Skip to content

สู่วิถีอสุรา 815

ตอนที่ 815 เข้าสู่แดนประหลาด

ดาวอินมาเยือนมากกว่าครึ่ง กระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์หลายร้อยเล่มรายล้อมรอบฟ้ากระจ่างดาว บนดาวแท้จริงมีสายรุ้งยาวลากผ่านปกคลุมอย่างหนาแน่น ครั้งนี้ฐานที่มั่นของโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตส่งผู้รักษาการณ์ทั้งหมดมา อีกทั้งยังเชิญผู้ฝึกฌานระดับภัยพิบัติจันทรามาอีกสองคน เห็นได้ชัดว่าความมุ่งมั่นในการสังหารโม่ซูบรรลุถึงระดับรุนแรงยิ่งแล้ว

“อีกสิบลมหายใจดาวอินจะมาเยือนทั้งหมด สิบลมหายใจจากนี้ เจ้าจะใช้การเคลื่อนย้ายไม่ได้เช่นกัน!” กลางฟ้ากระจ่างดาว บนกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์ใหญ่ยักษ์ เต้าเหรินที่มีตราสัญลักษณ์เปลวเพลิงตรงหว่างคิ้วยืนอยู่ปลายกระบี่ ทั่วร่างแผ่ไอความร้อนไร้รูป สายตาจ้องดาวที่อยู่ไม่ไกล

“ต่อให้ตอนนี้เจ้าใช้วิชาเคลื่อนย้ายก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ ไม่ว่าเจ้าจะเคลื่อนย้ายไปที่ใด พวกข้าจะตามไปได้ในพริบตา” เต้าเหรินยิ้มเยาะ

ผืนฟ้าถูกแช่แข็ง เสียงกึกๆ ดังลุกลามไป บนดาวแท้จริงดวงนี้ เมื่อซูหมิงกล่าวอย่างเรียบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดขาดแล้ว ชื่อหั่วโหวก็กัดฟัน ไม่เอ่ยอันใดอีก แต่เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ระลอกคลื่นทั่วร่างขยายออกเป็นวงกว้าง

ระลอกคลื่นนี้ขยายไปรอบๆ ห่อหุ้มซูหมิงกับกระเรียนขนร่วงไว้ วินาทีที่สายรุ้งยาวนับไม่ถ้วนบนฟ้าเข้ามาใกล้ มวลอากาศรอบๆ ก็เกิดเสียงระเบิดอย่างรุนแรง

ทันทีที่เสียงครึกโครมดังสนั่น ชั่วขณะก่อนที่ดาวอินจะมาเยือนและสร้างปราการคลุมฟ้าอย่างหนาแน่น ร่างเงาชื่อหั่วโหวหายวับไป รวมถึงซูหมิงกับกระเรียนขนร่วงก็หลอมรวมเข้าไปในระลอกคลื่นและเคลื่อนย้ายไปในพริบตา

การที่ซูหมิงหายไปไม่ได้ทำให้ผู้รักษาการณ์จากบนฟ้าเหล่านั้นหน้าเปลี่ยนสีหรืออะไร ราวกับว่าพวกเขาคาดการณ์ถึงตรงนี้ไว้ก่อนแล้ว แทบเป็นช่วงที่ซูหมิงเคลื่อนย้ายในพริบตา ดาวอินก็ลงมาเยือนอย่างสมบูรณ์ แสงสว่างกวาดไปรอบๆ ผู้รักษาการณ์กับกระบี่โบราณทั้งหมดล้วนหายไปในชั่วพริบตา

ทั้งในและนอกดาวแท้จริงดวงนี้ ตอนนี้ไม่มีรักษาการณ์คนใดอยู่อีก เหมือนทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นภาพลวงตา

เขตดาราวงแหวนบูรพามีสถานที่พิเศษที่หนึ่ง ที่นี่มีรอยแยกอากาศมากเหลือคณานับ ในรอยแยกเหล่านี้มีลมหนาวเย็นพัดออกมาตลอดปี สายลมส่งเสียงครืนๆ เนื่องด้วยรอยแยกไม่เยอะ สายลมที่นี่จึงวนเวียนไปมา ทำให้การมองเห็นเลือนราง

สายลมที่นี่ไม่แรงนัก กระทั่งผู้ฝึกฌานระดับดินคนหนึ่ง ขอเพียงระวังเล็กน้อยก็จะปลอดภัยในสายลม ทว่าพื้นที่ที่เหมือนไม่มีอันตรายนี้ ผู้ฝึกฌานทั้งเขตดาราวงแหวนบูรพาหรือกระทั่งทั้งแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต กลับมีคนกล้าบุกเข้าไปยังหนึ่งในแดนประหลาดน้อยมาก!

