Skip to content

สู่วิถีอสุรา 814

ตอนที่ 814 ดวงตาแห่งภัยพิบัติตะวัน

ด้านหน้าสุดของกระบี่โบราณหลายร้อยเล่มของโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ บนกระบี่ใหญ่สัมฤทธิ์สามเล่มที่เรียงกันเป็นตัวอักษร ‘品’ ตรงปลายกระบี่ล้วนมีคนยืนอยู่หนึ่งคน

คนตรงกลาง ตรงหว่างคิ้วมีตราสัญลักษณ์เปลวเพลิง สวมเสื้อคลุมยาวสีแดง เขาก็คือเต้าเหรินผู้รักษาการณ์ระดับเก้าจากฐานทัพใหญ่ และได้รับพลังแห่งเพลิงเทียนเสี้ยวหนึ่งมา

ดวงตาเขาแวววาว นอกตัวไม่มีเปลวเพลิงพวยพุ่งออกมา ทว่าบริเวณที่เขาอยู่กลับร้อนระอุอย่างยิ่ง กระทั่งกระบี่ยักษ์ใต้เท้ายังละลายอยู่ช้าๆ

“โม่ซู…” เต้าเหรินหรี่ตาลง นัยน์ตาเผยจิตสังหาร เป็นโม่ซูคนนี้ที่ทำให้โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเสียหน้ายับเยิน สร้างความไม่พอใจกับฐานทัพใหญ่ไม่ว่า หากในหนึ่งเดือนยังจัดการปัญหานี้ไม่ได้ ผู้รักษาการณ์อย่างพวกเขาจะต้องถูกลงโทษแน่นอน

อีกสองคนที่อยู่บนปลายกระบี่โบราณสัมฤทธิ์อีกสองเล่มข้างๆ เขา ตอนนี้กำลังนั่งฌานสมาธิอยู่ หนึ่งเป็นชายชรา อีกหนึ่งเป็นเด็กชายตัวเตี้ย

สองคนนี้ไม่มีระลอกกลิ่นอายพลังใดๆ แผ่ออกมา แต่หากตรวจสอบอย่างละเอียดจะพบสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว รอบๆ สองคนนี้ไม่มีกฎฟ้าดินอยู่เลย เป็นเหมือนความว่างเปล่า ประหนึ่งว่าจุดที่พวกเขาอยู่ฟ้ากระจ่างดาวยังต้องหลีกทางให้

“ผู้อาวุโสหานถงจื่อ อีกนานเท่าไรเจ้าถึงจะรู้ตำแหน่งโม่ซู” เต้าเหรินหันหน้าไปมองเด็กชายบนกระบี่โบราณทางขวาแล้วถามเสียงราบเรียบ

แม้ขั้นพลังที่แผ่ออกมาจะอยู่จุดสูงสุดของเจ้าปกครองโลกตอนกลางเหมือนกับบรรพบุรุษตระกูลจ้าว แต่คำพูดต่อเด็กชายกลับไม่มีความเคารพใดๆ แต่ใช้คำในระดับเดียวกัน

หากเป็นเมื่อก่อนเขาจะไม่ทำแบบนี้แน่นอน ทว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะเขาไม่ใช่เพียงผู้รักษาการณ์อีก เขามีฐานะอยู่เหนือกว่าผู้รักษาการณ์ เป็นผู้ใช้เพลิงเทียน

“อีกสองชั่วยามก็จะรู้ตำแหน่ง” เด็กชายลืมตามองเต้าเหรินพลางกล่าวเรียบนิ่ง

“สองชั่วยาม…โม่ซู อีกสองชั่วยามเจ้าหนีไม่รอดแน่!” นัยน์ตาเต้าเหรินมีจิตสังหารวูบผ่าน

…………..

