ตอนที่ 813 มหาชนเคลื่อนไหว
สมบัติตะวัน!
สมบัติชนิดนี้ต่อให้เป็นในสี่มหาโลกแท้จริงก็พบเห็นไม่บ่อย ส่วนใหญ่จะอยู่ในมือของตาแก่ยอดฝีมือที่มีพลังระดับภัยพิบัติ ระดับความล้ำค่าของมันไม่อาจบรรยาย กล่าวได้ว่าสำหรับผู้แข็งแกร่งระดับภัยพิบัติจันทราแล้ว สมบัติชนิดนี้เพียงพอจะก่อให้เกิดการสงครามแย่งชิงกัน
เพียงแต่สมบัติตะวันชนิดนี้มีน้อยคนนักที่จะหลอมมันขึ้นมาได้ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเองกลางฟ้ากระจ่างดาว เป็นเหมือนดั่งมรดกโลก ฉะนั้นสมบัติตะวันทุกชิ้นจึงต่างกัน มีพลานุภาพแข็งอ่อนต่างกัน ทว่าถึงจะเป็นสมบัติตะวันที่อ่อนที่สุด ก็มากพอจะให้ตาแก่ยอดฝีมือระดับภัยพิบัติจันทราสองคนต่างกันอย่างใหญ่หลวง
ระดับภัยพิบัติจันทรา หากไม่มีสมบัติตะวันและเผชิญหน้ากับคนระดับพลังเดียวกันแต่มีสมบัติตะวัน เช่นนั้นก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย
มีเพียงระดับภัยพิบัติจันทราที่มีสมบัติตะวันเท่านั้น ถึงจะเรียกว่า…ครึ่งก้าวก่อนภัยพิบัติตะวัน!
สมบัติระดับนี้อย่าว่าแต่แดนรกร้างต้นกำเนิดจิตเลย ต่อให้อยู่ข้างนอกก็สร้างความตื่นตกใจ และยิ่งในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตนี้มันยิ่งก่อให้เกิดมหันตภัยขึ้น
มันทำให้ตาแก่ยอดฝีมือระดับภัยพิบัติจันทราที่ออกมาข้างนอกน้อยมากในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตสนใจ ทำให้เจ้าปกครองโลกตอนปลายตาร้อน กระทั่งผู้รักษาการณ์ยังคลุ้มคลั่ง
สังหารโม่ซูก็จะได้รับสมบัติตะวัน การเพิ่มสมบัติชิ้นนี้ในรางวัลอยู่เหนือกว่าหินโลก เหนือกว่าดาวแท้จริง และเป็นแสงสว่างที่สุดทั้งเขตดาราวงแหวนบูรพา อีกทั้งยังทำให้มหาชนเกิดความบ้าคลั่ง
อีกสามเขตดาราใหญ่ก็ตื่นเต้นเพราะข่าวนี้เช่นกัน คนที่คิดว่าตนมีหวังต่างพากันหยุดกิจของตน บ้างก็ออกฌานกันมา ก่อนมุ่งหน้าไปยังเขตดาราวงแหวนบูรพาด้วยความเร็วทั้งหมด
เขตดาราวงแหวนบูรพา ณ พื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นละออง ที่นี่มีแสงสว่างขยับวูบวาบเป็นบางครั้ง แต่กลับไม่มีเสียงใด มองไกลๆ จะเหมือนซากปรักหักพัง และมีเศษหินนับไม่ถ้วนลอยอยู่
ไม่นานมีสายรุ้งหนึ่งบินเข้ามาจากที่ไกลๆ สักครู่เดียวก็เข้ามาใกล้ กลายเป็นชายชราสวมเสื้อคลุมยาวสีครามเข้มคนหนึ่ง เขามีเส้นผมขาวทั้งศีรษะ ทว่าดวงตากลับวาววับ มีกลิ่นอายพลังแห่งโลกแผ่กระจาย ขั้นพลังอยู่ที่เจ้าปกครองโลกตอนกลาง