เขตดาราวงแหวนบูรพา แดนประหลาด!

สายลมที่นี่ไม่มีอันตราย เพราะเป็นเพียงทางเข้าเท่านั้น ทางเข้าแดนประหลาดทั้งหมดไม่มีอันตรายมากนัก แต่หากเข้าไปในรอยแยกหนึ่งในรอยแยกนับไม่ถ้วนนี้ อันตรายก็จะมาเยือน

รอยแยกเหล่านี้ล้วนมีพลังการเคลื่อนย้าย ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดเข้าไปจะถูกส่งไปยังแดนประหลาดในพริบตา อันตรายจริงๆ ก็คือฝันร้ายหลังเข้าไปแล้วต่างหาก

ยามนี้นอกพื้นที่แห่งนี้ ฟ้ากระจ่างดาวเกิดระลอกคลื่นขยายออกอย่างรุนแรง ร่างซูหมิงรวมตัวออกมา มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น ไม่มีกระเรียนขนร่วง ไม่มีชื่อหั่วโหว

ซูหมิงเก็บกระเรียนขนร่วงไปแล้ว ส่วนชื่อหั่วโหว…ระหว่างเคลื่อนย้ายพริบตา เขาใช้พลังจนหมดแล้ว จึงเข้าสู่การหลับใหล ถึงอย่างไรการเคลื่อนย้ายครั้งนี้ก็ไม่เหมือนครั้งก่อน เพราะเคลื่อนย้ายภายใต้การระบุเป้าจากดวงตาแห่งภัยพิบัติตะวัน จึงสูญเสียพลังมากเกินไป

ชื่อหั่วโหวที่หลับใหลกลายเป็นภาพสัญลักษณ์ประทับอยู่บนแขนขวา มีเสี้ยวพลังชีวิตอยู่ในความจืดจางต้องใช้เวลาฟื้นตัวสักระยะถึงจะฟื้นกลับมา

ซูหมิงเพิ่งปรากฏตัวก็มุ่งหน้าไปยังแดนประหลาดอย่างไม่ลังเล ร่างเงาเป็นดั่งสายรุ้งห้อเหยียดเข้าไป ช่วงที่เดินหน้า ฟ้ากระจ่างดาวบริเวณนอกแดนประหลาดรอบๆ จุดที่เขาปรากฏตัวก็เกิดเสียงระเบิดรุนแรง

เสียงครึกโครมก้องกังวาน กลางฟ้าปรากฏเค้าร่างยักษ์อันหนึ่ง รูปร่างเหมือนบันไดบิดเบี้ยว นี่ก็คือดาวอิน! หลังระบุตำแหน่งแล้ว ไม่ว่าเขาอยู่ที่ใด มันก็จะเคลื่อนย้ายตามมาทันที

ขณะเดียวกับที่ดาวอินปรากฏ ก็มีกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์ยักษ์จำนวนมากโผล่มากลางฟ้านอกแดนประหลาด รวมมีหลายร้อยเล่ม ขณะเดียวกันยังมีสายรุ้งยาวนับไม่ถ้วนโผล่ตามมาด้วย

“แดนประหลาด! ที่นี่มัน…แดนประหลาดวงแหวนบูรพา!”

“บัดซบ ไม่อยากเชื่อว่าจะเคลื่อนย้ายมาที่นี่ มันคิดจะทำอะไร รู้ทั้งรู้ว่าต้องตาย เลยจะเข้าไปในแดนประหลาดเพื่อยื้อชีวิตอย่างนั้นรึ”

“แดนประหลาด!” พร้อมกับที่กระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์จำนวนมากปรากฏ ผู้รักษาการณ์นับไม่ถ้วนข้างบนต่างยืนขึ้นพร้อมกัน ช่วงที่จะก้าวออกจากกระบี่ใหญ่ พวกเขาก็เห็นรอบๆ อย่างชัดเจน และยังเห็นร่างซูหมิงกำลังบินออกไปไกล

เจ๋อหรงเซินอยู่ในกลุ่มคน กำลังจ้องซูหมิงข้างหน้า นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ หลีหั่วข้างๆ ก็มีแววตาซับซ้อน

จีอวิ๋นไห่หรี่ตาลง การเรียกหาจากความรู้สึกรุนแรงขึ้นถึงขีดสุด ทำให้เขาแทบจะคุมตัวเองไม่อยู่และพุ่งออกไปให้ได้

