ตอนที่ 755 นักโทษเผ่าประหลาด
หลังจากสูบเลือดเนื้อในหินครามแล้ว ซูหมิงพลันนึกถึงเรื่องที่เขาไม่เข้าใจมาโดยตลอด นั่นคือเรื่องกลิ่นอายพลังสีเขียวอ่อนภายในศพที่หงส์งูเพลิงสูบไป
ซูหมิงสังเกตหงส์งูเพลิงสูบกลิ่นอายพลังจากภายในศพนั้นมาหนึ่งปี ทว่าตัวเขากลับสูบไม่ได้
ซูหมิงตรึกตรองพลางหลับตาลง แล้วโคจรขั้นพลังในร่างกาย การผสานรวมกับกายเนื้อบรรลุถึงจุดสมบูรณ์แบบแล้ว ภายในร่างกายเขาเต็มไปด้วยความร้อนระอุจากเปลวเพลิง คล้ายกับว่าลมหายใจยังมีไอร้อนระอุแผ่ออกมา
มวลอากาศนอกตัวเขาบิดเบี้ยวหนึ่งชั้นรางๆ ระลอกคลื่นบิดเบี้ยวนี้ไหลเวียนบนตัวเขาราวกับสายน้ำไหล นี่คือพลังแห่งพรสวรรค์โดยกำเนิดของร่างกายนี้ เป็นอภินิหารประหลาดที่ใช้หมัดเดียวก็สลายไปทุกสิ่ง
หงส์งูเพลิงตัวเล็กข้างกายเขาจ้องกระเรียนขนร่วงและยังคำรามเสียงต่ำ ต่างฝ่ายต่ายเหมือนมีท่าทีไม่ถูกชะตากันเล็กน้อย กระเรียนขนร่วงมองออกถึงความสัมพันธ์ระหว่างซูหมิงกับสัตว์สองตัวนี้นานแล้ว เวลานี้นอนอยู่บนหินผา หลังจากพิจารณาหงส์งูเพลิงแล้วก็เปลี่ยนร่างเป็นสุนัขใหญ่สีเหลืองดิน
นี่คือร่างแปลงสัตว์ที่แกร่งที่สุดในความคิดมัน พอแปลงกายก็แยกเขี้ยวใส่หงส์งูเพลิงไม่หยุด
ส่วนหงส์งูเพลิงที่มีพลังเทียบเท่าเจ้าปกครองโลกเข้าไปนอนอยู่ในส่วนลึกของหินหนืดนานแล้ว และจะตื่นขึ้นตอนเซ่นไหว้เท่านั้น
ครั้นเผชิญหน้ากับสุนัขร่างแปลงกระเรียนร่วง หงส์งูเพลิงตัวเล็กพลันเบิกตากว้าง เห็นได้ชัดว่ามันไม่เคยเจอสัตว์รูปร่างแบบนี้มาก่อน ชั่วขณะกำลังลังเล อากาศรอบตัวมันก็บิดเบี้ยวเหมือนกับซูหมิงตอนนี้
ภายใต้ระลอกคลื่น ภายในร่างกายหงส์งูเพลิงมีกฎประหลาดบางอย่างอบอวลอยู่ มันจ้องสุนัขใหญ่ด้วยความเหี้ยมโหดพร้อมกับคำราม
หนึ่งหงส์หนึ่งกระเรียนจ้องกันด้วยวิธีต่างๆ มาตลอดหนึ่งปี แต่กลับไม่ได้ลงมือจริงๆ สักครั้ง ตอนนี้ขณะพวกมันกำลังคำรามขู่กัน หงส์งูเพลิงพลันสั่นไปทั้งตัว มุดเข้าไปในหินหนืดอย่างไม่ลังเล ไม่กล้าโผล่มาแม้แต่น้อย
การกระทำกะทันหันเช่นนี้ทำให้กระเรียนขนร่วงอึ้งงันในทันที มันแยกเขี้ยวกำลังจะหัวเราะเยาะ ทว่าในใจกลับสั่นไหว มีแรงกดดันแก่กล้าอบอวลอยู่นอกปากภูเขาไฟ ภายในแรงกดดันนี้แฝงไว้ด้วยจิตสัมผัส ราวกับว่าตอนนี้มีผู้แข็งแกร่งอย่างยิ่งกำลังใช้จิตสัมผัสตรวจสอบพื้นดิน
กระเรียนขนร่วงร้องเสียงแหลม มันรู้สึกรางๆ ว่าการใช้จิตสัมผัสตรวจสอบพื้นดินนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต และยังอันตรายมาก
มันร้องเสียงแหลมพร้อมกับมุดเข้าไปในหินหนืดโดยไม่สนความร้อนโดยทันที
ขณะเดียวกัน หงส์งูเพลิงตัวใหญ่ที่หลับใหลอยู่ส่วนลึกของหินหนืด มันตื่นอยู่ก่อนแล้ว นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวเข้มข้น ทว่ากลับขยับตัวและยังคำรามไปยังนอกปากภูเขาไฟ
เสียงคำรามบ่งบอกว่าแม้จะกลัวแต่ก็จะประกาศอาณานิคม
ซูหมิงลืมตาขึ้นแล้ว เขาจ้องฟ้านอกปากภูเขาไฟ แม้สีหน้าปกติ ทว่าม่านตากลับหรี่ลง
ยามนี้บนดาวแดงเพลิง ไม่ว่าส่วนใด ไม่ว่าใครกำลังทำอะไรล้วนหน้าเปลี่ยนสี แล้วพากันหยุดนิ่ง
