Skip to content

สู่วิถีอสุรา 83

ตอนที่ 83 การเปลี่ยนแปลงของเขาร่องลม

ซูหมิงชูมือขวาขึ้น แสงสีแดงวูบผ่าน พลันปรากฏหอกเกล็ดโลหิตในมือของเขา หอกยาวเป็นสีแดงโลหิตทุกส่วนราวกับอาบด้วยเลือดจำนวนมากก็มิปาน มันขับแรงปะทุขึ้นอย่างเด่นชัด อีกทั้งตัวซูหมิงยังระเบิดกลิ่นอายพลังเหมือนตอนปีนเขาร่องลมก่อนหน้านี้ เขาไม่กล่าว เพียงแต่มองเยี่ยวั่งด้วยความเย็นชา

“เจ้า…” เยี่ยวั่งหรี่ตาลง เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงกลิ่นอายพลังที่เขาคุ้นเคยยิ่งนัก เขาไม่มีทางลืมเด็ดขาด เงาเด็กหนุ่มผอมบางตรงหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอีกคน กลายเป็นคนที่ทำให้เขาเคยหายใจกระชั้นถี่ และคิดว่าเป็นเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา!

“เจ้าคือโม่ซู!” เยี่ยวั่งไม่ใช่คนธรรมดา ทันทีที่ได้รับคำสั่งจากจ้าวหมานให้มาเฝ้าตรงจุดนี้ เขาก็แทบจะเข้าใจคำสั่งได้ในทันที

“เผ่าเขาทมิฬตกอยู่ในอันตราย ข้าต้องกลับไป หากเจ้าขวางข้า ก็ถือเป็นศัตรูกับข้าซูหมิง!” ซูหมิงมองเยี่ยวั่งแวบหนึ่ง ก่อนหมุนตัวพุ่งทะยานออกไป เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าใครก็ขวางไม่ได้!

เห็นซูหมิงห้อเหยียดไกลห่าง นัยน์ตาเยี่ยวั่งฉายประกายลังเลใจ ยามนี้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นในเมืองหินโคลน ทำให้เขาวิตกกังวลเช่นเดียวกัน ทว่าความกังวลและลังเลใจเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ก่อนมลายหาย แล้วแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นในการต่อสู้!

หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น เขาเยี่ยวั่งจะไม่กระหายในการต่อสู้เช่นนี้ ในความคิดของเขา ในรุ่นเดียวกันไม่มีผู้ใดมีคุณสมบัตินั้น ทว่าหลังจากงานประลองในด่านแรก ความรู้สึกของเยี่ยวั่งเปลี่ยนไป มีเพียงผู้เดียวที่มีคุณสมบัติเพียงพอ นั่นคือโม่ซู!

ในด่านแรก เยี่ยวั่งเหมือนจะเสมอกับโม่ซู ทว่าเขาทราบดีว่าตนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เขาหมดสติกลับมา ทว่าอีกฝ่ายกลับมายังลานด้วยสภาพปรกติ

เยี่ยวั่งเฝ้ารอจะได้ต่อสู้กับโม่ซูในด่านที่สองและสาม เขาอยากพิสูจน์ว่า ตนต่างหากที่เป็นหมายเลขหนึ่งในรุ่นเดียวกัน แม้เขาจะคาดการณ์เอาไว้แล้วว่า เหตุที่โม่ซูไม่เข้าร่วมงานประลองต่อ นั่นก็เพราะขั้นพลังของอีกฝ่ายไม่สูงมากนัก ทว่าเยี่ยวั่งเป็นคนทะนงตน หากต้องสู้ เขาก็จะไม่ใช้ขั้นพลังคุกคามอีกฝ่าย

“โม่ซู!” เยี่ยวั่งพลันเงยหน้า น้ำเสียงเย็นเยือกกระจายไปไกล เท้าขวาของเขาก้าวไปเบื้องหน้า ทั้งตัวราวกับเป็นลูกศรจากคันธนู พุ่งตรงเข้าหาซูหมิง

“เจ้าไปไม่ได้!” เยี่ยวั่งสวมชุดแดงทั้งตัวประดุจเปลวเพลิง ยามนี้กระโดดลอยอยู่กลางอากาศ แอ่งน้ำจากหิมะละลายบนพื้นส่องสะท้อน คลับคล้ายเป็นเงาคนที่ดูเด่นตามากที่สุดบนโลกใบนี้

ขั้นพลังของเขาทะลวงอยู่ลำดับแปดขั้นรวมโลหิต ทว่ายามนี้กลับถูกเขาจำกัดเอาไว้เหลือเพียงแค่เจ็ด นี่คือความหยิ่งทะนงของเขา เขาคิดว่าหากต้องสู้ ก็ต้องสู้อย่างใสสะอาด แม้จะชนะ ก็ต้องทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ!

