Skip to content

สู่วิถีอสุรา 773

ตอนที่ 773 สร้างความตื่นตระหนก

“นี่มันอะไร…อ้าก!” เพิ่งสิ้นเสียงเยียเซินถง จุดเน่าเปื่อยตรงข้อมือแขนขวาก็ลุกลามไปทั้งแขนขวาอย่างเร็วไว พริบตาเดียวแขนขวาก็กลายเป็นน้ำโลหิต

พิษจากผึ้งพิษไม่เพียงทำลายร่างกายเขา มันยังกัดกร่อนขั้นพลัง เมื่อแขนขวาสลายไปแล้ว ขั้นพลังเลยลดฮวบลงทันที

เหตุการณ์กะทันหันนี้เกิดขึ้นเร็วมาก พวกเถียนหลินเพิ่งจะสังเกตเห็น ก็ได้ยินเสียงร้องของเยียเซินถงดังกึกก้องอยู่ในเส้นทางนี้แล้ว

เสียงร้องสะท้อนให้เห็นจิตใจที่บิดเบี้ยว ระหว่างที่ร้องโหยหวนมีเส้นเลือดดำปูดนูนบนใบหน้าเยียเซินถง ดวงตาสองข้างเต็มไปด้วยเส้นเลือด คนที่มีขั้นพลังและใจมั่นคงอย่างเขาร้องเสียสติเช่นนี้ได้ ความเจ็บปวดจะต้องเกินกว่าขีดจำกัดที่รับไหวอย่างแน่นอน

เถียนหลินหน้าเปลี่ยนสี พลันเข้าไปใกล้เยียเซินถง ทันทีที่เข้าไปก็มีกลิ่นคาวเลือดโชยมา กลิ่นนี้ทำให้เถียนหลินหรี่ตาลง เขารู้สึกอย่างชัดเจนว่าจะสัมผัสน้ำโลหิตจากตัวเยียเซินถงไม่ได้ มิเช่นนั้นแล้วตนจะเกิดปัญหา

ชั่วขณะที่กำลังลังเลใจ เยียเซินถงไม่เพียงเสียแขนขวาแล้ว ร่างเกือบครึ่งยังไหลลงมาดุจสายน้ำ กระดูกภายในก็กลายเป็นของเหลวเช่นกัน

ทุกอย่างกล่าวแล้วเหมือนนาน ทว่าความจริงตั้งแต่เยียเซินถงลงมือกับซูหมิงจนถึงตอนนี้เพิ่งผ่านไปเพียงหลายลมหายใจเท่านั้น เยียเซินถงสมกับเป็นเจ้าปกครองโลกจริงๆ เผชิญหน้ากับพิษร้ายแรงของผึ้งพิษแล้ว ยังฝืนเรียกสติกลับมาได้ ในขณะที่ยังร้องโหยหวน เขายกมือขวาคว้าอากาศอย่างเร็วรี่ ขวดยาเจ็ดแปดขวดในปรากฏมือ ก่อนจะกินเม็ดยาแก้พิษต่างกันลงไปเจ็ดแปดเม็ด

เพียงแต่ไม่ว่าจะกินยาแก้พิษใดก็ยังไม่อาจหยุดการลุกลามของพิษได้ ขาสองข้างสั่นไหวและยังกลายเป็นของเหลว เขาล้มลงกับพื้นในกองน้ำโลหิต ดูอับจนหนทางยิ่งนัก ทั้งยังน่าสังเวชไปพร้อมกัน

แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเจ้าปกครองโลก ตอนที่ร่างกายมากกว่าครึ่งหลอมละลายและขั้นพลังลดลงมาก เขาฝืนยกมือซ้ายที่ละลายไปครึ่ง ตบบนหน้าผากที่ผิวหนังกำลังละลายเป็นโลหิตจนเห็นกระดูกข้างใน

ครั้นตบลงไป เยียเซินถงก็คำรามเสียงสะเทือนนภา ขั้นพลังทั้งหมดในร่างกายปะทุออกมา ชั่ววินาทีที่ร่างทั้งตัวกำลังละลาย จิตแรกกลับพุ่งออกมาจากร่าง

แทบเป็นขณะเดียวกันนั้น ร่างไม่ถึงครึ่งที่เหลืออยู่ล้มลง กลายเป็นโลหิตทั้งหมดในพริบตา มีเพียงจิตแรกที่มัวหมองอย่างยิ่งลอยอยู่กลางอากาศ จิตแรกสั่นงันงก สายตาที่มองซูหมิงมีความหวาดกลัว ทั้งยังเคียดแค้นและเหลือเชื่อ

