Skip to content

สู่วิถีอสุรา 825

ตอนที่ 825 เก้าหมื่นเก้าพันจั้ง

สี่มหาโลกแท้จริง โลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก

มีผืนฟ้ากระจ่างดาวกว้างใหญ่อย่างยิ่งอยู่ ฟ้านี้รวมขึ้นจากน้ำวนใหญ่ยักษ์เก้าแห่ง วนเวียนอยู่รอบๆ ทำให้ที่นี่กลายเป็นแดนอันตราย หากคนนอกเข้ามาโดยไม่มีตราคำสั่งก็ยากจะมีชีวิตรอดกลับไป

ตรงส่วนลึกฟ้ากระจ่างดาว ภายในใจกลางน้ำวน มีแผ่นดินที่บริเวณชายแดนถูกสายฟ้าสีดำปกคลุมอยู่ แผ่นดินผืนนี้ไม่ใหญ่ มีขนาดเพียงหลายสิบล้านลี้

ทว่าในระยะสิบล้านลี้กลับมีไม้ดอกเติบโตเต็มไปหมด พลังวิญญาณเข้มข้นอบอวลไปรอบๆ กลิ่นอายพลังแทบจะสมจริง หลังจากวนเวียนรอบๆ ตามกฎเกณฑ์บางอย่างแล้วก็พุ่งไปยังใจกลางแผ่นดินนี้

ตรงนั้นมีฐานราบสูงตระหง่านอยู่แห่งหนึ่ง บนฐานราบมีชายชรานั่งขัดสมาธิอยู่เก้าคน พวกเขาล้อมเป็นวงกลม ภายในวงนั้นมีเด็กสาวนอนนิ่งๆ อยู่คนหนึ่ง

เด็กสาวสวมอาภรณ์ยาวสีม่วง หลับตาราวกับหลับใหล

นางคือ อวี่เซวียน

นางแน่นิ่งไม่ขยับ ใบหน้าขาวซีดราวกับสิ้นใจไปแล้ว

………..

ณ แดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ซากรกร้างแห่งคนบาป แดนประหลาดในเขตดาราวงแหวนบูรพา

แผ่นหินแสนจั้งตั้งตระหง่านอยู่รอบๆ มีขนาดสูงต่ำต่างกัน ร่างเงาซูหมิงปรากฏอยู่ตรงหน้าแผ่นหินของเขา เมื่อร่างกายชัดเจนขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว แผ่นหินตรงหน้าก็เกิดเสียงครึกโครม ก่อนค่อยๆ เพิ่มจากหมื่นจั้งเป็นสองหมื่นจั้ง จากนั้นแสงสว่างจากตัวมันก็หายไป

“ยินดีด้วย ในเวลาสั้นๆ แผ่นหินเจ้าสูงถึงขนาดนี้แล้ว”

มีเสียงเรียบนิ่งแว่วมาข้างหูซูหมิง

นั่นคือโจวคัง เห็นได้ชัดว่าเพิ่งออกมาจากแผ่นหินไม่นานเช่นกัน ทว่าแผ่นหินของเขากลายเป็นหมื่นจั้งแล้ว ต่างกับก่อนหน้านี้มากนัก แต่สีหน้าเขากลับเรียบนิ่งดังปกติ

ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูหมิงก็ละสายตาจากแผ่นหินของตน เขาสัมผัสถึงขั้นพลังของตัวเองอยู่สักครู่ แล้วมองไปรอบๆ อย่างเงียบๆ ช่วงที่เขามองไป ใต้แผ่นหินหนึ่งแสนอัน ตอนนี้มีคนอยู่มากกว่าหลายสิบคน ส่วนใหญ่ต่างนั่งฌานอยู่ในที่ของตัวเองด้วยสีหน้าเย็นชา ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครรบกวนกัน

จนกระทั่งซูหมิงมองโจวคัง เขาเห็นแผ่นหินของโจวคังหดเตี้ยลง จึงอดเพ่งสายตามองมิได้ เขาจำได้ว่าตอนที่เดินออกมาจากแผ่นหินครั้งแรกก็เคยกวาดสายตามองไป และเห็นว่าแผ่นหินของโจวคังสูงเจ็ดหมื่นจั้งกว่าแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นเขาตกอยู่ห้วงความทรงจำเกี่ยวกับมารดา จึงไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงรอบตัวมากนัก

“ข้าทะลวงความสูงแสนจั้งล้มเหลว แผ่นหินเลยลดลงเหลือหมื่นจั้ง” โจวคังกล่าวเสียงเบา สายตามองซูหมิง

“ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเร็วเช่นนี้ ดูท่าการคาดเดาของเยวี่ยเอ๋อร์คงไม่ผิด ห้าระดับแห่งมายาคือวิธีการฝึกฝนที่เหมาะกับที่นี่มากที่สุด แน่นอนว่าต้องเกี่ยวข้องกับสติปัญญาการตระหนักรู้ของเจ้าอย่างมากด้วย จุดนี้ควรจะมี ไม่อย่างนั้นเหตุใดพรสวรรค์การฝึกฝนของข้าถึงสู้เยวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้ แต่เพียงแค่ตระหนักรู้ลุ่มลึก ข้ากลับมีชีวิตรอด ส่วนนางจากไป” นัยน์ตาโจวคังฉายแววเศร้าโศก กล่าวพึมพำเบาๆ

“ทะลวงแผ่นหินแสนจั้งจะทำให้แผ่นหินลดลงรึ?” ซูหมิงถามเสียงเบา

“เจ้าน่าจะสังเกตเห็นข้อดีหลังจากเจ้าเข้าไปในโลกแผ่นหินแล้ว โลกทั้งหมดจะสร้างออกมาตามความทรงจำเจ้า ฉะนั้นการตระหนักรู้เข้าใจจะสะดวกยิ่งขึ้น และก็ลึกซึ้งขึ้นด้วย

ดังนั้นขั้นพลังจึงเพิ่มขึ้นเมื่ออยู่ในโลกแผ่นหิน ขอเพียงไม่กลัวถูกลบหายไป คนจำนวนมากจะเลือกไม่ทะลวงความสูงแสนจั้ง แต่จะฝึกฝนอยู่ในโลกแผ่นหินให้การตระหนักรู้ของตนลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทว่า ต่อให้ไม่เป็นแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธี เพราะการจะทำให้แผ่นหินสูงถึงเก้าหมื่นจั้งไม่ได้ยากมาก ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ คนที่ทำให้แผ่นหินสูงถึงเก้าหมื่นจั้งมากมายกลาดเกลื่อน

แต่ความสูงเก้าหมื่นถึงหนึ่งแสนคือคอขวด ไม่ว่าใครก็เป็นเช่นนี้ หากอยากจะข้ามผ่าน…ยาก ยากมาก รวมครั้งก่อนหน้านี้ด้วย ข้าเจอคอขวดนี้มาทั้งหมดสี่ครั้งแล้ว สามครั้งก่อนข้าไม่ได้ทะลวงไปแต่สละสิทธิ์ เพราะข้ากำลังรอภรรยาอยู่

พอนางไปแล้วข้าเลยลองทะลวงดู แต่ก็ล้มเหลว” โจวคังมองซูหมิง น้ำเสียงราบเรียบ

“ล้มเหลวก็ต้องเริ่มใหม่เหมือนกับวัฏจักร วนเวียนไปเรื่อยๆ…ผู้ที่ทะลวงผ่านคอขวดนี้น้อยมาก น้อยมากๆ…” โจวคังหลับตาลง

ซูหมิงเงียบงัน สายตามองแผ่นหินสองหมื่นจั้งตรงหน้า ก่อนหน้านี้ในใจเขามีความสงสัยมาตลอด ตอนนี้ได้รับคำตอบแล้ว หลังออกจากแผ่นหินครั้งแรกก็เห็นแผ่นหินสูงขึ้นถึงหมื่นจั้ง เขาจึงสงสัยว่าการรับสืบทอดต้นกำเนิดจิตเหมือนจะ…ไม่ได้ยากอะไร

ทว่าเหตุใดถึงยังมีคนล้มเหลวมากขนาดนี้ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะทะลวงผ่านความสูงแสนจั้ง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว

“เร็วๆ นี้น่าจะมีคนมาอีกไม่น้อย เจ้า…หากไปได้ถึงแสนจั้งเร็วๆ ก็จงรีบไปเถอะ” ซูหมิงมองโจวคังหลับตาพลางกล่าวเสียงต่ำ

โจวคังไม่ตอบ เขายังคงหลับตา

โดยรอบมีแสงสว่างวูบวาบเป็นบางครั้ง มีคนเข้าไปในโลกแผ่นหินและก็มีคนออกมา ซูหมิงสังเกตเห็นว่าแผ่นหินของชายชราที่โจวคังกับเขาวางแผนสังหารไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้มีอีกคนเข้ามาแทนแล้ว มีความสูงหมื่นกว่าจั้ง