ยามนี้ กลางเขตดาราวงแหวนบูรพา ซูหมิงนั่งสมาธิอยู่ในโลงศพแดงฉานที่กำลังบินออกจากดาวแท้จริงดวงหนึ่ง ดวงแท้จริงด้านหลังเขาส่งเสียงครึกโครมกังวาน กลิ่นอายพลังชั่วร้ายระเบิดออก และยังมีสัตว์ร้ายบินออกมาจากดาว

“โฮ่ๆๆ!” กระเรียนขนร่วงโห่ร้องด้วยความฮึกเหิม ช่วงนี้มันตื่นเต้นผิดปกติ ทุกครั้งที่เปิดผนึกดาว มันจะรู้สึกว่าได้ล้างแค้นสี่มหาโลกแท้จริง ความรู้สึกที่ว่าทำให้มันชอบทำแบบนี้มาก

“ซูหมิง เราจะไปที่ใดต่อ พวกเราต้องเปิดผนึกทั้งหมดในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ให้พวกสี่มหาโลกแท้จริงโกรธแค้น ยิ่งพวกมันโกรธมากเท่าไร ก็จะยิ่งมีปัญหามากขึ้นเท่านั้น และท่านกระเรียนผู้นี้ก็จะยิ่งตื่นเต้น” กระเรียนขนร่วงตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น สายตามองซูหมิงอย่างเฝ้ารอคอย

‘ใช้สมบัติตะวันเป็นรางวัลล่าสังหารข้าอย่างนั้นหรือ’ ซูหมิงไม่สนใจกระเรียนขนร่วง เขามีสีหน้าทะมึนอย่างยิ่ง ก่อนออกจากดาวแท้จริงเมื่อครู่นี้ เขาก็ได้รู้เรื่องที่สี่มหาโลกแท้จริงเพิ่มรางวัลแล้ว

“ซูหมิง พวกเราทำต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องรีบจากไปโดยเร็ว ยิ่งไกลเท่าไรยิ่งดี ข้าไม่คิดเลยว่า…สี่มหาโลกแท้จริงจะใช้สมบัติตะวันเป็นรางวัล” ชื่อหั่วโหวอยู่ข้างๆ มองซูหมิงด้วยสีหน้ากังวล

“สมบัติตะวันคืออะไร?” ซูหมิงถามขึ้น

เมื่อได้ฟังคำอธิบายจากชื่อหั่วโหวแล้ว ซูหมิงก็มีสีหน้าทะมึนยิ่งกว่าเดิม เขากำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว กระทั่งกระเรียนขนร่วงข้างๆ ยังไม่ร้องตะโกนอีก ชัดเจนว่าตื่นตกใจกับการกระทำของสี่มหาโลกแท้จริงเช่นกัน

“ให้เกียรติแซ่ซูจริงๆ สมบัติตะวัน….ข้าชักจะสนใจแล้ว” ซูหมิงตาเป็นประกาย ความคิดหมุนโคจรรวดเร็ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็หาวิธีเลี่ยงอันตรายครั้งนี้ไม่พบ

ตั้งแต่เริ่มก็ลิขิตเอาไว้แล้วว่านี่คือมหันตภัยมรณะ สี่มหาโลกแท้จริงคิดจะสังหารคนคนหนึ่ง ด้วยขุมอำนาจระดับนี้ อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็นตาแก่ยอดฝีมือระดับเจ้าปกครองโลกตอนปลายยังยากจะหนีรอด

มีเพียงวิธีเดียวคือไปดาวทมิฬ ที่นั่นขุมอำนาจสี่มหาโลกแท้จริงจะอ่อนแอที่สุด หลังข้ามดาวทมิฬไปยังทะเลดาราต้นกำเนิดจิตแล้ว สี่มหาโลกแท้จริงจะไม่มีกำลังไล่ตามไป พอนานเข้าเรื่องนี้ก็จะถูกพักเอาไว้ก่อน

เพียงแต่ว่าดาวทมิฬอยู่ไกลเกิน คงไปไม่ถึงในเวลาสั้นๆ ดังนั้นทางรอดเดียวนี้จึงถูกปิดตาย ช่วงนี้ซูหมิงก็เคยลองเข้าไปในมิติเศษหินสีดำที่ผสานรวมอยู่ในวิญญาณแล้วด้วย ผสานรวมเข้าไปได้ก็จริง แต่ร่างกายเข้าไม่ได้ เข้าได้แต่เพียงวิญญาณ หากถูกบีบจนถึงขั้นนั้นจริงๆ เขาเลือกวิธีนี้ก็เท่ากับละทิ้งร่างกาย ทุกอย่างจะต้องเริ่มใหม่อีกครั้ง