เขายืนประสานมือคารวะอยู่นอกเศษหินซากปรักหักพังด้วยความนอบน้อม
“ศิษย์มาขอพบอาจารย์”
เสียงชายชราดังก้องกังวาน ขณะเดียวกันเศษหินเหล่านั้นตรงหน้าเขาพลันขยับไหว ถูกดูดเข้ามารวมกันในพริบตา…กลายเป็นใบหน้าคนใหญ่ที่รวมขึ้นจากเศษหินจำนวนมาก
ใบหน้านี้พอมองออกรางๆ ว่าเป็นชายวัยกลางคน ใบหน้าราบเรียบแต่มีความน่าเกรงขาม ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“มีเรื่องอะไร” เสียงดุจดั่งฟ้าผ่าดังก้องไปรอบๆ ก่อให้เกิดระลอกคลื่นหลายชั้น ฟ้ากระจ่างดาวสั่นสะเทือน ทำให้พลังแห่งกฏเกณฑ์ทุกอย่างในพื้นที่นี้พลันหายไป
“อาจารย์ สี่มหาโลกแท้จริงใช้สมบัติตะวันเป็นรางวัลนำจับคนหนึ่ง” ชายชราก้มหน้าลงด้วยสีหน้าเคารพอย่างยิ่ง เขารู้ชัดถึงความแกร่งของอาจารย์ดี นั้นคือหนึ่งในสามผู้แข็งแกร่งที่สุดทั้งเขตดาราวงแหวนบูรพา ฉะนั้นถึงตอนนี้เขาจะบรรลุเจ้าปกครองโลกตอนกลาง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์ก็ยังหวาดกลัวอยู่ดี
“สมบัติตะวัน…..” ใบหน้าที่รวมจากเศษหินดวงตาขยับประกายโดยพลัน
ในเวลาเดียวกัน บนดาวแท้จริงที่ดูธรรมดาดวงหนึ่งในเขตดาราวงแหวนบูรพา มีชายชราอาภรณ์ขาดวิ่นและอยู่ในสภาพย่ำแย่ราวกับยาจกคนหนึ่งกำลังนอนหมอบอยู่ในป่าทึบที่เหี่ยวเฉาไปมากกว่าครึ่ง ข้างกายเขามีผู้ฝึกฌานอีกหลายคน เหล่านี้มีขั้นพลังสูงสุดเพียงระดับดิน กระทั่งมีไม่น้อยเป็นเพียงระดับมนุษย์
ยามนี้พวกเขาตื่นตัว จ้องสัตว์ร้ายคล้ายพยัคฆ์ตรงหน้าห่างไปราวหลายร้อยจั้ง ดูจากกลิ่นอายพลังของมันแล้วคงเทียบเท่ากับจุดสูงสุดระดับดิน บนพื้นด้านหลังมันมีดอกไม้สามสีดอกหนึ่งกำลังเบ่งบานและส่งกลิ่นหอม
สัตว์พยัคฆ์คำรามเสียงต่ำพลางมองไปรอบๆ ไม่หยุด สีหน้ามันดูจริงจังอย่างยิ่ง แต่ทันใดนั้นเอง พอกลีบดอกไม้สามสีด้านหลังมันร่วงหล่น ก็มีเสียงลากยาวแว่วมาจากรอบๆ พร้อมกัน ก่อนมีผู้ฝึกฌานสี่สิบกว่าคนพุ่งออกมาจากป่าทึบตรงไปหาสัตว์พยัคฆ์
ชายชราคนเดิมก็อยู่ในนั้น เขาร้องตะโกนเสียงดังที่สุด
“ฆ่ามัน ไอ้เดรัจฉาน ฆ่าไอ้เสือแก่ตัวนี้เสีย แล้วสมบัติจะเป็นของเรา!” ชายชราดวงตาเปล่งประกาย ร้องตะโกนเสียงดังพร้อมกับพุ่งออกไป พยัคฆ์ร้ายคำรามด้วยความโกรธ มันเข้าสู้มั่วไปหมด ทว่าสู้ได้ไม่นานชายชราก็ร้องโหยหวน บนตัวมีรอยกรงเล็บบาดลึก อวัยวะภายในเหมือนจะถูกควักออกมา ตอนที่ล้มลงกับพื้นยังไม่ลืมกล่าวประโยคหนึ่ง