หลายวันต่อมา หลังจากโจวคังเข้าไปในโลกแผ่นหิน ซูหมิงก็เลือกเข้าไปด้วยเช่นกัน

เวลาผ่านไป ซูหมิงอยู่ในโลกแผ่นหิน กลับไปตอนเป็นเทพหมาน กลับไปตอนอยู่ภูเขาทมิฬ กลับไปตอนสงครามหมานกับเชมัน กลับไปตอนเพิ่งเข้าสำนักเหมันต์สวรรค์

ภายใต้ประสบการณ์หลายครั้ง ตระหนักรู้หลายครั้ง และสังหารหลายต่อหลายครั้ง อักขระในดวงตาขวาเขาซ้อนทับกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ดวงตาขวาประหนึ่งแฝงไว้ด้วยท้องนภา มีพลังที่เขาเองยังรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง

พลังงนี้ไม่ได้มาจากการตระหนักรู้ แต่เป็นห้าระดับแห่งมายา หลังจากใช้ดวงตาเข้าไปในแผ่นหินก็ได้รับมาเอง

ซูหมิงอยู่ที่นี่มาหกสิบปีโดยไม่รู้ตัว ในหกสิบปีนี้มีคนเข้ามาที่นี่สามหมื่นคน หลังจากเข้ามาในโลกนี้แล้วก็กลายเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงรับต้นกำเนิดจิต

ในสามหมื่นคนมีบุรุษและสตรี แทบทุกคนล้วนมาเพื่อล่าสังหารซูหมิง พอเห็นซูหมิงแล้วก็มีบางคนเลือกลงมือ แต่พอมีคนตายหลายครั้งเข้า คนที่เหลือก็ตระหนักได้ว่าที่นี่มีดวงจิตอยู่ แม้จะจำใจแต่ก็ต้องละทิ้งความคิดล่าสังหารไป

แม้จะมีคนใหม่เข้ามาทำแบบนี้เป็นบางครั้ง ทว่าซูหมิงกลับไม่สนใจ กระทั่งยังไม่หลบ ขอเพียงอภินิหารวิชาโดนตัวเขา อีกฝ่ายจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

ไม่นาน กระทั่งพวกคนเก่าบางคนที่นี่ก็สังเกตเห็นความต่างของซูหมิง พวกเขาเองมีความสุขที่เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถึงอย่างไรหากมีคนตายหนึ่งคนก็เท่ากับว่ามีแผ่นหินว่างหนึ่งที่ เช่นนั้นตอนมีคนใหม่เข้ามาก็จะเลือกแผ่นหินเหล่านี้ก่อน แน่นอนว่าจะเป็นการลดการเลือกมรณะลงไปหนึ่งครั้ง

การมาของสามหมื่นคนบ่งบอกว่ามีคนตายสอดคล้องกัน แผ่นหินโดยรอบค่อยๆ ถูกชื่อคนใหม่เข้ามาแทนที่ บ้างก็เกิดการตาย ทำให้ทุกคนที่นี่รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

มีคนเข้าบุกทะลวงคอขวดความสูงแสนจั้งไม่หยุดหย่อน ทว่าในหกสิบปีมานี้กลับไม่มีใครทำสำเร็จ

เมื่อยังคงมีคนเข้ามาจากโลกภายนอก กระทั่งซูหมิงยังรู้สึกถึงภยันตรายแห่งความตายรุนแรงหลายครั้ง สุดท้ายถึงภยันตรายนี้จะหายไป แต่พอรู้สึกหลายครั้งเข้าเขาก็กดดันเช่นกัน

หลังจากแผ่นหินของเขาสูงหกหมื่นจั้งแล้วก็ยากขึ้น กระทั่งต้องเข้าไปในโลกแผ่นหินหลายสิบครั้งกว่าจะเพิ่มไปเพียงหลายพันจั้ง

หลังผ่านมาหกสิบปี ในที่สุดซูหมิงก็ทำให้แผ่นหินสูงถึงเก้าหมื่นเก้าพันจั้งได้ ในเวลาเดียวกัน แผ่นหินของโจวคังสูงเก้าหมื่นแปดพันจั้ง

นี่เป็นครั้งที่สองของโจวคังในรอบหกสิบปีที่มีความสูงเช่นนี้ และเป็นครั้งที่หกในชีวิตเขาแล้ว

“ข้ากับเจ้ารู้จักกันมาหกสิบปี หกสิบปีนี้สั้นยิ่งนักสำหรับตลอดชีวิตข้า แต่สำหรับคนธรรมดา บางทีหกสิบปีอาจเป็นชั่วชีวิต