“น่าเสียดาย หากเจ้าละทิ้งร่างกายเอาจิตแรกออกมาเร็วกว่านี้ ขั้นพลังเจ้าจะเหลือมากกว่านี้อีก” แววตาเย้ยเยาะหายไป สีหน้าซูหมิงกลับมาเย็นชาดังเดิม แล้วกล่าวเรียบๆ

ตอนที่เอ่ย บนบ่าเห็นเพียงผึ้งซึ่งดูแล้วไม่มีอันตรายใดๆ นอนหมอบอยู่ตัวหนึ่ง มันกระพือปีกน้อยๆ ส่งเสียงหึ่งเบาๆ เหล็กในตรงหางเก็บไปแล้ว เพียงแต่เสียงหึ่งๆ นั้นกลับทำให้พวกเถียนหลินมีสีหน้าจริงจัง

เถียนหลินมองซูหมิง เขาคือคนที่สนใจซูหมิงที่สุดในกลุ่ม แต่ระดับความสนใจเป็นเพียงแค่มองซูหมิงอยู่ในระดับเดียวกันก็เท่านั้น แต่หลังจากเขาใช้จิตแรกสลับกายหยาบ ขั้นพลังเพิ่มขึ้นมาในเวลาอันสั้น จึงทำให้ระดับความสำคัญที่มีให้ซูหมิงน้อยลงเล็กน้อยโดยธรรมชาติ

เขาคิดอยู่เสมอว่าต่อให้ซูหมิงมีอำนาจคุกคามอยู่บ้าง ก็ต้องใช้หงส์งูเพลิงรวมถึงพลังแห่งกฎพิลึกและหินผนึกแปดสีเป็นหลัก บางทีอาจมีความลับอยู่อีก ทว่าในสายตาเขา ด้วยความที่ขั้นพลังสูงกว่ามาก กลอุบายทุกอย่างจึงเป็นเพียงปาหี่เท่านั้น

แต่จนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งพบว่าตนประเมิณความน่ากลัวของซูหมิงต่ำไปมาก อีกฝ่ายไม่ได้ใช้พลังแห่งกฎพิลึก ไม่มีหงส์งูเพลิงติดตามมา กระทั่งยังไม่ใช้หินผลึกแปดสี เพียงเอาสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ออกมา แต่กลับสร้างพิษร้ายแรงน่าสะพรึงกลัวให้เยียเซินถงขนาดนี้

แม้มันจะเกี่ยวกับความประมาทของเยียเซินถงเองและการลอบโจมตีของซูหมิง ทว่าในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตซึ่งเป็นโลกปลาใหญ่กินปลาเล็กนี้ คงไม่มีใครว่าอะไรซูหมิงได้ ถึงอย่างไร…เยียเซินถงก็ลงมือก่อน พวกเขารู้แก่ใจกันอยู่แล้ว

‘บุคคลผู้นี้มีขั้นพลังธรรมดา ทว่าลึกลับยากจะคาดเดา มีกลอุบายมาก ไม่เพียงทำลายผนึกได้ แต่ก่อนหน้านี้ยังมีหงส์งูเพลิง หลังจากนั้นก็มีผึ้งพิษตัวนี้อีก…กระทั่งหากเขาต้องการ คาดว่าสัตว์ร้ายทั้งหมดบนดาวแดงเพลิงคงมีไม่น้อยที่จะถูกเขาควบคุม…คนคนนี้ หรือว่าจะเป็นผู้ฝึกฌานคุมวิญญาณ!’ เถียนหลินมีสีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง ขณะเดียวกับที่เกิดความคิดนี้ เขาก็ประสานมือคารวะซูหมิง

“สหายซูอำพรางไว้ได้ลึกยิ่งนัก ก่อนหน้านี้แซ่เถียนคาดเดาไม่ออกเลย ไม่นึกเลยว่าสหายซูจะเป็นผู้ฝึกฌานคุมวิญญาณในตำนานซึ่งหายากยิ่งในสี่มหาโลกแท้จริง” เถียนหลินยิ้มเฝื่อน ตอนที่เอ่ย จิตแรกเยียเซินถงด้านข้างพลันหน้าเปลี่ยนสี ความแค้นในแววตายามมองซูหมิงสั่นระริก ความตื่นกลัวมากกว่าเดิม