เสียงตึกตึกดังมาจากในร่างกายของเยี่ยวั่ง ในช่วงที่เขาจำกัดพลังอยู่ในลำดับเจ็ด เขากับซูหมิงห่างกันไม่ถึงสิบจั้ง เงาของเขาดุจเปลวเพลิง ยามนี้พลันพุ่งมือขวาไปทางซูหมิง ทั้งตัวราวกับระเบิดไฟ ผิวหนังกลายเป็นสีแดง แม้แต่เส้นผมยังแดงฉาน ทะเลเพลิงมหาศาลหลั่งทะลักมาจากในร่างกายของเขา รวมขึ้นเป็นมือเปลวเพลิงใหญ่ พุ่งเข้าใส่ซูหมิง

ซูหมิงพลันชะงักฝีเท้า เกล็ดหิมะโดยรอบใต้ฝ่าเท้าของเขา ยามนี้ละลายกลายเป็นแอ่งน้ำ ก่อนระเหยขึ้นในชั่วพริบตา ความร้อนมาเยือนจากบนฟ้า โอบล้อมซูหมิงเอาไว้ ทันใดนั้น ซูหมิงกระทืบเท้าขวาลง กระโดดขึ้นจากพื้นแล้วหมุนตัว เมื่อมองไกลๆ ฝ่ามือเปลวเพลิงห่างจากซูหมิงไม่ถึงสามจั้ง ดูจากท่าทางแล้วคงอยากจะจับตัวเขาเอาไว้ แล้วแผดเผาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน

“ไฟ?” ซูหมิงลอยอยู่กลางอากาศ มองทะลุฝ่ามือเปลวเพลิง เห็นเยี่ยวั่งกำลังพุ่งทะยานเข้ามา แทบจะเป็นช่วงที่ฝ่ามือเพลิงเข้าถึงตัว ซูหมิงกัดปลายลิ้น พ่นโลหิตมาหนึ่งกอง

โลหิตกองนี้ ไม่ใช่ว่าซูหมิงกำลังสู้สุดชีวิต แต่มันเป็นเงื่อนไขเคล็ดวิชาหมาน หลังจากพ่นออกมาแล้ว เส้นเลือดสองร้อยสี่สิบสามเส้นพลันปรากฏ บิดเบี้ยวแล้วก่อตัวขึ้นเป็นภาพสัญลักษณ์ประหลาด โลหิตที่ถูกพ่นออกมาพลันระเบิดเป็นหมอกโลหิตทันใด!

นี่คือเคล็ดวิชาธุลีโลหิตดำ เปลี่ยนโลหิตสดให้กลายเป็นหมอกธุลี ระเบิดพลังโลหิตแกร่งกล้า

ในช่วงที่หมอกโลหิตพุ่งเข้าใส่ฝ่ามือเปลวเพลิง ภายในกลับอบอวลไปด้วยไฟร้อนแรง!

มองดูแล้ว นี่มันใช่หมอกโลหิตที่ไหนกัน เห็นชัดว่ามันคือหมอกเพลิงสีแดงที่กำลังแผดเผา!

ใช้ไฟสู้กับไฟ!

หลังจากซูหมิงทำเพลิงแผดเผาครั้งที่สาม ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นในร่างกายของเขา ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ โลหิตของเขารู้สึกถึงเปลวเพลิงร้อนแรง!