คนที่กำลังเข่นฆ่ากัน แม้อีกนิดจะสังหารอีกฝ่ายได้แล้ว ทว่าชั่ววินาทีนี้กลับพากันหยุด ก่อนหาที่นั่งขัดสมาธิบนพื้นไม่กล้าขยับเขยื้อน
คล้ายกับกลัวว่าการกระทำที่นอกเหนือจากนี้จะสร้างหายนะไม่อาจจินตนาการ
ผู้ฝึกฌานทั้งดาวแดงเพลิงล้วนเป็นเช่นนี้ รวมถึงพวกเยวี่ยหงปังด้วย พวกเขาหน้าซีดขาว ตัวสั่นพลางมองฟ้า ความรู้สึกไร้ที่พึ่งและหวาดกลัวในแววตาแจ่มชัดอย่างยิ่ง
ในเวลาเดียวกัน ทางตะวันออกของดาวแดงเพลิง บนภูเขาสูงมีห้องหินหนึ่งอยู่ ภายในห้องหินมีหญิงชราเส้นผมยุ่งเหยิงนั่งอยู่คนหนึ่ง หญิงชราคนนี้ลืมตาจ้องด้านบนตาเขม็ง ประหนึ่งว่าสายตามองทะลุห้องเห็นฟ้ากระจ่างดาวด้านบน
ในตัวนางมีระลอกคลื่นพลังเจ้าปกครองโลกอยู่ แต่ตอนนี้ระลอกคลื่นนั้นกลับถูกนางจำกัดจนอ่อนลงอย่างยิ่ง กระทั่งไม่นานนัยน์ตานางยังฉายแววอัปยศ ก่อนเปลี่ยนจากท่านั่งขัดสมาธิเป็นคุกเข่าคารวะ
ทางตะวันตกของดาวแดงเพลิง ภายในป่าทึบสีเขียวเพียงหนึ่งเดียวบนดาวดวงนี้ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังคลำใบไม้สีเขียวบนต้นไม้ด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม
ราวกับว่าสีเขียวทำให้เขานึกถึงความงดงามในความทรงจำ ยามลูบคลำมันเบาๆ ที่นั่น ช่วงที่แรงกดดันกับจิตสัมผัสวูบผ่านมา เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองฟ้าด้วยสีหน้าขมขื่น ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นอย่างช้าๆ
นอกจากผู้ฝึกฌานที่ไม่ขยับแล้ว ทั้งดาวแดงเพลิงมีสัตว์ร้ายแข็งแกร่งหลายตัวส่งเสียงคำรามประกาศอาณาเขตของตัวเอง
ซูหมิงหรี่ม่านตาอยู่กลางหินหนืดภายในปากภูเขาไฟ เขารู้สึกรางๆ ว่าต้นกำเนิดแรงกดดันกับจิตสัมผัสมาจากนอกดาวแดงเพลิง
ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นคำเรียกหนึ่งที่เยวี่ยหงปังเคยพูดไว้เมื่อปีก่อน
“ผู้รักษาการณ์!” ซูหมิงเอ่ยเสียงเบา
เวลานี้ นอกดาวแดงเพลิงมีกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์ยักษ์เล่มหนึ่งลอยอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาว หากซูหมิงเป็นมันจะต้องรู้สึกคุ้นตาอย่างแน่นอน เพราะกระบี่นี้คือของวิเศษที่ใช้ข้ามผ่านฟ้ากระจ่างดาวของเผ่าวิญญาณหยินซึ่งซูหมิงเคยเห็นมาก่อนตอนอยู่โลกเก้าหยินในแดนมรณะหยิน
แม้ไม่ใช่เล่มเดียวกัน แต่ก็คล้ายกันอย่างยิ่ง
กระบี่โบราณนี้มีความยาวหมื่นจั้ง ด้านบนมีคนยืนอยู่เจ็ดคน เจ็ดคนนี้ล้วนสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ สีหน้าเฉยชาและมีกลิ่นอายพลังเจ้าปกครองโลกแผ่มาจากร่างกาย
ด้านหลังพวกเขามีผู้ฝึกสามพันคนนั่งฌานอยู่ ขั้นพลังจากผู้ฝึกฌานสามพันคนยังเป็นรอง ความรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่เกินกว่าขั้นพลังพวกเขาแผ่ขยายออกมา พอมองไปแล้วจะเกิดความรู้สึกเหมือนอยู่ในทะเลโลหิต
หากเพียงเท่านี้คงไม่เท่าไร เพราะยังมีคลื่นพลังที่แกร่งยิ่งกว่ามาแผ่จากกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์ ความแกร่งนี้คล้ายจะ…..ทำลายดาราแท้จริงดวงหนึ่งได้อย่างง่ายดาย ฉีกร่างและวิญญาณของผู้ฝึกถึงขั้นเจ้าปกครองโลกอย่างได้สบายๆ
ผู้รักษาการณ์!
