ตอนที่ 775 เก็บน้ำเต้า
ซูหมิงไม่ได้รีบร้อนไปต่อ เขาไม่ได้สนใจพลังแห่งโลกตรงส่วนลึกของผนึกมากนัก ที่เขาเลือกเสี่ยงอันตรายอยู่ตรงนี้ หลักๆ คือเพื่อหินผาที่มีพลังแห่งเลือดเนื้อเสียมากกว่า
อย่างเช่นในผนังหินสีครามเข้มรอบๆ นี้ ก็มีพลังที่ทำให้ซูหมิงใจเต้นรัว
สำหรับซูหมิงแล้ว ที่นี่ต่างหากคือวาสนาที่ดีที่สุด ฉะนั้นเขาจึงไม่ไปจากที่นี่ แต่เมื่อส่งกระแสจิตให้กระเรียนขนร่วงแล้วก็หลับตาลงอยู่ในผนังหิน เลือดเนื้อทั่วร่างพลันแห้งเหี่ยว พริบตาเดียวก็เป็นหนังหุ้มกระดูก
เพียงแต่ว่าขณะเดียวกัน แรงดูดมหาศาลจากร่างกายพลันสูบพลังแห่งเลือดเนื้อจากในผนังหินรอบๆ ให้หลั่งทะลักเข้ามาพร้อมกัน ทำให้ร่างกายจากสภาพหนังหุ้มกระดูกคืนเป็นปกติ อีกทั้งยังดูกำยำมากกว่าเดิมอีก
ทว่าไม่นานตัวซูหมิงกลับแห้งเหี่ยวอีกครั้ง เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แห้งเหี่ยว ฟื้นฟู แห้งเหี่ยวอีกครั้ง ฟื้นฟูอีกครั้งเป็นวัฏจักร ซูหมิงใช้วิธีแบบนี้ จากเดิมทีที่อ่อนแอก็แกร่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยตาเห็น
ตามหลักอภินิหารของเผ่าหมีซื่อแล้ว การฝึกฝนร่างกายไม่มีสิ้นสุด ขอเพียงมีพลังแห่งเลือดเนื้อให้สูบ ก็จะฝึกฝนวิชานี้ได้ไม่จบสิ้น
ซูหมิงรู้สึกว่าร่างกายกำลังแกร่งขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งพลังแห่งเลือดเนื้อเหมือนกับหมุนโคจรทั้งหมด ตอนนี้สู้กับผู้ฝึกฌานระดับดินตอนต้นได้แล้ว แต่สำหรับซูหมิงแล้วยังอ่อนแอเกินไป เป้าหมายเขาคือเพิ่มพลังแห่งเลือดเนื้อให้ถึงระดับฟ้าหรือสูงกว่านั้น กระทั่งหากบรรลุถึงเจ้าปกครองโลกก็จะดีกว่าสำหรับเขา
ช่วงที่ซูหมิงสูบกินพลังแห่งเลือดเนื้อที่นี่ ภายในผนึกคล้ายรังผึ้งตรงส่วนลึก เวลานี้ซุนคุนอยู่ในร่องรังผึ้งอันหนึ่ง ทั่วร่างดูบิดเบี้ยวกลายเป็นกึ่งโปร่งใส ราวกับว่าร่างกายอยู่คนละมิติกัน จุดที่ผ่านจะมีระลอกคลื่นกระจายออก เขามีสีหน้าจริงจังตลอดทาง กำลังก้าวเดินหน้าด้วยความระวังทีละก้าว
แม้ในสภาพนี้เขาจะเจออันตรายไม่มาก ทว่าในผนึกคล้ายรังผึ้งนี้เหมือนกับอยู่ในเขาวงกต การจะหาเส้นทางสู่ข้างในที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องง่าย
ซุนคุนวนไปวนมาอยู่ที่นี่นานมาก แต่ก็ยังหาเส้นทางจริงๆ ไม่พบ
ในเวลาเดียวกัน ชายชราหลงลี่ผู้หลังค่อมเล็กน้อย ทั่วตัวเขากลายเป็นเงาดำนับไม่ถ้วนจึงเห็นร่างกายไม่ชัด เห็นเพียงหมอกดำอบอวลกำลังติดตามเขาอยู่ในผนึกคล้ายรังผึ้ง
เขาเร็วกว่าซุนคุนไม่น้อย อีกทั้งเหมือนไม่ได้หลงทาง แต่มีเป้าหมาย เพียงแต่ว่าไม่ได้มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกตรงใจกลาง แต่ทะยานไปอีกทางหนึ่ง
