Skip to content

สู่วิถีอสุรา 795

ตอนที่ 795 โม่ซูผู้สังหารเจ้า

ยามที่เสียงเย็นเยียบดังมา ผู้ฝึกฌานระดับฟ้าสองคนที่ถอยไปถอนหายใจโล่งอกอยู่ภายใน ตัวถอยหลังไปอย่างเร็วรี่ สายตาที่มองซูหมิงมีความหวาดกลัว ไม่กี่ลมหายใจเมื่อครู่นี้ พวกเขาสี่คนถูกสังหารไปแล้วสอง

เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตระหนกกับพวกเขา ขณะเดียวกันยังเกิดความหวาดผวาต่อซูหมิงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะภาพจำฝังลึกคือความเร็วและความแกร่ง

โครม!

เมื่อสิ้นเสียงเย็นเยียบ ระหว่างที่ทะเลวายุพัดผ่านไปมา มีอยู่จุดหนึ่งเกิดรอยแยก ชายชราตัวเตี้ยคนหนึ่งเดินออกมา

ชายชราสวมเสื้อคลุมยาวสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ ผิวหนังแห้งกร้าน ลูกตาไม่ใช่คนปกติ แต่ตั้งขึ้น เขาจึงดูเต็มไปด้วยความประหลาดและน่าสะพรึงกลัว ช่วงที่เดินออกมาเขาสะบัดแขนเสื้อคลุม พลันมีหมอกเขียวแผ่ขยายตรงมาหาซูหมิง พร้อมกันนั้นก็กลายเป็นแขนสีเขียวยักษ์ข้างหนึ่งคว้ามา

ในเวลาเดียวกัน กลางทะเลวายุโดยรอบมีร่างเงาปรากฏตัวอย่างรวดเร็วอีกหลายคน มีทั้งหมดสี่คน สี่คนนี้มีบุรุษและสตรี ขั้นพลังระดับฟ้า นับรวมสองคนที่ตายไปก่อนหน้านี้รวมถึงชายชรา พวกเขาก็คือผู้ฝึกฌานประจำดาวสมบัติสวรรค์ที่มาถึงที่นี่กลุ่มแรก

“คนผู้นี้ถูกขุมอำนาจรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงประกาศจับ จะต้องหนีมาตลอดแน่ ด้านหลังเขามีคนตามมาไม่น้อย พวกเราลงมือร่วมกันสังหารเขาให้เร็วดีกว่า”

“ใช่ เวลายืดออกไปอาจเกิดเรื่องไม่คาดคิด หากมีคนอื่นตามมา รางวัลที่ท่านโม่อั๋งควรได้รับจะถูกชิงไป”

“ลงมือ ฆ่า!” ผู้ฝึกฌานระดับฟ้าหกคนเห็นเจ้าปกครองโลกลงมือ ตรงเข้าไปหาซูหมิงพร้อมกันด้วยความเร็ว สองคนที่หวาดกลัวจนถอยหนีไปเมื่อครู่ตอนนี้เกิดความมั่นใจอีกครั้ง จึงตามกลุ่มคนเข้ามาด้วย

“เจ้าไม่คู่ควรกับแซ่โม่” นัยน์ตาซูหมิงเย็นชา ช่วงที่มือใหญ่สีเขียวจากหมอกคว้าเข้ามา เขายกมือขวาขึ้น เกราะแขนหลอมละลายโดยพลัน ทวนยาวสีแดงรวมออกมาอยู่ในมือแทน พอกำเอาไว้แล้วก็ปาใส่มือยักษ์ที่กำลังตรงเข้ามา

ตูม

มือใหญ่สีเขียวระเบิด ทวนยาวส่งเสียงอื้ออึงราวกับมังกรโลหิตทะลวงผ่าน แล้วละลายเองตรงหน้าชายชรา เป็นฝนโลหิตนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไป

ชายชราตัวเตี้ยมีสีหน้าแน่วแน่ แค่นเสียงหึเย็นชาพลางถอยไปหลายก้าว เขาหมุนวนอยู่ที่เดิมจนครบสอบรอบ ก็พลันเกิดพายุหมุนขึ้นรอบตัว กลายเป็นพายุยาวหลายร้อยจั้ง

ปัง ปัง ปัง

ทะเลวายุสั่นสะเทือน มวลอากาศสั่นไหว ฝนโลหิตชนกับพายุหมุนก่อนถูกดูดเข้าไป หากมองจากไกลๆ ตอนที่พายุหมุนถูกย้อมเป็นสีแดง มีเสียงร้องโหยหวนแว่วมาจากไม่ไกลนัก

หนึ่งในหกผู้ฝึกฌานระดับฟ้ามีโพรงตรงระหว่างคิ้ว ซูหมิงหมุนตัวตรงหน้าเขา ดึงมือกลับแล้วหายวับไป