พวกเขาเป็นกลุ่มลาดตระเวนที่รวมขึ้นจากผู้แข็งแกร่งของสี่มหาโลกแท้จริงเพื่อมาเฝ้าประจำการอยู่ที่นี่ พวกเขามีชื่อเสียงและศักยภาพที่สร้างหายนะให้กับคนจำนวนมากในแดนรกร้างจุดกำเนิดเทพ ตอนนี้กระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์ลาดตระเวนมาถึงดาวแดงเพลิงแล้ว จิตสัมผัสและแรงกดดันที่ปกคลุมทั่วดาวแดงเพลิงก็มาจากพวกเขา
เจ็ดคนที่ยืนอยู่ตรงปลายกระบี่มีสีหน้าเรียบเฉย กระทั่งยังคุยเล่นกัน ครู่ต่อมาปลายกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์หมื่นจั้งพลันขยับแสงสีดำวูบวาบ ก่อนมีสายรุ้งยาวสีดำเส้นหนึ่งระเบิดมาจากกระบี่โบราณพุ่งตรงไปยังดาวแดงเพลิง
ด้วยความเร็วของมันพริบตาเดียวก็ปะทะบนดาวแดงเพลิง ไม่มีการพังทลายใดๆ เกิดขึ้น สายรุ้งดำสลายไปกลายเป็นแสงดำจำนวนมากแผ่ขยายออก พริบตาเดียวก็ปกคลุมทั้งดาวแดงเพลิง
เมื่อแสงดำปกคลุม ภายในฟ้ากระจ่างดาวตรงหน้าเจ็ดคนพลันเกิดภาพมายาขึ้น
มันคือเงาดาราแท้จริงขนาดร้อยจั้งที่ถูกย่อส่วนหลายเท่ามาก บนเงานั้นมีจุดแสงอยู่จำนวนมาก ทว่าส่วนใหญ่มัวหมอง มีเพียงเกือบห้าร้อยจุดแสงเท่านั้นที่เป็นสีแดงอ่อนแยกกันอยู่ในทุกพื้นที่ของเงา
“ผู้ฝึกฌานในจุดสูงสุดระดับฟ้ามากกว่าเมื่อสิบปีก่อนเยอะเลย” เจ็ดคนมองเงาสะท้อนดาราแท้จริงมายาแล้วสนทนากัน
“นักโทษเจ้าปกครองโลกก็ยังมีแค่สองคน”
บนเงามายานั้นมีจุดแสงสีแดงเข้มสว่างไสวที่สุดสองจุด หนึ่งอยู่ทางตะวันออกและอีกหนึ่งอยู่ทางตะวันตก กระทั่งยังมีกลิ่นอายความเคารพแฝงอยู่ในจุดแสงนั้น
“สัตว์ร้ายที่เผ่าประหลาดทิ้งเอาไว้ในตอนนั้นถูกลบสติปัญญาไปตลอดกาลแล้ว ทว่าการเติบโตของพวกมันก็ยังน่าทึ่งอยู่…..” ช่วงที่เสียงเจ็ดคนนี้ดังกึกก้อง บนเงาดาวมายา ภายในเจ็ดพื้นที่พลันเกิดจุดแสงสีม่วงหลายจุด
จุดแสงเหล่านี้แบ่งแยกกันอยู่ในเจ็ดพื้นที่ บ้างก็โดดเดี่ยว บ้างก็มีสองสามจุดอยู่ด้วยกัน ตรงทางเหนือของดาวแดงเพลิง ในนั้นมีอยู่พื้นที่หนึ่งรูปร่างเป็นภูเขาไฟ มีจุดแสงสีม่วงหนึ่งใหญ่และสองจุดเล็กปรากฏบนเงาดาวอย่างชัดเจน
“เอาละ ภายนอกทุกอย่างปกติดี ไปดูข้างในกันดีกว่า นั่นเป็นสิ่งสำคัญ” น้ำเสียงน่าเกรงขามแว่วมาจากเจ็ดคน