เขารู้ว่าผู้ฝึกฌานคุมวิญญาณคืออะไร ชื่อนี้คือผู้ฝึกฌานที่ใช้พิษร้ายแรง บางทีขั้นพลังพวกเขาอาจไม่สูงนัก แต่ข้างกายผู้ฝึกฌานคุมวิญญาณทุกคนจะมีสัตว์ร้ายแก่กล้าอย่างยิ่งจำนวนมาก สัตว์ร้ายเหล่านี้ถูกผู้ฝึกฌานชนิดนี้ควบคุมจิตใจจนยอมติดตาม และจะยอมสู้ตัวตายแทนได้ทุกเมื่อ

หลงลี่จ้องผึ้งพิษบนบ่าซูหมิงด้วยสีหน้าจริงจัง เวลานี้ในใจตื่นตะลึงอย่างยิ่งเช่นกัน เขารู้ว่าหากตนจะทำให้เยียเซินถงบาดเจ็บหนักขนาดนี้ต้องจ่ายไปบ้างแน่นอน ไม่มีทางทำได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ ทว่าเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ไม่ต้องสนใจขั้นพลังซูหมิงกับขั้นตอนระหว่างนั้นเลย เพียงผลลัพธ์ก็ทำให้ในใจเขาเกิดความหวาดกลัวแล้ว

ต่อให้ซูหมิงในตอนนี้ไม่ใช่เจ้าปกครองโลก ทว่าในมุมมองของทุกคน เขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่ต้องให้ความสำคัญและหวาดกลัวแน่นอน!

ซูหมิงในตอนนี้เพิ่งจะได้รับการยอมรับจากคนเหล่านี้อย่างแท้จริง สามารถคุยเงื่อนไขกับพวกเขาได้

“เป็นพิษที่กำเริบเสิบสานและรวดเร็วยิ่งนัก ผึ้งพิษของสหายซูตัวนี้ แซ่ซุนรู้จักสัตว์ร้ายจำนวนมากในโลก แต่ไม่เคยรู้จักมันมาก่อน ต่อให้เป็นแมลงในยุคโบราณ ก็มีเพียงแมลงปอเงามืดอันดับสองกับตัวไหมทะเลพิษอันดับหนึ่งเท่านั้นถึงจะเทียบได้!

สหายซูมีกลอุบายมากมาย เกรงว่าตอนนี้คงยังปิดซ่อนเอาไว้อีกไม่น้อย” ซุนคุนหรี่ม่านตา ปกปิดประกายมากกว่าครึ่งดวงตาเอาไว้ ทำให้คนอื่นยากจะรู้ความคิดผ่านนัยน์ตาเขา ขณะเอ่ยก็ยังมีความระมัดระวังอยู่

“คนที่ปิดซ่อนพลังคงไม่ได้มีเพียงแซ่ซูคนเดียว” ซูหมิงกวาดสายตามองทุกคนแล้วก็สะบัดแขนเสื้อ ผึ้งพิษบนบ่าพลันหายไป

ซุนคุนอ้าปากเหมือนจะกล่าวอะไรบางอย่าง ทว่าเสียงอื้ออึงจากเส้นสีแดงด้านหลังดังชัดขึ้น เสียงแทบจะเฉียบคมลากยาวเข้ามา ไกลออกไปหลายสิบจั้งพลันปรากฏเส้นสีแดงนับไม่ถ้วนแน่นขนัด พวกมันรวดเร็วอย่างยิ่ง เวลานี้พุ่งเข้ามาปิดทางหนีทุกทางแล้ว

ซุนคุนหน้าเปลี่ยนสี หลงลี่กับเถียนหลินด้านข้างพลันหรี่ตาลง มีเพียงเยียเซินถงที่แม้ตอนนี้จะตัวสั่นงันงก ทว่านัยน์ตากลับฉายแววบ้าคลั่ง เขารู้ดีว่าตนในสภาพนี้ยากจะหนีรอดไปได้ แต่หากเห็นทุกคนตายพร้อมกันก็จะไม่เสียใจอะไร

ภยันตรายมาถึง นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย เขาไม่ได้ใช้พลังของกระเรียนขนร่วงทำลายผนึกนี้ ในมุมมองเขา เรื่องนี้จะเผยต่อหน้าทุกคนไม่ได้ มิเช่นนั้นแล้วต่อให้รอดจากภยันตรายในครั้งนี้ไป ก็จะเป็นการเพิ่มปัญหาในภายภาคหน้า