วิธีนี้ไม่อาจเลี่ยงภัยพิบัติสังหารครั้งนี้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเขาต้องมีช่วงเวลาออกมาข้างนอก หากตอนปรากฏตัวอีกครั้งแล้วเผยร่องรอย เขาที่ไม่มีกายเนื้อ มีแต่วิญญาณ ก็จะไม่มีพลังโต้ตอบใดๆ เลย

อีกอย่างถ้าถูกบีบให้ทิ้งกายเนื้อ ละทิ้งขั้นพลัง เขาคงไม่ยอมเลือกแน่

โลงศพสีแดงฉานบินทะยานอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาวเงียบๆ หนึ่งก้านธูปต่อมา นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายและฉายแววเด็ดขาด

‘ช่างเถอะ ด้วยขั้นพลังของข้าคงไม่รอดจากภัยพิบัติมรณะครั้งนี้ อีกอย่างข้าไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวในมิติเศษหินนานนัก ข้าไม่เชื่อหรอกว่าสี่มหาโลกแท้จริงจะปิดวงแหวนอาคมผนึกจิตไปตลอดกาล

ขอเพียงวงแหวนอาคมผนึกจิตเปิดและหมุนโคจร ข้าก็จะใช้พลังจากมันเคลื่อนย้ายพริบตาไป จะไม่มีผนึกใดหยุดข้าได้

อย่างนานสุดหนึ่งปี กระทั่งมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นเพียงหลายเดือน วงแหวนอาคมต้องเปิดอีกครั้งอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นแล้วการละทิ้งวงแหวนอาคมผนึกจิตเพื่อข้าคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้

ดังนั้นข้าต้องซ่อนตัวสักระยะหนึ่ง ในช่วงนี้ขอเพียงกายเนื้อข้าปลอดภัย ข้าก็จะไม่เป็นอะไร!

น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้เคยลองแล้ว นอกจากวิญญาณ กระทั่งถุงเก็บวัตถุยังเอาเข้าไปในมิติเศษหินไม่ได้ ในแดนมรณะหยินไม่ใช่อย่างนี้ บางทีอาจเป็นเพราะความประหลาดของแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต…เฮ้อ’ ซูหมิงส่ายศีรษะ ดวงตาขยับประกาย โลงศพแดงพลันเพิ่มความเร็วขึ้น แล้วเปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้ากลับไปยังดาวแท้จริงที่เขาออกมาก่อนหน้านี้

‘ผนึกบนดาวดวงนี้ถูกเปิดออกมากกว่าครึ่งแล้ว คนที่มาผนึกใหม่น่าจะมีน้อยคนที่คิดว่าข้ายังไม่จากไป และยังอยู่บนดาวดวงนี้’ ดวงตาซูหมิงเป็นประกาย ครู่ต่อมาโลงศพแดงก็พุ่งเข้าไปในดาวแท้จริง ทะลวงผ่านชั้นบรรยากาศ โลงศพไม่ได้ดิ่งลงไป แต่กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย

บนดาวแท้จริงมีภูเขารกร้างนับไม่ถ้วน กลางภูเขารกร้างมีดินเลนทับถมอยู่ในบึงน้ำไม่น้อย ตอนนี้ซูหมิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่นอกบึงน้ำ เขาเลือกอยู่หลายที่อย่างละเอียด แต่สุดท้ายก็เลือกที่นี่ จุดนี้ไม่ห่างไกลผู้คน มักจะมีผู้ฝึกฌานบนดาวนี้มาบ่อยๆ เพราะในพื้นที่มีว่านวิญญาณประหลาดเติบโต มีเสี้ยวพลังวิญญาณไม่มาก แต่ถึงจะมีไม่เยอะ ก็มากพอจะดึงดูดให้ผู้ฝึกฌานบนดาวนี้ออกค้นหา

“ข้ามีของวิเศษที่ใช้หลอมวิญญาณเพื่อซ่อนตัวอยู่ ตอนที่กลิ่นอายพลังข้าหายไป เจ้าขนร่วงต้องปกป้องกายเนื้อข้า ห้ามออกไปข้างนอก จงซ่อนตัวอยู่ในบึงน้ำรอข้า ชื่อหั่วโหว…ต้องพึ่งเจ้าแล้ว ข้าจะปรากฏตัวอีกครั้งในอีกครึ่งปีจากนี้ เมื่อไม่มีกลิ่นอายพลังข้า…” ซูหมิงกำลังกล่าว จู่ๆ ก็หน้าเปลี่ยนสี

