Skip to content

สู่วิถีอสุรา 759

ตอนที่ 759 ท่านกระเรียนมีรางวัล

สิ่งที่เขาเห็นคือหงส์งูเพลิงร่างใหญ่ยักษ์ และยังมีสายรุ้งยาวเกือบร้อยด้านหลังกับผู้ฝึกฌานหลายร้อยกำลังห้อวิ่งอยู่บนพื้น

ขุมพลังปกคลุมทั่วฟ้าดิน ทำให้ในความคิดเขามีเสียงอื้ออึงเหมือนกับเรือโดดเดี่ยวกลางคลื่นลูกใหญ่ ร่างกายสั่นไหว เกิดเสียงครึกโครมในจิตใจ

ภาพนี้ทำให้เขาร้องตะโกนเสียงแหลมก่อนรีบกลับเข้าไปในถ้ำอย่างไม่ลังเล ในมุมมองเขา นี่คือการแก้แค้นของเยวี่ยหงปัง มันจะมาฆ่าตน

เรื่องนี้ไม่อาจประนีประนอมได้ เกรงว่าต่อให้ตนประนีประนอมก็ยังต้องตายอยู่ดี!

แทบเป็นช่วงที่เขาถอยไปและสตรีข้างกายที่ใบหน้าซีดขาวกำลังจะถอยกลับถ้ำตาม ฉีเป่ยซานพลันยกมือขวาขึ้นคว้าแขนนางเอาไว้แล้วเหวี่ยงออกไปข้างนอก สตรีผู้นี้กรีดร้องในทันที ไม่รู้ว่าฉีเป่ยซานใช้อภินิหารอะไร เนื้อและกระดูกแยกออก เลือดเนื้อทั่วร่างระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตแผ่กระจายไปรอบๆ

หลายร้อยคนที่ติดตามหงส์งูเพลิงมองเหตุการณ์ด้วยดวงตาแวววาว

“นั่นฉีเป่ยซาน เขาเป็นผู้ฝึกฌานระดับฟ้า เป็นผู้แข็งแกร่งรองเจ้าปกครองโลก”

“เขาเป็นผู้ฝึกฌานระดับฟ้า เยวี่ยหงปังคนที่นำทางมาก็เป็นระดับฟ้า ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าสองคนนี้มีความแค้นต่อกัน ตอนนี้คงจะเป็นจริง เยวี่ยหงปังหาที่พึ่งเจอแล้ว เลยจะมาสังหารฉีเป่ยซาน!”

“ก็ดี จะได้อาศัยโอกาสนี้ดูว่าบุคคลลึกลับบนหงส์งูเพลิงมีขั้นพลังระดับใดกันแน่”

หลายร้อยคนล้อมอยู่รอบๆ เสียงสนทนาเบาๆ ดังกังวาน ช่วงที่หมอกโลหิตแผ่กระจายมาจากฐานเรียบตรงถ้ำของฉีเป่ยซาน ก็เป็นการเปิดวงแหวนอาคมทั้งหมดที่เขาวางเอาไว้นอกถ้ำโดยทันที ทำให้ปรากฏม่านแสงสีโลหิตขึ้นมาหนึ่งชั้น

วินาทีที่สตรีคนนั้นกลายเป็นโครงกระดูก ฉีเป่ยซานเข้าไปในถ้ำแล้ว จากนั้นก็ปิดประตูถ้ำ เขาตาแดงก่ำ เอาหินผลึกทั้งหมดที่สั่งสมมาวางบนพื้นอย่างบ้าคลั่ง เมื่อใช้อาคมขนาดเล็กบนพื้นให้มันสูบไป ม่านแสงโลหิตนอกถ้ำก็ขุ่นมัวทันที

ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนหัวหงส์งูเพลิง มองความเด็ดขาดในเวลาสั้นๆ ของฉีเป่ยซาน ก่อนตบหัวหงส์งูเพลิงด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ทันใดนั้นภายใต้สายตาของหลายร้อยคนโดยรอบ หงส์งูเพลิงก็บินตรงไปยังม่านแสงโลหิตขุ่นมัว