ครู่ต่อมา หมอกดำทั่วร่างพลันหยุดนิ่ง เห็นดวงตาขยับไหวของหลงลี่รางๆ ในหมอก
‘น่าจะใกล้แล้ว หากบันทึกในคัมภีร์โบราณที่ข้าได้มาตอนนั้นไม่ผิด ที่นี่คือแกนกลางรองของผนึกหกจุด
แกนกลางหลักของผนึกหกจุดใช้ผนึกคน ฉะนั้นจึงมีแกนกลางรองระดับต่างกันอีกหลายจุด ในคัมภีร์โบราณว่าไว้ว่า แกนกลางรองผนึกหกจุดอย่างน้อยสุดจะมีหินโลกที่มีพลังแห่งโลกครบถ้วนอยู่หนึ่งก้อน
ข้าเพียงเอาหินนี้มา ขั้นพลังที่ไม่ก้าวหน้าของข้าก็จะกลับมาอีกครั้ง’ นัยน์ตาหลงลี่ในหมอกฉายแววตื่นเต้น กระทั่งลมหายใจยังกระชั้น ถึงอย่างไรเขาก็วางแผนเรื่องนี้มาชั่วชีวิต ครั้งนี้ได้มาเจอโอกาสดีๆ แล้ว สำหรับคนจำนวนมาก เรื่องการเปลี่ยนแปลงของดาวแท้จริงจนมาถึงเรื่องผนึกตรงนี้เป็นเหมือนความฝัน
ตอนที่หลงลี่มองหาดูรอบๆ เถียนหลินกำลังลอยอยู่ในเส้นทาง เขาแผ่ขยายจิตสัมผัสอย่างเต็มที่ แต่ก็ปกคลุมไม่ได้ทั้งหมด จิตใจสูญเสียความรู้สึกการนำทางในผนึกรังผึ้งไปคล้ายกับหลงทาง เขาขมวดคิ้ว เขตรังผึ้งนี้ใหญ่เกินไปจริงๆ ทุกช่วงระยะทางจะปรากฏทางแยกรังผึ้งหลายร้อยหลายพัน หากเดินผิดก็เข้าไปหาชื่อหั่วโหวได้ยาก
ฉะนั้นเขาจึงมีสีหน้าทะมึน เถียนหลินอยู่นอกทางแยกหนึ่ง หลังจากลงมาเหยียบบนพื้นดินและหลับตาลง ผิวหนังพลันเปลี่ยนเป็นเปลือกไม้ พริบตาเดียวทั่วตัวก็กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ ขณะต้นไม้ใหญ่แกว่งไกวก็แตกกิ่งไม้ออกมาหลายร้อยหลายพัน สิ่งที่น่าพิศวงคือมันพากันมุดเข้าไปในถ้ำรังผึ้งทั้งหมด
เถียนหลินมีแต่ต้องใช้วิธีนี้ถึงจะตามหาเส้นทางที่ถูกต้องเจอ แม้วิธีนี้จะสิ้นเปลืองจิตมาก อีกทั้งยังใช้เวลานานมาก แต่หากเจอเส้นทางก็จะเป็นทางที่ถูกต้องอย่างยิ่ง
ช่วงที่ทุกคนต่างใช้อภินิหารของตน ซูหมิงยังคงสูบพลังอยู่ในหินผา เวลาค่อยๆ ผ่านไป พริบตาเดียวก็สามเดือน สามเดือนนี้ร่างกายซูหมิงไม่ได้อยู่ที่เดิมอีก แต่ค่อยๆ เดินหน้าไปยังส่วนลึก
กระเรียนขนร่วงไม่แปลงเป็นผนังหินอีก ร่างกายซูหมิงฝังลึกเข้าไปในผนังหินแล้ว จึงไม่ต้องปกปิดอะไรอีก
ในเวลาสามเดือนนี้ ผนังหินรอบๆ ซูหมิงส่วนใหญ่ไม่ใช่สีครามเข้มอีก กล่าวได้ว่าพลังแห่งเลือดเนื้อในกำแพงส่วนใหญ่ถูกเขาสูบจนเกลี้ยง ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์นี้ ซูหมิงจะค่อยๆ เคลื่อนตัวอยู่ในผนังหิน มุ่งหน้าไปยังจุดที่มีพลังเลือดเนื้อมากกว่า
สามเดือนมานี้ พลังแห่งเลือดเนื้อในตัวเขาพลันก้าวหน้า ยามนี้ขาดอีกเล็กน้อยก็จะบรรลุถึงจุดสูงสุดระดับดินแล้ว
ห่างจากขั้นพลังซูหมิงอีกไม่ไกล!