วินาทีที่หน้าเปลี่ยนสี ชื่อหั่วโหวเงยหน้ามองฟ้า สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

“อย่าเพิ่งเข้าไปในของวิเศษซ่อนวิญญาณ สมควรตาย นี่มันดวงตาแห่งภัยพิบัติตะวัน!” ชื่อหั่วโหวรีบกล่าว ในเวลาเดียวกัน บนฟ้าที่เดิมทีเป็นค่ำคืนมืดมิด คืนมืดกลับหายไปในพริบตา กลายเป็นสลัวรางแทน ระหว่างที่มีเกล็ดหิมะสีดำโปรยปราย ฟ้าก็พลันกลายเป็นสีขาว

ท่ามกลางสีขาวมีตะวันสีดำมายาดวงหนึ่งปรากฏขึ้น!

มันเป็นของมายา ไม่ใช่ดวงตะวันจริงๆ นี่คือตะวันมายาของผู้ฝึกฌานระดับภัยพิบัติจันทรา หรือพูดได้คือดวงจันทร์!

หลังจากดวงตะวันสีดำมายาที่คล้ายทั้งอาทิตย์และจันทราปรากฏขึ้น หิมะสีดำกลางฟ้าดินกระจายออก หนำซ้ำตอนนี้ภายในตะวันสีดำยังมีดวงตาหนึ่งดวง!

มันเป็นดวงตาที่แฝงไว้ด้วยสติปัญญาและประสบการณ์โชกโชน ช่วงที่ดวงตาโผล่ขึ้นมา บนเกล็ดหิมะสีดำนับไม่ถ้วนที่กำลังลอยล่องอยู่บนฟ้าต่างมีดวงตาโผล่มาเช่นกัน

บนเกล็ดหิมะทุกอันคือดวงตาหนึ่งดวง!

“ระดับภัยพิบัติจันทรา อีกทั้งยังไม่ใช่คนเดียว อย่างน้อยมีสองคนใช้วิชาพร้อมกัน นอกจากนี้ต้องมีสมบัติภัยพิบัติที่ทรงอานุภาพเท่านั้น ถึงจะใช้ดวงตาแห่งภัยพิบัติตะวันระยะไกลได้ และสามารถระบุตำแหน่งทุกจุดที่มันเห็น!

ซูหมิง รีบละทิ้งกายเนื้อแล้วซ่อนตัวเร็ว ข้าไม่รู้อุบายซ่อนวิญญาณของเจ้า แต่หากเจ้ามีความมั่นใจก็จงซ่อนวิญญาณเสีย เร็ว! ไม่ต้องสนใจพวกข้า กายเนื้อเจ้า ข้า…ยังมีมันอยู่ พวกเราหนีไม่รอดการระบุเป้าหมายอยู่แล้ว เจ้าคือความหวังของเผ่าข้า เจ้าต้องรับปากข้าว่าจะหาธงชีวิตของเผ่าข้าให้เจอ เมื่อเจ้ามีพลังแห่งเผ่ายมโลกแล้ว จะต้องฟื้นคืนชีพให้ชาวเผ่าข้า!

เจ้าไม่ต้องอาลัยอาวรณ์กายเนื้อ เพราะต่อให้ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาออกจากที่นี่ก็ไม่มีผลใดแล้ว ด้วยดวงตาแห่งภัยพิบัติตะวัน ไม่ว่าพวกเราจะหนีไปที่ใด มันจะระบุตำแหน่งเราได้อีกครั้งในพริบตา

ก่อนตายข้าจะใช้พลังการเคลื่อนย้ายพริบตาครั้งสุดท้ายที่เหลืออยู่ระเบิดจิตสังหารตัวเองเพื่อช่วยเจ้าอำพรางวิญญาณ ซูหมิง…รักษาตัวด้วย!”

