงตะโกนต่ำแว่วมาจากปากภูเขาไฟในทันที
“ผู้ใดมา!”
“เยวี่ยหงปังขอรับ” บุรุษชุดคลุมม่วงประสานมือคารวะ แล้วกล่าวเสียงหนักแน่น
เมื่อสิ้นเสียง บุรุษชุดคลุมม่วงก็ตรงไปยังปากภูเขาไฟ เจ็ดคนด้านหลังตามมาติดๆ ตอนที่พวกเขายืนอยู่ตรงปากภูเขาไฟ ซูหมิงเห็นว่ารอบๆ ปากภูเขาไฟตอนนี้มีคนอยู่เกือบร้อย
คนเหล่านี้ร่างกายซูบผอมหนังหุ้มกระดูก แต่นัยน์ตากลับแวววาวและแบกศพกันทุกคน กระทั่งบางคนแบกมากถึงสี่ห้าศพ
การมาของเยวี่ยหงปังบุรุษชุดคลุมม่วงดึงดูดสายตาของคนไม่น้อย เขายังคงทำหน้าปกติ พาคนด้านหลังมาตรงที่ว่างข้างปากภูเขาไฟ ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยนัยน์ตาวาววับ มองคนที่มารวมกันที่นี่ด้วยสายตาเย็นชา
นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย คนเกือบร้อยรอบๆ นี้ ในมุมมองเขาไม่มีใครเป็นผู้อ่อนแอ ขั้นพลังอย่างต่ำคือก้าวที่สอง ส่วนต่ำกว่าก้าวที่สองไม่มีเลย
กระทั่งจุดสูงสุดของก้าวที่สองเหมือนกับบุรุษชุดคลุมม่วง ซูหมิงก็เห็นว่าในคนเกือบร้อยนี้มีอยู่ราวเจ็ดคน แม้ไม่รู้เป้าหมายการมาที่นี่ของคนพวกนี้ ทว่าพอเห็นทุกคนแบกศพมาแล้ว เขาก็มองเข้าไปในปากภูเขาไฟ
ภายในมืดทึบ มีเพียงควันดำลอยโชยจึงมองเห็นไม่ชัด เพียงแต่ว่าจะมีเสียงอึกทึกคล้ายเสียงคำรามแว่วมาเป็นบางครั้ง และยังแฝงไว้ด้วยแรงกดดันแก่กล้า สร้างความน่าสะพรึงกลัวให้
“เอาละ ถึงเวลาแล้ว คนที่ควรมาก็มาแล้ว ส่วนคนที่ไม่มาน่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิด” ยามที่คนรอบๆ เงียบ ชายชราเสื้อคลุมดำผมขาวคนหนึ่งเอ่ยเสียงเนิบช้า
ด้านหลังชายชราคนนี้มีคนมากที่สุด มีคนเกือบยี่สิบคนยืนตรงอยู่ข้างๆ นัยน์ตาล้วนเปล่งประกาย ขั้นพลังไม่ธรรมดา
“การเซ่นไหว้เทพให้เป็นไปตามประเพณี ข้าก่อนแล้วกัน จากนั้นก็เริ่มจากทางซ้ายมือข้าไปจนสุดทางขวามือ แล้วพวกเราค่อยไปพร้อมกัน ทิศทางห้ามเหมือนกัน” ชายชราเอ่ยพลางคารวะปากภูเขาไฟทีหนึ่ง
“เซ่นไหว้เทพ ขออัญเชิญเทพปรากฏ!” เมื่อเสียงชายชราแว่วเข้าไปในภูเขาไฟ เขาก็สะบัดแขนเสื้อตัวใหญ่ ศพสามคนที่วางอยู่ข้างๆ ลอยขึ้นพร้อมกันโดยทันที แล้วตกลงไปในปากภูเขาไฟ
วินาทีที่ศพสามร่างตกลงไป ก็มีเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนจิตใจของคนที่นี่และยังทำให้คนไม่น้อยถอยไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัวดังแว่วมาจากปากภูเขาไฟ
ขณะเดียวกัน มีร่างเงาสีแดงฉานร่างหนึ่งสะบัดออกมาจากปากภูเขาไฟอย่างรวดเร็ว ขณะขยับวูบวาบ ศพสามคนที่ตกลงไปแหลกเป็นชิ้นๆ ในทันที ไม่ใช่กลายเป็นเลือดเนื้อ แต่เป็นเถ้าธุลีเส้นกลิ่นอายพลังสีเขียวอ่อนลอยมาจากเถ้าธุลีทีละเส้น ก่อนจะถูกร่างเงาสีแดงฉานสูบไป
ช่วงที่ร่างเงาแดงฉานไม่ขยับตัวอีกและชัดเจนขึ้น สิ่งที่ปรากฏอยู่ในปากภูเขาไฟต่อหน้าทุกคนคือสัตว์ร้ายยักษ์จากในปากภูเขาไฟ มันมีตัวเป็นงูหัวเป็นหงส์ มีขนาดกว้างสิบจั้ง ยาวไม่มีสิ้นสุด
หากไม่มองร่างกายสัตว์ตัวนี้ มันก็คือสัตว์เทพหงส์ของภูเขาไฟแห่งหนึ่งซึ่งตอนนี้กำลังมองทุกคนรอบๆ อย่างเย็นชา
คนที่ถูกสัตว์ร้ายตัวนี้มองจะก้มหน้าลงโดยจิตใต้สำนึกทันทีราวกับไม่กล้าสบตา