เขามั่นใจว่า ขอเพียงพลังแห่งเลือดเนื้อของที่นี่มากพอ ตนจะใช้อภินิหารของเผ่าหมีซื่อฝึกฝนร่างกายให้บรรลุถึงระดับน่าสะพรึงกลัวได้ แต่เขารู้สึกอย่างชัดเจนว่า หลังจากร่างกายแกร่งถึงระดับมั่นคงแล้ว หากอยากจะยกระดับขึ้นอีกจะเป็นเรื่องยากยิ่ง พลังแห่งเลือดเนื้อที่ต้องการเทียบเท่ากับมหาสมุทร ทว่าซูหมิงไม่รีบร้อน เขาอยู่ในผนังหินตามหาเส้นทางไปแบบสบายๆ ไปตามความรู้สึกถึงพลังแห่งเลือดเนื้อที่มีมากสุดในพื้นที่ต่างๆ อย่างเนิบช้า พอเข้าไปใกล้แล้วจะนั่งสูบกินอย่างเงียบๆ ร่างกายแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ในวงเวียนการแห้งเหี่ยวและฟื้นฟู
กระทั่งซูหมิงยังไม่รู้ว่าการเดินหน้าด้วยวิธีนี้แทบจะเป็นเส้นตรงมุ่งหน้าสู่กลางหินผาของผนึกคล้ายรังผึ้ง อีกทั้งห่างจากซูหมิงราวๆ ไม่ถึงสามร้อยจั้งมีพื้นที่กว้างโล่งแห่งหนึ่ง พื้นที่นี้มีขนาดร้อยจั้ง บนพื้นมีธงใหญ่เก้าคันปักอยู่ อีกทั้งยังมีวงแหวนอาคมขยับแสงพิลึกวูบวาบบนพื้น ตรงใจกลางวงแหวนอาคมยังมีหินเท่ากำปั้นลอยอยู่หนึ่งก้อน
หินก้อนนี้โปร่งใสคล้ายผลึกหิน ดูแล้วไม่พิเศษอะไร ทว่าหากมองนานๆ จะถูกผลึกหินดูดจิตใจไป ประหนึ่งว่าไปอยู่ในโลกแปลกตา ถึงขนาดเห็นการเกิดแก่เจ็บตาย เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกหนึ่งใบ
สิ่งนี้ก็คือหินโลกที่มีพลังแห่งโลกครบถ้วน!
อีกด้านหนึ่งของหินโลก ห่างไปราวสามร้อยกว่าจั้งเช่นกัน นัยน์ตาหลงลี่เป็นประกายแสงหม่น ตรงหน้าเขามีถ้ำรังผึ้งหลายร้อยหลายพัน เขารู้ว่าในนี้มีเพียงถ้ำเดียวที่จะไปถึงหินโลกแกนกลางรองผนึกที่เขาปรารถนา ทว่าไม่รู้ว่าเป็นถ้ำใด
เขาอยู่ที่นี่มาครึ่งปีแล้ว ลองมาเกือบร้อยครั้งแต่กลับไม่สำเร็จ กระทั่งหากไม่ใช่เพราะมีไหวพริบดีถอยมาก่อน เกรงว่าคงไปที่ใดแล้วก็ไม่รู้
‘บัดซบ ตามคัมภีร์โบราณแล้ว แกนกลางรองผนึกหกจุดส่วนใหญ่ต้องอยู่ตรงนี้ถึงจะถูก แต่เหตุใดถึงหาไม่เจอ…..