“อ๊าก ข้าตายแล้ว…”
ชายชราล้มลงกับพื้น หลายลมหายใจต่อมาก็ลืมตาขึ้น เห็นพยัคฆ์แก่ร้องคำรามด้วยความบ้าคลั่งไม่หยุด ตอนที่มันสู้กับทุกคนจนตัวตาย เขาคลานไปใกล้ดอกไม้สามสีด้วยความระมัดระวัง
เขารวดเร็วมาก อีกทั้งยังมีท่าทางชำนาญวิธีการแบบนี้ยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าทำเรื่องแบบนี้มาไม่น้อย ทว่าตอนที่เขาเพิ่งไปถึงดอกไม้สามสี พลันมีคนตะโกนด้วยความโกรธมาจากบนฟ้า
“ตาแก่นั่นเป็นคนฝ่ายนั้น แกล้งตายเพื่อมาขโมยดอกไม้สามสี”
“หืม? เขาไม่ใช่ฝ่ายเรา”
“สมควรตาย ไม่ต้องสนใจพยัคฆ์แก่ตัวนี้ จัดการหัวขโมยชราคนนี้ก่อน เขาไม่ใช่คนฝ่ายเรา”
เสียงตะโกนด้วยความโกรธแว่วมาจากบนฟ้า และยังมีคนไม่น้อยอ้อมพยัคฆ์ร้ายตรงเข้ามาใกล้ ในเวลาเดียวกันชายชราก็คว้าดอกไม้สามสีด้วยสีหน้าตึงเครียด ก่อนรีบยืนขึ้นแล้ววิ่งหนีไกลออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนสิ่งใด
ด้านหลังเขามีแสงจากของวิเศษลากยาวมา และยังมีอภินิหารไล่ตาม ชายชรามีสีหน้าตื่นเต้น ขณะกำลังหนีอยู่พลันขมวดคิ้ว เขาหยิบแผ่นหยกชิ้นหนึ่งมาจากอกเสื้อ วิ่งไปพลางตรวจดูไปพลาง ทว่ามองแวบแรก นัยน์ตาพลันเปล่งประกาย ก่อนหยุดฝีเท้าลง
แทบเป็นช่วงที่เขาหยุด อภินิหารและของวิเศษจำนวนมากตรงเข้ามาพร้อมกัน ทันทีที่เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง ชายชรายังคงยืนอยู่ที่เดิม นิ่งไม่ขยับไหว ทว่าของวิเศษทั้งหมดที่พุ่งมาหาเขากลับแหลกเป็นเถ้าธุลี ส่วนอภินิหารเหล่านั้นยังระเบิดออกทั้งหมด
“สมบัติตะวัน…..” ชายชราหรี่ตาลงเล็กน้อย เมื่อเก็บแผ่นหยกไปแล้วก็กัดดอกไม้สามสีคำใหญ่ก่อนโยนลงบนพื้นไป แล้วหันไปมองผู้ฝึกฌานด้านหลังที่กำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่อย่างเหี้ยมโหดแวบหนึ่ง
“แค่ว่านสามสีกระจอกๆ ข้าคือหนึ่งในสามยอดฝีมือเจ้าปกครองโลกตอนปลายแห่งวงแหวนบูรพา ข้าจะแย่งพวกเจ้าเพื่ออะไร ถุยๆๆ ไม่เห็นอร่อยเลย” ชายชราถ่มน้ำลายหลายครั้ง ก่อนบินขึ้นฟ้าแล้วหายวับไป
ขณะเดียวกันในเวลานี้ กลางฟ้ากระจ่างดาววงแหวนบูรพามีอยู่พื้นที่หนึ่ง มีดาวแท้จริงที่ถูกเคลื่อนย้ายมาเจ็ดดวง ถึงดาวเจ็ดดวงนี้จะทิ้งร้าง แต่เมื่อรวมกันแล้วกลับมีอำนาจสูงสุดทั้งเขตดาราวงแหวนบูรพา ตอนที่ผู้ฝึกฌานที่มีประสบการณ์เล็กน้อยเห็นดาวแท้จริงเจ็ดดวงนี้ ในความคิดจะเกิดภาพตระกูลที่แกร่งที่สุดในเขตดาราวงแหวนบูรพา
ตระกูลหลี่!