ทันทีที่เข้าใกล้ มันไม่ได้ใช้อภินิหารใดๆ เลย เพียงใช้หัวยักษ์ชนกับม่านแสงโลหิต ช่วงที่ปะทะกันก็เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่น วงแหวนอาคมไม่พังลง ไม่แตกหัก แต่กลับ…สลายหายไป

วงแหวนอาคมกลายเป็นเถ้าธุลีกระจายออก อ่อนแอจนเหมือนไม่มีอยู่จริง ขณะเดียวกับที่ม่านแสงโลหิตสลายไป หินผลึกที่ฉีเป่ยซานวางเอาไว้บนพื้นในถ้ำก่อนหน้านี้ล้วนแตกหัก

ขณะที่ฉีเป่ยซานหน้าเปลี่ยนสี ซูหมิงบนฟ้านอกถ้ำเดินหน้าหนึ่งก้าวแล้ว หลังลงจากหัวหงส์งูเพลิง เขามาปรากฏตัวอยู่นอกถ้ำ เส้นผมปลิวไสว อาภรณ์สะบัดพึ่บพั่บ ยกมือขวาวางฝ่ามือไปทางประตูถ้ำ

เวลาเดียวกับที่วางฝ่ามือ มีเปลวเพลิงมหาศาลระเบิดมาจากในร่างกายเขา เปลวเพลิงนั้นเหมือนกับทะเลวนเวียนอยู่รอบตัวเขาในพริบตา มันแผ่ขยายออกในระยะหลายร้อยจั้ง อีกทั้งในทะเลเพลิงยังมีร่างมายาของหงส์งูเพลิงตัวหนึ่งเงยหน้าคำราม จากนั้นเอาหัวพุ่งชนตามการวางฝ่ามือไปทางถ้ำ

ภาพนี้ทำให้ทุกคนโดยรอบมีความรู้สึกไม่แน่ใจว่าคนที่ทำลายประตูใหญ่ของถ้ำคือซูหมิงหรือหงส์งูเพลิงร่างมายากันแน่ เหมือนกับสองคนซ้อนทับกัน หลายร้อยจั้งที่เห็น นอกจากทะเลเพลิงแล้วก็มีเสียงระเบิด

ทว่าการโจมตีครั้งนี้ทำให้คนที่มองอยู่รอบๆ เริ่มมีสีหน้าประหลาดใจ พวกเขามองออกว่าการโจมตีนี้ไม่ได้แกร่งมากนัก ต่างกับที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้มาก

ในความคิดพวกเขาก่อนหน้านี้ คนที่กำราบหงส์งูเพลิงได้และยังพาหงส์งูเพลิงทำลายผนึกออกมาจะต้องมีพลังเจ้าปกครองโลกแน่นอน ทว่าตอนนี้กลิ่นอายพลังจากซูหมิงเป็นเพียงระดับดินเท่านั้น

แต่พวกเขาก็ยังตัดสินไม่ได้ในทันที เพียงเกิดความสงสัยในใจเท่านั้น ถึงอย่างไรในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตก็มีคนผนึกขั้นพลังตัวเองไว้ไม่น้อย ทว่าหากซูหมิงเผยขั้นพลังระดับนี้ตลอดในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตที่เป็นโลกปลาเล็กกินปลาใหญ่ อีกทั้งตอนนี้ก็สร้างความสนใจต่อคนจำนวนมากแล้ว เขาจะต้องเผชิญหน้ากับความโลภและอันตรายอย่างโจ่งแจ้งที่มีต่อวิธีการทำลายผนึกอย่างแน่นอน

วินาทีนี้ประตูถ้ำแตกเป็นเสี่ยงๆ และกระเด็นเข้าไปในถ้ำ หงส์งูเพลิงร่างมายากลายเป็นสายรุ้งยาวเปลวเพลิงพุ่งเข้าไปด้านใน อีกทั้งเปลวเพลิงรอบๆ ในระยะหลายร้อยจั้งยังเหมือนหารอยรั่วพบ พากันหลั่งทะลักเข้าไปด้วย