อีกอย่างผนึกรังผึ้งนี้มันน่ารำคาญนัก ต่อให้มีเส้นทางหนึ่งจริง แต่มักจะให้วนไปรอบๆ หนึ่งรอบหรือครึ่งรอบ พอเข้าไปแล้วจึงรู้สึกเดินไกลขึ้นเรื่อยๆ จนยากจะยืนหยัดต่อ’
หลงลี่ยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือไม่หยุด กระทั่งบางครั้งยังหยิบม้วนคัมภีร์โบราณที่ไม่รู้ว่ารวมจากหนังสัตว์ชนิดใดออกมาหนึ่งแผ่น พอเปิดอ่านอยู่พักใหญ่แล้วถึงเข้าไปในเส้นทางถ้ำแห่งหนึ่งอย่างระมัดระวัง แต่เข้าไปไม่นานเขาก็จะออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ดีที่เขาไม่ได้ลองเพียงลำพัง ตรงหน้าเขาวางน้ำเต้าอันหนึ่ง น้ำเต้านี้กำลังปล่อยควันดำ กลายเป็นเงาดำสิบกว่าเส้นเข้าๆ ออกๆ ถ้ำรังผึ้งอย่างเนิบช้า
‘อีกสองสามเดือนข้าก็จะตรวจเส้นทางพวกนี้ครบ ถึงตอนนั้นก็จะได้คัดเส้นทางที่มีโอกาสถูกต้องที่สุดออกมา’ นัยน์ตาหลงลี่ฉายแววเฝ้าปรารถนา เขาเร่งรัดน้ำเต้าตรงหน้าให้ปล่อยเงาดำไม่หยุด ส่วนตัวเขาก็เข้าไปในถ้ำรังผึ้งเพื่อตรวจสอบด้วยตัวเอง
ซูหมิงสูบและกินไปอย่างช้าๆ เมื่อสีครามของผนังหินจางลง พลังเลือดเนื้อหายไปแล้ว เขาก็เดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ
กระเรียนขนร่วงอยู่ข้างๆ มันกลายเป็นร่างเดิม มีสีหน้าเกียจคร้าน มองตรงนี้ที มองตรงนู้นที เอ่ยพึมพำไม่หยุด
“ย่ากระเรียนมันเถอะ ข้าต้องเคยมาที่นี่แล้วแน่ๆ มิเช่นนั้นแล้วเหตุใดถึงรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้…หรือว่าท่านกระเรียนผู้เฉลียวฉลาดและองอาจห้าวหาญผู้นี้จะมาจากแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตจริงๆ?” กระเรียนขนร่วงเอ่ยพึมพำพลางมองซูหมิง มันรู้สึกเบื่อจริงๆ เลยวูบไหวตัวมุดเข้าไปในผนังหิน และมุ่งหน้าไกลออกไปอย่างเร็ว
กระเรียนขนร่วงห่างจากหลงลี่ไม่ไกล…
แทบเป็นช่วงที่กระเรียนขนร่วงโผล่ศีรษะออกมาจากผนังหินด้านหลังหลงลี่ หัวมันกลายเป็นผนังหินโดยพลัน มองไม่เห็นเงื่อนงำใดๆ จนกระทั่งหลงลี่บินออกมาแล้วเข้าไปอีกครั้ง บนพื้นจึงเหลือเพียงน้ำเต้าวางอยู่
มีหมอกดำลอยมาจากน้ำเต้าตลอดเวลา กลายเป็นเงาดำพุ่งเข้าไปในถ้ำรังผึ้งอื่นๆ
เวลานี้เอง กระเรียนขนร่วงมุดออกมาจากผนังหินอย่างว่องไว กระแอมไอพลางมองไปรอบๆ ด้วยแววตาชั่วร้ายและยังพึมพำกับตัวเองอีก
“หืม เหตุใดถึงมีน้ำเต้าอยู่ตรงนี้? จะต้องมีคนโยนทิ้งเอาไว้แน่ๆ….” กระเรียนขนร่วงมีท่าทีประหลาดใจ มันกระโจนเข้าไปโดยไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย พอใช้กรงเล็บคว้าน้ำเต้าเอาไว้ นัยน์ตามันฉายแววตื่นเต้น ก่อนจะมุดเข้าไปในผนังหินอย่างรวดเร็ว