หยวนฮว่า บรรพบุรุษตระกูลหลี่มีขั้นพลังเจ้าปกครองโลกตอนปลาย สร้างความตื่นกลัวรอบแปดทิศ ทำให้ตระกูลหลี่มีชื่อเสียงโด่งดังในเขตดาราวงแหวนบูรพา ขนานนามว่าเจ้าปกครองดินแดน
เล่าลือว่าบรรพบุรุษตระกูลหลี่มีหนวดยาวสามจั้ง เขาหลอมมันเป็นของวิเศษ คนที่ตายด้วยหนวดยาวนี้มีนับไม่ถ้วน เขาใช้ชื่อเสียงกลิ่นคาวเลือดสร้างเป็นขุมอำนาจตระกูลหลี่
คนที่อาศัยอยู่ในบนดาวแท้จริงเจ็ดดวงนี้ นอกจากคนตระกูลหลี่แล้ว ที่เหลือล้วนเป็นบริวาลอยู่ใต้การคุ้มกันของตระกูลหลี่ ปฏิบัติตามคำสั่งตระกูลหลี่ เวลานี้บนดาวแท้จริงดวงที่เจ็ดมีภูเขาสูงและทะเลสาบอยู่แห่งหนึ่ง ทะเลสาบน้ำใสอย่างยิ่ง ซึ่งพบเห็นได้ค่อนข้างยากในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต
ข้างทะเลสาบมีบ้านไม้หลังหนึ่ง นอกบ้านไม้มีชายวัยกลางคนยืนอยู่คนหนึ่ง เขากำลังก้มหน้าด้วยสีหน้าเคารพและฮึกเหิม
“เรื่องก็เป็นเช่นนี้ สี่มหาโลกแท้จริงใช้สมบัติตะวันเป็นรางวัล”
“รู้แล้ว เจ้าถอยไปเถอะ” ผ่านไปครู่หนึ่งก็มีเสียงอบอุ่นแว่วมาจากบ้านไม้ ชายวัยกลางคนมีสีหน้าตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม ก่อนคารวะแล้วจากไป
“สมบัติตะวัน…..สมบัติชนิดนี้จะต้องดึงดูดความสนใจของเถียนหวงจื่อเจ้าคนที่ชอบไปมีเรื่องกับผู้ฝึกฌานรุ่นเยาว์และไม่มีท่าทีของผู้แข็งแกร่งแม้แต่น้อยแน่ ต่อให้เป็นสือเซินจื่อก็ต้องกระตือรือร้นกับเรื่องนี้
ทว่า…..สมบัติตะวันหรือ หึ รุ่นเยาว์โม่ซูคนนี้ทำให้สี่มหาโลกแท้จริงหยิบสมบัติตะวันออกมาได้ ก็คงจะดูถูกไม่ได้เหมือนกัน” เสียงอบอุ่นกังวานออกไป แล้วค่อยๆ เงียบลง
ทั้งเขตดาราวงแหวนบูรพาล้วนเกิดความคลุ้มคลั่งเพราะรางวัลสมบัติตะวัน สายรุ้งยาวนับไม่ถ้วนบินอยู่บนฟ้ากระจ่างดาว ทุกคนออกตามหาโม่ซูอย่างสุดกำลัง ตรงชายแดนวงแหวนบูรพาก็มักจะมีคนบินเข้ามาบ่อยๆ เป็นคนจากแดนอื่นที่เข้าร่วมการล่าสังหารครั้งนี้ด้วย
กลางฟ้ากระจ่างดาวยังมีมังกรยักษ์อีกสามตัวกำลังบินอยู่ ด้านหลังพวกมันเป็นเรือยาวสีดำหลายลำบินตาม ด้านบนมีผู้ฝึกฌานเกราะดำนั่งอยู่จำนวนมาก ต่างกำลังนั่งฌานแน่นิ่ง