บนอากาศในยามนี้ หมอกเพลิงแผดเผาและฝ่ามือเปลวเพลิงเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่พวกมันปะทะเข้าใส่กัน เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ฝ่ามือใหญ่แหลกสลายราวกับถูกหมอกเพลิงกลืนกินก็มิปาน ก่อนม้วนตัวกลับไปหาเยี่ยวั่ง

มองดูแล้วเหมือนกับท้องฟ้ากำลังแผดเผา ปรารถนาจะกลืนกินทุกสรรพสิ่ง!

ซูหมิงยังคงเงียบขรึม ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ลำตัวขยับพุ่งเข้าไปกลางหมอกโลหิต ยกมือขวาขึ้น หอกเกล็ดโลหิตในมือเปล่งแสงสีแดงเจิดจ้า ก่อนถูกเขาขว้างออกไป

เสียงหวีดร้องแหลมพลันดังขึ้น หอกโลหิตกลายเป็นสายฟ้าสีแดงพุ่งทะลวงผ่านหมอกเลือด ก่อนเปลี่ยนเป็นนกอินทรีตัวใหญ่สีแดงฉาน พุ่งตรงเข้าใส่เยี่ยวั่งพร้อมกับหมอก

เยี่ยวั่งตื่นตะลึง ดวงตาพลันหรี่ลง เขาไม่คิดเลยว่าโม่ซูจะแข็งแกร่งเช่นนี้ เหมือนดั่งที่อีกฝ่ายกล่าว หากตนจำกัดขั้นพลังเอาไว้ก็ไม่อาจเอาชนะได้!

เยี่ยวั่งถอยหลบในทันที ไม่จำกัดขั้นพลังอีกต่อไป เส้นเลือดสี่ร้อยสามสิบห้าเส้นพลันปรากฏ ก่อนระเบิดพลังที่แท้จริงของตน

ในขณะเดียวกัน เขาปล่อยหมัดขวาไปเบื้องหน้า บนมือขวาของเขาขยับแสงวูบวาบ ปรากฏเป็นถุงมือหนังสัตว์สีดำ ให้ความรู้สึกมืดทะมึน เห็นได้ชัดว่ามันคือศาสตราวุธหมาน!

หนึ่งหมัดปล่อยออกไปส่งเสียงดังก้องกังวาน เบื้องหน้าของเยี่ยวั่งมีลมพายุหมุนสีดำปรากฏขึ้น ซัดสาดทุกสิ่งราวกับพลิกผืนฟ้าดิน ก่อนปะทะเข้าใส่หมอกเพลิงและหอกยาวของซูหมิง เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ซูหมิงถอยหลังไปเจ็ดแปดก้าว ทว่าเยี่ยวั่งก็สั่นสะท้าน ถอยร่นไปสี่ห้าก้าวเช่นเดียวกัน

เยี่ยวั่งไม่หยุดเพียงเท่านี้ เขากระโดดขึ้น พลันทะยานเข้าใส่ซูหมิง ซูหมิงก็พุ่งเข้าใส่เช่นเดียวกัน เขาในยามนี้ใช้ความเร็วสูงสุด ทั้งตัวราวกับกลายเป็นร่างเงา เข้าปะทะกับเยี่ยวั่งอย่างดุเดือด

หากมองไกลๆ จะเห็นได้ว่ารอบตัวเยี่ยวั่งมีซูหมิงอยู่จำนวนมาก ส่งเสียงระเบิดดังโครมครามอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยวั่งมีโลหิตไหลมาจากมุมปาก ถอยไปไกลสิบจั้งก่อนหยุดลง เขาเงยหน้าขึ้นเห็นซูหมิงกระอักโลหิต ถอยไปไกลสิบกว่าจั้งเช่นกัน

‘เป็นความเร็วที่น่าตะลึงมาก…ขั้นพลังต่ำกว่าข้า ทว่าในด้านความเร็ว ข้าโจมตีหนึ่งครั้ง เขากลับโจมตีได้หลายครั้ง…สมกับเป็นคนที่มีคุณสมบัติพอจะต่อสู้กับข้าจริงๆ!’

เยี่ยวั่งตื่นตะลึง ทว่าความกระหายในการต่อสู้กลับเพิ่มมากขึ้น ชูมือซ้ายขึ้นชี้ท้องฟ้า

“โม่ซู ต่อไป ข้าจะเอาจริงแล้ว!” เยี่ยวั่งเพิ่งกล่าวจบ ทว่ายามนั้น กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดขึ้น!