พอเสียงนี้ดังขึ้น หกคนที่เหลือหยุดคุยเล่นเฮฮากันโดยทันที ก่อนจะมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา แม้แต่ผู้ฝึกฌานสามพันคนด้านหลังยังแผ่กลิ่นอายชั่วร้ายข้นกว่าเดิม อีกทั้งในเวลานี้กระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์ยังมีแสงไหลเวียน ราวกับจะระเบิดการโจมตีที่รุนแรงที่สุดได้ตลอดเวลา
เจ็ดคนนี้ประสานสัญลักษณ์มือพร้อมกันแล้วชี้ไปยังเงาสะท้อนของดาราแท้จริงมายา ฉับพลันนั้น เงาสะท้อนเกิดระลอกคลื่นกระจายออกหลายชั้น เผยส่วนในดาวแดงเพลิงให้เห็นอย่างแจ่มชัด!
ภายในดาวแดงเพลิง…มีพื้นที่สีแดงฉายอยู่ วินาทีที่เห็น เจ็ดคนล้วนมีสีหน้าจริงจังยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังดูหวาดกลัวและตึงเครียด
หลังจากเงาสะท้อนม้วนตลบไม่หยุดคล้ายกับขยายที่นี่ให้ใหญ่ขึ้นทีละชั้นแล้ว สุดท้ายก็เผยเป็นส่วนลึกของพื้นที่สีแดงฉาน มีแสงสีแดงสว่างจ้าละลานตา กระทั่งหากมองนานๆ จะเห็นเป็นจุดยักษ์สีดำรางๆ
สีแดงฉานโดยรอบนี้เกิดขึ้นจากจุดแสงจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน หลังจากเผยให้เห็นจุดแสงแล้ว ก็มีเส้นสีขาวตัดสลับกันปกคลุมไปทั่วดาวแดงเพลิง จะเห็นได้ว่าตรงใจกลางเส้นสีขาวเหล่านั้นคือจุดแสง
ตอนที่เห็นถึงตรงนี้ เจ็ดคนบนกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์ต่างมีสีหน้าผ่อนคลายลง
“ผนึกยังไม่พังลง นักโทษเผ่าประหลาดที่ถูกขังอยู่ที่นี่ยังหลับใหลอยู่”
“ดาราแท้จริงทุกดวงในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตล้วนพันธนาการนักโทษเผ่าประหลาดไว้หนึ่งคน โดยเฉพาะตรงใจกลางแดนรกร้าง ได้ยินว่ามีเผ่าประหลาดที่น่ากลัวอย่างยิ่งอยู่ และก็ไม่รู้ด้วยว่านี่เป็นความเห็นของผู้ฝึกภัยพิบัติท่านใด คนพวกนี้ไม่ควรจะให้มีชีวิตอยู่ต่อไป เหตุการณ์ของดาวทมิฬเมื่อหมื่นปีก่อนคือตัวอย่างที่ดีที่สุด”
“เจ้าเองก็รู้ไม่ใช่รึว่านักโทษเผ่าประหลาดพวกนี้ฆ่ายากจะตาย…..”
“ทว่าก็มาลำบากพวกเราอีก ดีที่ลาดตระเวนแบ่งเขตกัน ขอเพียงพื้นที่นี่ไม่มีปัญหาก็ไม่เป็นอะไร พื้นที่อื่นๆ ไม่อยู่ในเขตลาดตระเวนของพวกเราแล้ว”
ขณะเจ็ดคนสนทนากัน เงาสะท้อนมายาก็ค่อยๆ หายไป เมื่อแสงครามทั้งดาวแดงเพลิงหายตามไปแล้ว กระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์นอกดาวแดงเพลิงจึงค่อยๆ หมุนเปลี่ยนทาง ช่วงที่บินไกลออกไป แรงกดดันและจิตสัมผัสบนดาวแดงเพลิงก็หายตามไปด้วย