ช่วงที่เกิดเสียงโครมครามดังกึกก้อง ซูหมิงถอยออกมายืนอยู่บนหัวหงส์งูเพลิงแบบเดิม ถ้ำภูเขาเล็กสีครามตรงหน้าสั่นสะเทือนแล้วพังทลายแล้ว หินสีครามนับไม่ถ้วนร่วงลงมาจากภูเขา ภูเขาเล็กพังลงไปมากกว่าครึ่ง ชั่วขณะที่มีเสียงคำรามแหลมเล็กแว่วมาจากภายใน ก็เห็นว่าฉีเป่ยซานพุ่งออกมาในสภาพเส้นผมยุ่งเหยิง

ตอนที่เขาพุ่งออกมา เยวี่ยหงปังที่เตรียมตัวอยู่นานแล้วขยับวูบไหวตัวพร้อมกับคำรามเสียงต่ำ เขาพุ่งเข้าไปหาฉีเป่ยซาน แล้วต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งกลางอากาศ

ทว่าฉีเป่ยซานไม่มีใจอยากสู้แล้ว ความคิดเดียวในใจตอนนี้คือหนี หนีไปให้เร็วที่สุด หากหนีไปได้ เขาสาบานว่าจะหาทางทุกอย่างเพื่อแก้แค้น

เขายังมองออกอีกว่าคนที่ทำลายประตูถ้ำเมื่อครู่นี้หรือคนที่ช่วยเยวี่ยหงปังมีขั้นพลังเทียบไม่ได้กับตนเลย เป็นเพียงระดับดินเท่านั้น ทำลายประตูได้ แต่กลับทำอันตรายตนไม่ได้ สิ่งที่เขากลัวเพียงอย่างเดียวคือหงส์งูเพลิงยักษ์

ส่วนหลายร้อยคนรอบๆ ตอนนี้ฉีเป่ยซานก็มองออกแล้วเช่นกัน คนพวกนี้ตกตะลึงเพราะหงส์งูเพลิงออกจากผนึกเลยตามมา ไม่ได้จะเป็นคู่ต่อสู้และไม่ได้มาสังหารตนด้วย

‘ข้ายังมีโอกาส!’ ตอนนี้ฉีเป่ยซานไม่สนสิ่งอื่นแล้ว รู้ว่านี่คือภยันตรายเป็นตายของตน จำต้องลงมือด้วยอภินิหารที่รุนแรงที่สุด ฉับพลันนั้นรอบตัวเขาเกิดสายลมดำไร้ที่สิ้นสุดขึ้น ก่อร่างเป็นเงามายาหกแขนพิลึก หกแขนนี้ล้วนถือกระบองเขี้ยวยักษ์หกท่อน พุ่งตรงไปหาเยวี่ยหงปัง

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ไม่สนใจการต่อสู้ของฉีเป่ยซานกับเยวี่ยหงปัง แต่มองถ้ำที่ถล่มลง สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นหินสีคราม

ทว่ากระเรียนขนร่วงด้านหลังตอนนี้พอเห็นร่างเงาหกแขนแล้ว ดวงตากลับเป็นวาววับ ขยับริมฝีปากสองข้างเข้าหากันจนเกิดเสียงจั๊บๆ นัยน์ตาฉายประกายตื่นเต้น

‘มันดู…น่าอร่อย เหมือนว่าก่อนหน้านี้ข้าเคยกินของแบบนี้มาก่อน…’

กระเรียนขนร่วงเคลื่อนตัวกลายเป็นสายรุ้งยาวตรงไปหาฉีเป่ยซาน พอเข้ามาใกล้แล้วก็มองเพียงร่างเงาหกแขน ก่อนจะอ้าปากกว้างสูบเข้ามา ร่างเงาหกแขนที่กำลังสู้กัยเยวี่ยหงปังตัวสั่นสะท้าน ร่างกายมันแห้งเหี่ยวด้วยความเร็วระดับสายตา กลายเป็นเส้นสีดำแล้วถูกกระเรียนขนร่วงกินไป

ภาพนี้ทำให้เยวี่ยหงปังอึ้งงัน แต่ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที คิดในใจว่าสมกับเป็นคนยุคแรก ข้างกายมีสัตว์น่าทึ่งถึงเพียงนี้

ทว่าฉีเป่ยซานกลับร้องเสียงหลง เดิมทีเขาว่าจะใช้ร่างเงาหกแขนถ่วงเยวี่ยหงปังเอาไว้เพื่อจะได้หนีไป กระเรียนขนร่วงกลับทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน

นัยน์ตาฉายแววเคียดแค้นและเด็ดขาด เขาพลันร้องตะโกนเสียงดัง

“ระเบิด!” สิ้นเสียง ร่างเงาดำหกแขนซึ่งกำลังแห้งเหี่ยวอย่างเร็วรี่ระเบิดกระจายเป็นแรงปะทะม้วนตลบไปรอบๆ ขณะเดียวกันแขนซ้ายฉีเป่ยซานก็ระเบิดตามไปด้วย กลายเป็นหมอกโลหิตจำนวนมากม้วนตัวเขาพาหนีไกลออกไปด้วยความเร็วระดับการเคลื่อนย้ายพริบตา

แรงระเบิดของเงาดำหกแขนผลักเยวี่ยหงปังกระเด็นถอยไป กระเรียนขนร่วงอึ้งงันอยู่ชั่วครู่ก็ถูกแรงปะทะอัดใส่จนอยู่ในสภาพย่ำแย่ หนำซ้ำยังปวดใจที่กินไปได้เพียงครึ่งเดียว มันจึงโกรธขึ้นมาทันที

ครั้นเห็นฉีเป่ยซานคนที่มันคิดว่าสมควรตายกำลังหนีไป ก็ร้องเสียงแหลมดังกังวานไปรอบๆ

“ฆ่ามัน ใครฆ่ามันได้ ท่านกระเรียนผู้นี้มีรางวัลให้!” กระเรียนขนร่วงร้องตะโกนพลางยกกรงเล็บมือขวาขึ้น ปรากฏหินผลึกสีม่วงขนาดเท่าฝ่ามือก้อนหนึ่งบนนั้น ภายในไม่มีสิ่งเจือปน ทั้งยังมีพลังวิญญาณฟ้าดินบริสุทธิ์ หินผลึกชำรุดของที่นี่ไม่อาจเปรียบได้เลย

นี่คือหินวิญญาณระดับสูงในคลังสมบัติของมัน!

หินวิญญาณระดับนี้ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตเรียกได้ว่าใช้แล้วหมดไป หายากอย่างยิ่ง

วินาทีที่มันถือหินวิญญาณก้อนนี้อยู่ในมือ หลายร้อยคนรอบๆ ต่างตาลุกวาว ทั้งยังมีคนไหวพริบดี รีบบินขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยจิตสังหารหนาแน่นตรงไปหาฉีเป่ยซานที่กำลังหนี

นี่ไม่ใช่การสังหารของคนเดียว แต่แทบจะมากกว่าครึ่งของหลายร้อยคนรอบๆ บินขึ้นพร้อมกัน ภาพนี้ทำให้ฉีเป่ยซานร่ำร้องด้วยความสิ้นหวัง เขาไม่นึกเลยว่าจุดจบของตนจะเป็นเช่นนี้ ถูกเดรัจฉานขนเตียนตั้งรางวัลสังหาร

อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่เยวี่ยหงปังยังเบิกตากว้างอยู่ข้างๆ เห็นได้ชัดว่าไม่คาดคิดกับเหตุการณ์นี้ กระทั่งซูหมิงยังละสายตาจากถ้ำหินสีคราม ตอนที่มองกระเรียนขนร่วง เขาผู้ไร้ความรู้สึกกลับอดอึ้งงันมิได้ และพลันนึกไปถึงงานอดิเรกกับการรีดไถของกระเรียนขนร่วงตอนอยู่แดนมรณะหยิน

เห็นหลายร้อยคนรอบๆ ตรงเข้ามาอย่างเร็วรี่ หน้าหลังซ้ายขวาล้วนเป็นศัตรู สายตามีจิตสังหารจากหลายร้อยคนนี้ทำให้ฉีเป่ยซานร้องตะโกนพลางยกมือขวาขึ้น ในมือปรากฏหินผลึกสามสีหนึ่งก้อน

“หินผลึกวิญญาณ!” มีคนรู้จักหินผลึกสามสีก้อนนี้ จึงหยุดชะงักโดยทันที หน้าเปลี่ยนสีพร้อมกับจะถอยไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version