ฟ้ากระจ่างดาวเกิดระลอกคลื่นตามการปรากฏของผู้รักษาการณ์หยินศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นขยายออกเป็นวงกว้างอย่างรุนแรง และยังมีดวงตะวันสีดำดวงหนึ่งโผล่มากลางฟ้า ด้านบนมีดวงตาข้างหนึ่งขยับประกายเพ่งมองซูหมิง

ซูหมิงหยุดชะงัก พลันหมุนตัวกลับมามองกระบี่โบราณหลายร้อยเล่ม มองดาวอินที่ใหญ่ยักษ์ยิ่งกว่าเดิม และยังมีผู้ฝึกฌานรักษาการณ์จำนวนมาก เขาในตอนนี้เข้ามาอยู่กลางสายลมของที่นี่แล้ว กระทั่งห่างไปไม่ถึงสามจั้งเป็นรอยแยกอากาศ

แรงลมที่นี่ไม่ได้ดูดแรงมากนัก เขาจึงรู้ชัดว่ารอยแยกเหล่านี้คือทางเข้าแดนประหลาด

ในที่สุดเขาก็เห็นสามคนที่ยืนอยู่บนกระบี่ยักษ์สามเล่มตรงหน้าสุด เห็นเด็กชายกับผู้แข็งแกร่งอีกคนที่ไม่มีระลอกคลื่นพลัง แต่กลับทำให้เขาเจ็บปวดดวงตาทั้งสองข้าง

สองคนนี้แผ่แรงกดดันไร้รูปออกมา และซูหมิงเคยเจอมาก่อน

ตอนอยู่แดนมรณะหยิน วิญญาณสามดวงที่ผนึกในร่างกายเขาก็บรรลุถึงขั้นพลังนี้ นี่คือ…ความน่ากลัวของระดับภัยพิบัติจันทรา พวกเขาสองคนยืนอยู่ตรงนั้น ฟ้ากระจ่างดาวรอบๆ เหมือนจะหยุดวงโคจร นี่คือความแกร่งที่สร้างความตื่นตกใจกับเขา

นอกจากสองคนนี้แล้วยังมีชายหนุ่มบนกระบี่ยักษ์ตรงกลางที่ระหว่างคิ้วมีสัญลักษณ์เปลวเพลิง สายตาที่ชายหนุ่มคนนี้มองมามีจิตสังหารเด่นชัด ซูหมิงเพียงสบตากับเขาแวบเดียว ทั่วร่างก็เกิดความร้อนไม่มีที่สิ้นสุด

สามคนนี้นำหน้า ผู้รักษาการณ์รอบๆ มีมากกว่าหลายหมื่นคน เห็นคนเหล่านี้เคลื่อนพลมาจะสังหารตน ซูหมิงจึงเผยยิ้ม รอยยิ้มค่อยๆ กว้างขึ้น จนสุดท้ายก็หัวเราะเสียงดัง

เขากำลังหัวเราะ เพราะเห็นว่าผู้รักษาการณ์พวกนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามายังพื้นที่ทางเข้าที่ไม่มีอันตราย แต่มีเพียงสายลม และเพราะเห็นว่าผู้แข็งแกร่งสองคนที่ทำให้เขาใจสั่นไหวถึงขั้นพลังแข็งค้างกำลังขมวดคิ้วแน่น รวมถึงชายหนุ่มที่มีสัญลักษณ์เปลวเพลิงตรงระหว่างคิ้วด้วย

เพราะเขายังรู้สึกอีกว่า ทุกคนรวมถึงสามคนนี้ไม่เพียงไม่กล้าเข้ามาที่นี่เท่านั้น กระทั่งระลอกคลื่นพลังยังไม่เข้ามาใกล้พื้นที่แดนประหลาด ได้แต่วนเวียนอยู่รอบๆ

เขาเห็นเจ๋อหรงเซินกับหลีหั่วมีสีหน้าซับซ้อน ยังมีจีอวิ๋นไห่ที่จ้องตนเขม็งอยู่ข้างๆ

ภาพเหล่านี้ทำให้เขารู้ว่าตนเดิมพันถูกที่เคลื่อนย้ายมาแดนประหลาด นี่คือการเดิมพัน และเขาต้องเดิมพันมัน บนดาวแท้จริงเมื่อครู่นี้ ต่อให้ซ่อนตัวในมิติเศษหินไป แต่กายเนื้อเขาจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน ชื่อหั่วโหวก็ต้องตาย ส่วนกระเรียนขนร่วง ต่อให้มันมีความลับมากกว่านี้อีกก็ยากจะหนีรอดจากเคราะห์ภัยไปได้