ซูหมิงหรี่ม่านตาลง จ้องสัตว์ร้ายพิลึกตัวนี้ เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน แรงกดดันแก่กล้าก็มาจากมัน ทำให้อุณหภูมิโดยรอบระอุขึ้นมา
ชายชราคนที่โยนศพสามคนลงไปประสานคารวะสัตว์ตัวนี้อย่างนอบน้อม ตอนที่ถอยไปหลายก้าว ผู้ติดตามด้านหลังเขาเดินหน้ามาทันที แล้วโยนศพที่ตนนำมาออกไปทีละคน
ทั้งหมดมีสามสิบสองศพ พอโยนไปแล้วก็ถูกสัตว์ร้ายหัวเป็นหงส์พุ่งชนใส่อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเถ้าธุลี ก่อนสูบกลิ่นอายสีเขียวอ่อนจากภายในเถ้าธุลี หลังจากนั้นก็เงยหน้าคำรามเสียงดังสนั่น
ระหว่างที่ร้องคำราม มันพ่นแสงเพลิงสามสิบสองสายออกมา เมื่อแสงเพลิงลอยออกมาก็มอดดับโดยพลัน แล้วกลายเป็นหินผลึกที่เต็มไปด้วยกากสามสิบสองก้อนตรงไปหาชายชรา
ชายชรามีสีหน้าตื่นเต้น เขาสะบัดแขนเสื้อม้วนหินผลึกเหล่านั้นมาทันที พอประสานมือคารวะสัตว์ร้ายแล้วก็พาผู้ติดตามด้านหลังถอยไปสิบก้าว
ซูหมิงเห็นภาพนี้แล้ว นัยน์ตาก็ฉายแววเข้าใจ ที่นี่จะต้องกันดารอย่างแน่นอน เป็นผู้ฝึกฌาน บางทีอาหารอาจไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่หากไม่มีพลังฟ้าดิน เช่นนั้นหินผลึกจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
หากไม่มีหินผลึก ขั้นพลังไม่ก้าวหน้าไม่ว่า แต่จะค่อยๆ ถดถอยลง หากขั้นพลังถดถอยในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตแห่งนี้ จุดจบมีเพียงความตาย
‘เอาอาหารมาให้สัตว์หัวหงส์ตัวนี้เพื่อแลกกับหินผลึกชำรุดหลังจากย่อยอาหาร และไม่รู้ว่าไปอยู่ในร่างมันได้อย่างไร…’ ซูหมิงหรี่ตาลง
ยามนี้หลังจากชายชราถอยไป คนทางซ้ายมือเขาโยนศพออกไปเช่นกัน พอถูกสัตว์ร้ายพุ่งชนจนเป็นเถ้าธุลีและกินกลิ่นอายสีเขียวอ่อนแล้ว มันก็พ่นหินผลึกออกมาตามจำนวนเท่ากับศพ
นอกจากนี้ ตอนที่ยังวนมาไม่ถึงบุรุษเสื้อคลุมม่วง ก็มีเสียงคำรามสองเสียงแว่วมาจากในปากภูเขาไฟอีกครั้ง สัตว์ร้ายหัวเป็นหงส์ขนาดเล็กกว่าเล็กน้อยสองตัวโผล่ร่างขึ้นมากินกลิ่นอายพลังสีเขียวอ่อนจากศพ ไม่นานก็วนมาถึงตาบุรุษเสื้อคลุมม่วง เขาพลันโยนศพที่แบกลงไปทันที เจ็ดคนด้านหลังก็เช่นกัน ซูหมิงลืมตามองตลอด ทว่าเขาขยับตัวไม่ได้
ตอนที่ถูกโยนออกไป สัตว์ร้ายตัวค่อนข้างเล็กตัวหนึ่งสะบัดศีรษะมา ช่วงที่ปะทะกับร่างซูหมิง เขารู้สึกได้ถึงพละกำลังแก่กล้าส่งเข้าสู่ร่างกาย พละกำลังนี้เหมือนแฝงไว้ด้วยกฎบางอย่าง ทำให้เลือดเนื้อและกระดูกแยกออกโดยสมบูรณ์ ไม่ใช่กลายเป็นเศษเนื้อ แต่กระจายเป็นเถ้าธุลี กระทั่งในความรู้สึกซูหมิง แรงกระแทกไม่แรงเลย ไม่พอจะระเบิดร่างเป็นเสี่ยงๆ ด้วยซ้ำ แต่พลังคล้ายกฎอะไรบางอย่างที่แฝงอยู่ตอนชน ทำให้ร่างเขากระจายออกอย่างสมบูรณ์แล้วกลายเป็นเถ้าธุลี ทว่าภายในเถ้าธุลีของเขากลับไม่มีกลิ่นอายพลังสีเขียวอ่อนลอยออกมา สัตว์น้อยหัวหงส์อึ้งงัน ทว่าก็อ้าปากกว้างสูบมา จากการสูบครั้งนี้ กายหยาบซูหมิงหายไปแล้ว แต่วิญญาณเขาคือตัวกลางสำคัญ ตอนนี้ถูกสูบเข้าไปในปากสัตว์น้อยหัวหงส์ทันที
ครู่ต่อมา หลังจากทุกคนบนปากภูเขาไฟโยนศพครบและแลกหินผลึกตามจำนวนเท่ากันมาแล้ว พวกเขาก็ห้อเหยียดถอยไปอย่างเร็วรี่ ก่อนแยกกันไปคนละทาง