“คนที่สี่” เหลือเพียงเสียงเย็นชาดังก้องรอบๆ

เสียงคำรามด้วยความโกรธแว่วมาจากในพายุหมุน ชายชราตัวเตี้ยในพายุห้อทะยานออกมาราวสายฟ้า ถึงเขาจะขวางการโจมตีจากทวนยาวสีโลหิตได้ ทว่าระหว่างที่ขวางอยู่ ผู้ฝึกฌานระดับฟ้าที่ตามเขามาตายไปหนึ่งคน ชายชราจึงรู้สึกอึดอัดและโกรธกริ้ว ยามนี้เดินออกมาแล้วก็ใช้ความเร็วทั้งหมดตรงไปหาซูหมิง

ทว่าซูหมิงไม่สนใจเขาเลย สำหรับเจ้าปกครองโลก โดยเฉพาะผู้ใช้พลังแห่งโลกได้ตลอดเวลา ย่อมสังหารยากกว่าผู้ฝึกฌานระดับฟ้ามาก

แต่ผู้ฝึกฌานระดับฟ้าไม่ใช่อย่างนั้น ถึงแม้แข็งแกร่งมากเช่นกัน แต่สำหรับซูหมิง ด้วยร่างกายเขาจึงรับมือกับอภินิหารของระดับฟ้าได้ทุกคน และเมื่อใช้คู่กับวิชา ขอไม่บอกว่าไร้คู่ต่อสู้ในระดับฟ้า แต่ระดับฟ้าที่สู้กับเขาได้ก็มีน้อยมากแล้ว

“คนที่ห้า” เสียงครึกโครมดังสนั่น ตอนซูหมิงกล่าวเสียงเบา ผู้ฝึกฌานระดับฟ้าคนหนึ่งตรงหน้าร่างกายระเบิดออก นัยน์ตาคนตายยังมีความสับสน อภินิหารทุกอย่างโจมตีใส่ซูหมิงแล้ว แต่กลับไม่อาจหยุดอีกฝ่ายได้

“คนที่หก!”

“คนที่เจ็ด!” เสียงโครมครามดังไม่หยุดหย่อน ปะปนกับเสียงคำรามของชายชรากับเสียงร้องโหยหวนของผู้ฝึกฌานระดับฟ้า ผู้ฝึกฌานระดับฟ้าสองคนที่เหลือเป็นบุรุษหนึ่งสตรีหนึ่งหน้าซีดขาว นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวอย่างยิ่ง พวกเขาเห็นสหายตายไปทีละคน แต่อีกฝ่าย…ผู้ถูกประกาศจับในชุดคลุมยาวสีแดงและสวมหน้ากากดำกลับยังคงเย็นชาไร้ความรู้สึก อภินิหารวิชาที่โจมตีใส่ไปตั้งแต่เริ่ม ไม่เห็นเขาได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย

คล้ายกับว่าเขาไม่รู้จักความเจ็บปวด ร่างกายรับความเสียหายได้ทุกอย่าง

ภาพเหล่านี้ถึงไม่ทำให้สองคนนี้เสียสติ แต่ไม่มีใจคิดจะสู้อยู่ในความรู้สึกหวาดกลัวขณะกำลังจะห้อเหยียดหนีนั้น ยังไม่ทันถอยไปไกลนัก ก็มีสายลมกลิ่นคาวเลือดโชยเข้ามากระทบใบหน้า ตรงระหว่างคิ้วสองคนปรากฏโพรงโลหิตหนึ่ง คล้ายถูกอะไรบางอย่างต่อย

จากนั้น ช่วงที่ซูหมิงกล่าวคำว่า “คนที่เก้า” ดังก้อง สองคนนี้ก็กลายเป็นน้ำโลหิต

“คนแรกคือซานไท่ เจ้าคือคนที่สิบ” ซูหมิงหมุนตัวมองชายชราโม่อั๋งที่ตอนนี้โกรธเดือดดาล แต่กลับไล่ตามตนไม่ทัน

ภายนอกชายชราดูโกรธแค้น แต่ภายในกลับค่อนข้างสงบนิ่ง ตอนที่อีกฝ่ายสังหารผู้ฝึกฌานระดับฟ้าคนที่ห้า เขาเลิกคิดจะเอารางวัลนำจับด้วยตัวคนเดียวไปแล้ว