หนำซ้ำเขายังไม่เชื่อว่าคนพวกนี้จะไม่มีวิธีทำลายผนึกจริงๆ รู้กันดีว่าต่อให้เป็นผู้ฝึกฌานระดับฟ้าที่ตายในเงื้อมมือเขา อยู่ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตล้วนเตรียมอาวุธสังหารและวิชาเอาตัวรอดไว้กันทั้งนั้น จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าปกครองโลกที่แท้จริงอย่างคนพวกนี้เลย

เหตุการณ์ในตอนนี้ แม้เส้นสีแดงจะมีอำนาจคุกคามไม่น้อย ทว่าอำนาจคุกคามที่มากกว่ามาจากพวกเขา ฉะนั้นซูหมิงจึงใช้การลงมืออย่างเหี้ยมโหดเมื่อครู่นี้สร้างความตื่นกลัว ถึงอย่างไรขั้นพลังเขาก็น้อยสุดในกลุ่ม

ยามนี้ภยันตรายมาถึง ซูหมิงถอยหลังไปหลายก้าวโดยพลัน จนกระทั่งหลังชิดกับผนังหิน ผนังหินสีครามเข้มโถมพลังแห่งเลือดเนื้อมหาศาลออกมา เวลานี้บริเวณหลังเขาหลอมละลายอย่างรวดเร็ว ดูจากลักษณะแล้ว เขาจะให้ร่างกายเข้าไปข้างในเพื่อหลบเส้นสีแดงพวกนั้น

ซุนคุนหรี่ตา เขาใช้สองมือประสานสัญลักษณ์ไปทางด้านหลังเจ็ดครั้ง ฉับพลันนั้นร่างเขาเกิดการซ้อนทับกันเจ็ดครั้ง ส่วนหลงลี่นัยน์ตาแวววาว ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไร เสียงครึกโครมลากยาวพลันคล้ายดังอยู่ข้างหู เส้นสีแดงหลายสิบเส้นเข้ามาใกล้ทันใด พริบตาเดียวก็ปกคลุมร่างทุกคนเอาไว้ภายใน

วินาทีที่เส้นสีแดงปกคลุมที่นี่ประหนึ่งน้ำทะเล ผนึกห้าเหลี่ยมรอบตัวซูหมิงขยับประกายวูบวาบอย่างรุนแรง ทว่าในทะเลเส้นสีแดงแห่งนี้ ร่างซุนคุนกลับมีร่างเงาซ้อนทับถอยหลังไปเจ็ดก้าว ทันทีที่หลังชนเข้ากับม่านแสงผนึกร่างกลับทะลวงผ่านไป เขายกยิ้มมุมปากอย่างลำพองใจ แล้วถอยจนหายลับไปในพริบตา

ขณะเดียวกับที่เขาหายไปก็มีเสียงคำรามต่ำแว่วออกมาจากเส้นสีแดง นั่นคือหลงลี่ รูปลักษณ์ตัวเขาเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ ดูแล้วคล้ายกับหมอกดำที่รวมจากเงานับไม่ถ้วน เขาพุ่งเข้าไปในผนึกแล้วกลายเป็นหลายส่วนโดยไม่รู้ว่าใช้วิธีใด และหายไปในม่านแสงเช่นเดียวกัน

และในตอนนี้เอง เสียงดังสนั่นกึกก้องอยู่ในเส้นทาง เป็นเสียงเส้นสีแดงชนกับม่านแสง!

ซูหมิงอยู่ในผนังหิน เสียงอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ผนึกห้าเหลี่ยมพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีผึ้งพิษขยับวูบวาบอยู่ตรงหน้าเพื่อต้านทานเอาไว้ ทว่ามุมปากเขากลับยกยิ้มเย็นชา เขาเห็นการกระทำของซุนคุนกับหลงลี่แล้ว และรู้ว่าการวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ไม่ผิดจริงๆ ทุกคนล้วนมีกลอุบายของตัวเอง ที่ไม่ใช้คงไม่พ้นเรื่องจะทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตาย หากมีคนตายมากขึ้นคนหนึ่ง ส่วนแบ่งพลังแห่งโลกก็จะลดลงไปด้วย

‘แบบนี้ก็ดี แต่ละคนอาศัยความสามารถของตัวเอง’ นัยน์ตาซูหมิงเผยประกายเย็นชา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version