ชื่อหั่วโหวแทบจะตะโกน เวลานี้บนฟ้าส่งเสียงกึกก้อง ดวงตาหิมะนับไม่ถ้วนปลิวว่อน กลิ่นอายพลังแก่กล้าหลายกลุ่มลงมาเยือน ฟ้าโดยรอบมีเสียงกึกๆ แว่วมา เห็นได้ชัดว่าพื้นที่โดยรอบทั้งหมดแข็งค้างราวกับถูกแช่แข็ง

ภาพนี้ชัดเจนอย่างยิ่งกลางฟ้ากระจ่างดาว ขณะเดียวกับที่ผืนฟ้ากลายเป็นชั้นน้ำแข็ง ก็มีกระบี่โบราณสัมฤทธิ์หลายเล่มเคลื่อนย้ายในพริบตามาปรากฏตัว ร่างคนจำนวนมากขยับวูบไหวออกมา หนำซ้ำภายในพื้นที่ของโลกหยินศักดิ์สิทธิ์กลางขุมอำนาจรักษาการณ์สี่มหาโลกยังมีเสียงครึกโครมสนั่นหวั่นไหว

ระลอกคลื่นไร้สิ้นสุดกระจายออก ก่อเกิดแรงปะทะเป็นวงกว้าง ดาวอินใหญ่ยักษ์ไร้ที่เปรียบดวงหนึ่งลอยออกมาจากเขตโลกหยินศักดิ์สิทธิ์อย่างช้าๆ นี่คือการเคลื่อนไหวครั้งที่สองของดาวอินในช่วงหลายต่อหลายปีมานี้

ครั้งแรกเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของดาวทมิฬ

ทันทีที่ดาวอินปรากฏ มันเลือนรางโดยพลัน หายไปในพริบตา จังหวะเดียวกัน ผืนฟ้าดารานอกดาวแท้จริงที่ซูหมิงอยู่เกิดเสียงโครมคราม ขณะที่โดยรอบถูกแช่แข็ง มวลอากาศว่างเปล่าในพื้นที่ถูกฉีกแยก จากนั้นดาวอินก็ลงมาเยือน!

กลุ่มดาวใหญ่ยักษ์ที่รวมขึ้นจากดาวนับไม่ถ้วนและมีลักษณะเป็นบันไดบิดเบี้ยว ตอนนี้กำลังเผยขึ้นอย่างรวดเร็ว ยามนี้โผล่มาครึ่งหนึ่งแล้ว เมื่อมันปรากฏก็แผ่กระจายพลังแห่งผนึกแก่กล้าออกมา นี่คือการเตรียมพร้อมของผู้รักษาการณ์หยินศักดิ์สิทธิ์เพื่อไม่ให้ซูหมิงใช้วิชาเคลื่อนย้ายพริบตา หากดาวอินปรากฏอย่างสมบูรณ์ ผนึกนี้ก็จะสมบูรณ์แบบ ผู้ฝึกฌานต่ำกว่าระดับภัยพิบัติตะวันลงมาจะใช้วิชาเคลื่อนย้ายพริบตาไม่ได้ หาตำแหน่งของฝ่ายตรงข้ามก่อน แล้วให้ดาวอินมาผนึกการเคลื่อนย้ายพริบตาของเป้าหมาย แบบนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าศัตรูจะหนีไปแล้ว

“ซูหมิง เจ้ายังต้องคิดอะไรอีก เร็วเข้า ข้ารู้สึกได้ว่าบรรดาดาวอินสงครามของสี่มหาโลกแท้จริงมาถึงแล้ว!” ท้องฟ้าบิดเบี้ยว มีเงาสะท้อนกระบี่ยักษ์โผล่มา และยังมีสายรุ้งยาวนับไม่ถ้วน ชื่อหั่วโหวตะโกนเสียงดัง ขณะเขากำลังจะพุ่งออกไป นัยน์ตาซูหมิงพลันฉายแววบ้าคลั่ง

“ชื่อหั่วโหว ใช้พลังทั้งหมดพาข้าเคลื่อนย้ายไป!” แววตาซูหมิงคลุ้มคลั่ง ทว่าน้ำเสียงสงบนิ่งจนน่ากลัว

“อะไรนะ!” ชื่อหั่วโหวหันกลับมามองในทันที กำลังจะกล่าวด้วยสีหน้าร้อนรน

“ใช้เคลื่อนย้ายพริบตา…ไปยังแดนประหลาด…ของเขตดาราวงแหวนบูรพา!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version