‘ซานไท่? นั่นมันเจ้าปกครองโลกที่เดินทางเพียงลำพังอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล ดูจากความหมายของคำพูดอีกฝ่าย หรือว่าซานไท่จะตายด้วยมือเขา! บุคคลนี้ถูกสี่มหาโลกแท้จริงประกาศจับ ย่อมแข็งแกร่งอยู่แล้ว มีร่างกายเท่าระดับฟ้า อีกทั้งเขายังกักพลังเอาไว้อย่างชัดเจน พอเจอข้าก็ไม่ได้ตระหนกและหนี เห็นได้ว่าในจิตความคิดเขา ต่อให้เป็นเจ้าปกครองโลกก็ยังไม่สร้างอำนาจคุกคามให้มากนัก

หากจะสังหารบุคคลผู้นี้ต้องรอคนอื่นมาถึงก่อนแล้วร่วมมือกันสังหารถึงจะมั่นใจที่สุด ถึงอย่างไรหินโลกก็เป็นสมบัติล้ำค่า แต่หากจ่ายชีวิตเพื่อมันคงจะไม่ค่อยคุ้มค่านัก’ ชายชราโม่อั๋งมีสีหน้าทะมึนทึบ อัดแน่นไปด้วยความโกรธ จ้องซูหมิงพลางยกมือขวา ในมือมีหมอกสีเขียวรวมขึ้นมาอย่างช้าๆ

ตอนนี้เอง ไกลออกไปมีเสียงห้อเหยียดตรงเข้ามา เห็นรางๆ ว่ามีร่างเงาคนสิบกว่าคนบินลงมาจากฟ้าอย่างเร็วรี่ สองคนที่อยู่ข้างหน้าคือเจ้าปกครองโลก พวกเขาแหวกผ่านอากาศจนเกิดระลอกคลื่นบิดเบี้ยวจำนวนมาก ทำให้สายลมรอบนอกทะเลวายุม้วนตลบถอยไปในเสี้ยววินาที

‘เจ้าปกครองโลกสามคน ผู้ฝึกฌานระดับฟ้าสิบคน’ นัยน์ตาซูหมิงวาววับ แทบเป็นช่วงที่คนเหล่านี้พุ่งเข้ามา เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วยกมือขวาขึ้น ฝนโลหิตจำนวนมากที่อยู่ไม่ไกลรวมกันเข้ามาแล้วกลายเป็นทวนยาวสีโลหิตในมือ จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังส่วนลึกของทะเลวายุ

“คิดหนีรึ!” นัยน์ตาชายชราโม่อั๋งมีจิตสังหารวาบผ่าน หมอกเขียวในมือขวาระเบิดออก หมอกแผ่กระจายออกโดยรอบ กลายเป็นเต่าใหญ่หมอกเขียวเก้าหัวตัวหนึ่งตรงหน้า ร่างกายมีขนาดหลายพันจั้ง เมื่อปรากฏตัวมาแล้วก็วิ่งเข้าไปหาซูหมิง

“สหายโม่ขวางเขาเอาไว้ พวกข้าจะถึงแล้ว!”

“หากสังหารคนผู้นี้ได้ รางวัลระหว่างเราจะแบ่งกันอย่างไรก็คุยกันง่ายอยู่แล้ว ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นสายเลือดสมบัติสวรรค์ บุคคลนี้มาอยู่ที่นี่ถือว่าสวรรค์มอบโชควาสนาให้”

“ต้องลงมือสุดกำลัง อย่ากลัวสิ้นเปลืองพลังแห่งโลก ข้าได้ข่าวมาว่าตอนนี้ผู้ฝึกฌานจำนวนมากของวงแหวนบูรพากำลังมาที่นี่แล้ว พวกเราต้องชิงเอารางวัลก่อนหน้าพวกเขา!”

ขณะเดียวกับที่โม่อั๋งกล่าว เจ้าปกครองโลกดาวสมบัติสวรรค์สองคนที่กำลังทะยานมาก็เอ่ยเสียงดังทันที สองคนนีมีสีหน้าเหมือนเรียบนิ่ง ทว่าในใจกลับตื่นเต้นยิ่งนัก ในสายตาพวกเขา ฝ่ายตนมีเจ้าปกครองโลกสามคน จึงไม่มีทางที่จะไม่สำเร็จ

อีกทั้งดาวสมบัติสวรรค์ยังมีเจ้าปกครองโลกอีกคน แต่เพราะปิดด่านนั่งฌานอยู่จึงมาไม่ได้ในทันที แต่อีกไม่นานจะต้องสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดิน และต้องมาอย่างแน่นอน

ถึงตอนนั้นฝ่ายพวกเขาเจ้าปกครองโลกสี่คน หลังสังหารผู้ถูกประกาศจับโดยรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงแล้ว ก็จะสร้างความตระหนกตกใจให้กับผู้แข็งแกร่งที่กำลังมาจากนอกดาวได้