ยามนี้ภายในเมืองหินโคลน ณ แท่นบวงสรวงจ้าวหมานสูงตระหง่าน พลันมีเสียงร้องคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดถึงขีดสุด

“เจ้าชาติชั่ว บังอาจมาทำลายเขาศักดิ์สิทธิ์ของข้า ช่างกล้ายิ่งนัก!”

เสียงนั้นเป็นของจิงหนาน ร่างเขาพลันลอยขึ้นสู่อากาศ ก่อนทะยานไปยังเขาร่องลมอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ในเมืองหินโคลนมีกลิ่นอายพลังแข็งแกร่งปรากฏขึ้นทันที และตรงไปที่เขาร่องลมเช่นเดียวกัน มันเป็นกลิ่นอายพลังขั้นชำระล้างของสตรีวัยกลางคนใบหน้างดงาม

เยี่ยวั่งตื่นตะลึง จิตใจสั่นไหว แววตาซูหมิงเป็นประกายวูบวาบ ก่อนห้อเหยียดหนีไปอย่างไม่ลังเล การต่อสู้กับเยี่ยวั่ง ทำให้เขาเป็นกังวลยิ่งนัก เขาไม่อยากสู้ เพราะจะต้องรีบกลับเผ่าไปให้เร็วที่สุด!

ฉะนั้นซูหมิงจึงอาศัยจังหวะนี้ ใช้ความเร็วสูงสุด พุ่งหนีไปไกลสิบกว่าจั้งในชั่วพริบตา

สีหน้าเยี่ยวั่งเปลี่ยน ไม่สนใจซูหมิงที่จากไปไกลอีก แต่หมุนตัวแล้วทะยานกลับเข้าเมือง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าก็มีลางสังหรณ์ไม่ดี

ยามนี้ บนที่ราบกว้างใหญ่นอกเผ่าร่องลม ภายในเขาร่องลมที่ถูกปิดผนึกโดยเผ่ามาหลายยุคหลายสมัย เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น!

บนลานใต้เขาร่องลม ตอนนี้พวกสือไห่และคนทั้งแปดล้วนมีสีหน้าสับสนหวาดกลัว ยืนเหม่อมองฟ้าดินเบื้องหน้า นัยน์ตาพวกเขาฉายแววเหลือเชื่อ

ตรงจุดที่พวกเขามอง ฟ้าดินบิดเบี้ยวไม่หยุดหย่อน ราวกับมีมือใหญ่ขยับอยู่ภายใน ระหว่างกลางมีรอยแยกใหญ่ยักษ์ถูกเปิด คลับคล้ายเชื่อมกับฟ้าดิน ภายในรอยแยกเป็นเขาร่องลม หมอกดำไหลเชี่ยวกราก มีเสียงคำรามสัตว์ป่าดังก้อง อีกทั้งภายในเสียงคำรามยังมีเสียงหัวเราะเย็นเยือก

“ดี นกใหญ่ถี สัตว์ประหลาดแห่งหมานเพลิง! แม้จะเป็นแค่จิตวิญญาณ ทว่ากลับมีพลังมากขนาดนี้ ไม่เสียแรงที่ข้าตามหาร่องรอยหมานเพลิงมานานหลายปี!”

เสียงดังกล่าวพวกสือไห่ไม่เคยได้ยินมาก่อน พอได้ยินสีหน้าพวกเขาทั้งเก้าพลันเปลี่ยน มองหน้าสลับกันไปมา ก่อนพุ่งตรงเข้าไปในเขาร่องลมอย่างไม่ลังเล พวกเขาคือคนจากเผ่าร่องลม เมื่อมีศัตรูจากภายนอกมารุกรานเขาศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะถอยไม่ได้!

ทว่าในช่วงที่คนทั้งเก้าเพิ่งกระโดดเข้าไปในรอยแยก กลับได้ยินเสียงหึหึอย่างเย็นชาดังมาจากหมอกบนเขา ก่อนมีแขนยาวสิบจั้งที่เป็นสีม่วงแดงทุกส่วนยื่นมาจากในหมอก สะบัดไปทางพวกสือไห่เบาๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version