บริเวณหัวมังกรตัวหนึ่งในมังกรยักษ์ มีชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารายืนอยู่ ข้างกายมีคนสวมเสื้อคลุมขาวยืนอยู่คนหนึ่ง เขาหน้าขาวราวกับหยก แต่เย็นชาไร้ที่เปรียบ มองไปคล้ายกับกระบี่คมออกจากฝัก แฝงไว้ด้วยความไม่ธรรมดาในความเรียบนิ่ง
“เยี่ยวั่ง หากเจ้ายอมเป็นผู้ติดตามข้า ครั้งนี้ข้าจะช่วยเจ้าสังหารโม่ซูอย่างเต็มที่ ช่วยให้เจ้าได้สมบัติตะวัน และภายภาคหน้าข้าจะช่วยสนับสนุนสำนักเซียนของเจ้าให้แกร่งที่สุดในเผ่าเซียน”
“ไม่ต้อง” ชายหนุ่มเสื้อคลุมขาวคือเยี่ยวั่ง เขาเอ่ยเสียงเบาแล้วก็หลับตาลง ปิดซ่อนประกายแววตาประหลาดใจหลังได้ยินชื่อโม่ซู
‘โม่ซู…ชื่อคุ้นเหลือเกิน จะใช่เจ้าหรือไม่…หากไม่ใช่ก็ช่าง แต่หากเป็นเจ้าจริงๆ…ไม่ว่าเจ้าจะมาที่นี่ได้อย่างไร การต่อสู้ระหว่างข้ากับเจ้ายังไม่จบ
หลายปีมาแล้ว เจ้าเป็นคนเดียวที่มีฝีมือสูสีกับข้า เป็นคู่ต่อสู้คนเดียวที่ข้าจดจำจนถึงตอนนี้ เจ้าจะตายไม่ได้ เพราะคนที่มีคุณสมบัติสังหารเจ้ามีเพียงข้าเยี่ยวั่งคนเดียว!’ เยี่ยวั่งหลับตาพลางกล่าวเงียบๆ คนเดียวในใจ
ขณะเดียวกันในเขตดาราวงแหวนบูรพา บนกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์หลายร้อยเล่ม เจ๋อหรงเซินนั่งฌานอยู่กลางกลุ่มคน เขามองฟ้าไกลๆ ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นนามโม่ซู
ไม่เพียงแค่เขา หลีหั่วข้างๆ มีสีหน้าสงบนิ่ง ทว่าในใจกลับลอยขึ้นมาเป็นร่างเงาคนหนึ่ง นั่นคือชายหนุ่มที่มีนามว่าโม่ซูเช่นกัน
‘ใช่เขาหรือไม่….’ หลีหั่วส่ายศีรษะ
พวกเขาสองคนไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าจีอวิ๋นไห่ในอีกด้านหนึ่ง ตอนนี้กำลัง…..ตัวสั่นเบาๆ ยิ่งเดินหน้าเขายิ่งรู้สึกได้ถึงการเรียกหาเบาบางกลางฟ้ากระจ่างดาวกำลังส่งผลกระทบถึงตน
‘โม่ซู…ซูหมิง…เจ้าในตอนนั้นไม่มีความสามารถพอจะตรวจพบว่าข้ายังมีจิตสัมผัสอยู่เสี้ยวหนึ่ง เจ้าหลอมข้าเป็นหุ่นเชิด กลายเป็นเจ้านายข้า ตอนนี้ไม่นึกเลยว่าพวกเราจะได้พบกันที่นี่…..เช่นนั้น พวกเรามาแลกฐานะกันดีกว่า’ จีอวิ๋นไห่นัยน์ตาฉายประกายเย็นชา