สหายข้างกายยอมจ่ายเช่นนี้เพียงเพื่อตนคนเดียว ต่อให้เขาไร้ความรู้สึกแล้ว ก็ยังทำได้ไม่ถึงขั้นนั้น อีกอย่างถึงจะซ่อนวิญญาณก็ยากจะหนีรอด และต้องมีจุดจบที่ถูกผนึก เกรงว่าชีวิตนี้คงยากจะออกมาจากมิติเศษหินแล้ว หากออกมาก็ยังต้องตายอยู่ดี

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็ขอเดิมพันไปยังแดนประหลาดที่ผู้คนหน้าเปลี่ยนสีเวลาคุยถึงมัน ไปเดิมพันชีวิตดู นี่คือการเลือกของเขา

ขณะซูหมิงหัวเราะเสียงดัง ผู้รักษาการณ์นอกแดนประหลาดทั้งหมดล้วนเงียบงัน

“คนโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ในสี่มหาโลกแท้จริง การล่าสังหารครั้งนี้ แซ่โม่เห็นหน้าพวกเจ้าทุกคนแล้ว…หากแซ่โม่รอดจากแดนประหลาด สักวันหนึ่ง…..ข้าจะกลับมาแก้แค้น!” เสียงหัวเราะซูหมิงแฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบไม่มีสิ้นสุด เขาถอยหลังไปหลายก้าวจนมายืนอยู่ตรงขอบรอยแยก

“หากพวกเจ้ากล้าพอก็ตามข้าเข้าไปในแดนประหลาด ไปล่าสังหารแซ่โม่ต่อ” นัยน์ตาซูหมิงเผยจิตสังหาร เขาจำใบหน้าทุกคนเอาไว้แล้ว โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งที่สุดสามคนนั้น วินาทีที่เอ่ยประโยคนี้ เขาก็ถอยหลังอีกหนึ่งก้าวเข้าไปอยู่กลางรอยแยกเต็มตัว

“เข้าไปในแดนประหลาดก็เหมือนลงยมโลก อย่าว่าแต่เจ้าเลย ต่อให้เป็นระดับภัยพิบัติตะวันก็แทบไม่มีใครมีชีวิตรอด…ในเมื่อเจ้าไม่ยอมตายด้วยมือพวกข้า เช่นนั้นก็เข้าไปในแดนประหลาดเพื่อจบชีวิตตัวเองเสีย” คนที่กล่าวคือเต้าเหริน เขาจ้องซูหมิงพลางเอ่ยเสียงราบเรียบ

พอซูหมิงได้ยินดังนั้น เขาไม่กล่าวตอบอะไร แต่ก่อนที่ร่างจะถูกเคลื่อนย้ายไป เขามองเต้าเหรินอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง ทำให้ฝ่ายตรงข้ามใจสั่นไหว

เขาเห็นว่าในแววตาซูหมิงมีความยึดมั่นและแน่วแน่ที่เขาไม่เคยเห็นจากใครมาก่อน สายตานี้บ่งบอกเป็นคำพูดหนึ่งที่ซูหมิงไม่ได้เอื้อนเอ่ย

‘ข้า…จะต้องกลับมาแน่!’

ซูหมิงพลันหายวับไป หลังจากรอยแยกนั้นกลืนกินซูหมิงดุงดั่งปากใหญ่แล้ว ก็เหมือนมันกำลังหัวเราะเยาะทุกคน เหมือนกำลังรอให้มีคนเข้ามาต่อ

กาลเวลาผ่านไป เต้าเหรินกำหมัด นัยน์ตาเป็นประกายเย็นชา

“เข้าไปในแดนประหลาดแล้ว เจ้าคนนี้ต้องตายแน่ ไม่ต้องประกาศจับต่อแล้ว”

“มันไม่มีทางรอดออกมาแน่”

“รางวัลครั้งนี้ไม่มีใครได้ไป แต่ในที่สุดก็แก้ไขเรื่องนี้ได้แล้ว รายงานไปให้ฐานทัพใหญ่ด้วย” ฟ้ากระจ่างดาวเกิดระลอกคลื่นกระจายออก กระบี่ใหญ่ยักษ์หลายร้อยเล่มรวมถึงผู้รักษาการณ์นับไม่ถ้วนต่างปลงอนิจจังและเงียบงัน ก่อนค่อยๆ หายไปตามดาวอิน

จนกระทั่งทุกอย่างหายไปหมดแล้ว ผู้รักษาการณ์ที่จากไปเหล่านั้น มีไม่น้อยที่จดจำสายตาของซูหมิงก่อนจากไปได้ สายตานั้นวนในความคิดพวกเขาตลอด คงอยู่เนิ่นนานไม่จางหาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version