วันนี้แผ่นหินของเจ้าสูงถึงขนาดนี้แล้ว น่าเสียดายที่ข้าอธิบายประสบการณ์ในคอขวดแสนจั้งไม่ได้ นี่คือกฎข้อจำกัดของที่นี่ ทำได้เพียง…ขออวยพรให้เจ้าสำเร็จ!” โจวคังมองซูหมิง เมื่อสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วก็ยกมือขวากดบนแผ่นหินแล้วหายตัวไป

ซูหมิงมองแผ่นหินเก้าหมื่นเก้าพันจั้งตรงหน้า ในเวลาหกสิบปีนี้เขาแทบจะเห็นผู้คนมากกว่าครึ่งของที่นี่ ใบหน้าเฉยชาเหล่านั้นกับแววตาบึ้งตึงซึ่งขยับวูบวาบเป็นบางครั้ง นั่นคือสีหน้าที่อยากให้อีกฝ่ายถูกคนใหม่เข้ามาแทนที่เร็วๆ เพราะจะทำให้อัตราการตายของตนลดน้อยลง และสีหน้าแบบนี้ยังแฝงไว้ด้วยความเหี้ยมโหดของที่นี่อีก

นอกจากนี้ยังมีคนที่แผ่นหินถึงแสนจั้งอีกพันคน ในหกสิบปีนี้มีบางคนกลับมาจากโลกภายนอก เห็นได้ชัดว่าใกล้จะถึงเวลาครบพันปีแล้ว จะต้องมารับต้นกำเนิดจิตต่อ

ซูหมิงส่ายศีรษะ ก่อนนั่งขัดสมาธิลง สายตามองแผ่นหิน เขาเห็นว่ารอบๆ มีหลายคนพิจารณามองตน เขาคุ้นชินกับสายตาแบบนี้แล้ว ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกับคนอื่น เขาก็เลือกห้าระดับแห่งมายาซึ่งต่างออกไป แน่นอนว่าต้องเป็นที่สนใจอยู่แล้ว บวกกับในหกสิบปีนี้ คนที่เข้ามาใหม่มีบางคนลงมือกับตน จะไม่ให้เป็นที่สนใจคงเป็นไปไม่ได้

ครู่ต่อมาแผ่นหินตรงหน้าซูหมิงเกิดน้ำวนขึ้น น้ำวนหมุนโคจร ร่างเขาเลือนรางอย่างรวดเร็วจนกระทั่งหายไป

ช่วงที่ภาพตรงหน้าชัดเจนอีกครั้ง เขาแผ่ขยายจิตสัมผัสไปรอบๆ ทันที ที่นี่เป็นฟ้ากระจ่างดาว ตรงหน้ามีดาวแท้จริงดวงหนึ่งที่ไม่ถือว่าไกลนัก มันมีสีทอง ส่องแสงสว่างแพรวพราว

“อยากจะรับต้นกำเนิดจิตของข้า หากจะให้แผ่นหินสูงถึงแสนจั้งเจ้าต้องรับการทดสอบนี้ หากสำเร็จ…เจ้าจะได้รับพลังต้นกำเนิดจิตส่วนหนึ่งของข้าไป

หากล้มเหลว ทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

ดาวแท้จริงตรงหน้าคือบ้านเกิดของข้า ที่นั่นมีต้นกำเนิดจิตข้าอยู่ จะได้รับหรือไม่…ต้องดูที่โชควาสนาของเจ้า!” ในความคิดซูหมิงดังกังวานด้วยเสียงแก่ชราของซุ่ยเฉินจื่อเมื่อหกสิบปีก่อน

“เจ้าใช้ได้ทุกวิธี ขอเพียง….ได้รับต้นกำเนิดจิตมา!” ครั้นเสียงชราของซุ่ยเฉินจื่อค่อยๆ หายไป ซูหมิงเงยหน้าขึ้นดวงตาวาววับ โดยเฉพาะเงาซ้อนทับของอักขระในดวงตาขวาที่เรียบง่ายแต่มีพลัง มองไปดูแปลกอย่างยิ่ง เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว กลายเป็นดาวตกพุ่งไปยังดาวตรงหน้า ก่อนจะไปถึงในพริบตา

ซูหมิงรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ พริบตาเดียวก็ลากผ่านฟ้ากระจ่างดาวเข้ามาใกล้ดาวแท้จริงที่เปล่งแสงสีทอง พอเข้ามาใกล้ มีแรงกดดันแก่กล้าปล่อยมาจากดาวแท้จริง ทำให้แสงทองนอกดาวเหมือนเป็นทะเลสีทอง ความเร็วเขาจึงลดน้อยลงในพริบตา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version