ถึงจะดี แต่เงื่อนไขคือต้องสังหารซูหมิงเสียก่อน

เวลานี้เสียงครึกโครมดังสนั่นไปรอบๆ วินาทีที่เต่ายักษ์เก้าหัวสีเขียวคำรามด้วยความโกรธพร้อมกับพุ่งชนเข้าไป ร่างกายมันหยุดชะงักกลางอากาศอย่างน่าประหลาดครู่หนึ่ง หลังจากนั้นร่างใหญ่ก็ถอยกลับไป อีกทั้งระหว่างถอย ร่างกายยังเหมือนย้อนเวลาจนกลับมาเป็นกลิ่นอายสีเขียวอีกครั้ง กลายเป็นก้อนหมอกยักษ์แทน

ชั่วขณะที่เกิดภาพเหตุการณ์ประหลาด โม่อั๋งเบิกตากว้าง สูดลมหายใจเข้า

“ควบคุมเวลา!”

โม่อั๋งใจสั่นสะท้าน เขารีบถอยไปโดยพลัน รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นภาพโบราณภาพหนึ่ง เขาเคยเห็นคนคนหนึ่งควบคุมเวลาได้เช่นนี้ หลังจากใช้อภินิหารแล้ว คนที่อยู่ในพื้นที่จะแก่ชราจนกลายเป็นเถ้าธุลี

แทบเป็นช่วงที่เขาถอยร่น มือขวาซูหมิงแห้งเหี่ยว มือซ้าย ขาสองข้าง รวมถึงทั่วร่างล้วนแห้งเหี่ยว ก่อนร่างกายจะแตกออกเป็นเศษนับไม่ถ้วนคล้ายกับกระจก

เกิดเสียงฟู่ขึ้นมา เศษเหล่านั้นตรงไปหาโม่อั๋ง ตอนนี้ทุกคนบนฟ้าที่ยังอยู่ไกลๆ ห่างจากตรงนี้ไม่ถึงพันจั้งแล้ว พริบตาเดียวก็จะมาถึง โดยเฉพาะเจ้าปกครองโลกสองคน ขณะก้าวเดินยังเหมือนใช้เคลื่อนย้ายพริบตาจึงเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

หากไม่ใช่เพราะที่นี่คือทะเลวายุดาราที่ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาไม่ได้ พวกเขาสองคนคงมาถึงเร็วกว่านี้

โม่อั๋งหรี่ตา เขาเห็นร่างซูหมิงกลายเป็นเศษแตกกระจายอย่างน่าประหลาด ภาพนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับเขา ทั้งยังเกิดความรู้สึกถึงภยันตรายร้ายแรง

“ไม่ถูก มันไม่ถูกต้อง!” ขณะถอยร่นโม่อั๋งปลดปล่อยพลังแห่งโลกมาอย่างไม่ลังเล พลังแห่งโลกนี้เป็นเหมือนกับของเหนียว มันแผ่ออกเป็นวงกว้างโดยมีเขาเป็นใจกลาง พร้อมกันนั้นรอบตัวเขายังรวมขึ้นเป็นอักขระจำนวนมาก

“จงป่นปี้ไปเสีย!” โม่อั๋งคำรามเสียงต่ำ อักขระรอบตัวหมุนโคจรอย่างเร็วไว พลังแห่งกฏมาเยือน ก่อนตรงเข้าไปหาเศษจากร่างกายซูหมิงที่กำลังพุ่งเข้ามาใกล้

“ผู้สังหารเจ้า โม่ซู!” เสียงเย็นเยียบดังกังวาน ทันทีที่เจ้าปกครองโลกแห่งดาวสมบัติสวรรค์สองคนมาถึง โม่อั๋งร้องคำราม ขณะเดียวกันเศษชิ้นส่วนจากร่างซูหมิงก็ทะลวงผ่านพลังแห่งโลก ทะลวงผ่านอักขระซึ่งกำลังพังทลาย ก่อนทะลวงเข้าสู่ร่างกายโม่อั๋ง

เศษแตกแทงเข้าสู่ร่างกายทั้งหมด เมื่อหลอมละลายอย่างรวดเร็วและมุดเข้าไปแล้ว โม่อั๋งกรีดร้องเสียงแหลมเล็ก ความทรงจำกำลังถูกกินอย่างเร็วไว เลือดเนื้อกำลังหายไป พลังแห่งโลกในร่างกายถูกสูบกินจนหมด

บึ้ม!

โม่อั๋งร่างระเบิด เศษชิ้นส่วนจำนวนมากบินออกมารวมกันกลางฟ้ากระจ่างดาว กลายเป็นร่างแห้งเหี่ยวของซูหมิง เมื่อรวมเสร็จในพริบตาเดียวแล้ว พลังแห่งโลกที่ชัดเจนยิ่งกว่าเดิมก็แผ่กระจายมาจากในร่างกายเขา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version