Skip to content

สู่วิถีอสุรา 860

ตอนที่ 860 เสี่ยวหวง

มังกรยมโลกร้องคำราม มันเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด เหลือพละกำลังไม่เท่าไรแล้ว มันที่ถูกทำลายขั้นพลังทั่วร่างต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากยิ่งในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตมาพันปี กระทั่งมีหลายครั้งแทบบาดเจ็บสาหัสจนตาย หากไม่ใช่เพราะมันยังมีพลังจากร่างกายอยู่ หากไม่ใช่เพราะมันเป็นชาวเผ่ามังกรยมโลก และแบกรับดวงจิตบรรพบุรุษรวมถึงเจ้าภัยพิบัติแห่งโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกที่ให้ไว้ตอนถูกเนรเทศมา มันก็คงตายไปนานแล้ว

ถึงอย่างไรในร่างกายมันก็รวมปราณโลหิตไว้ทั่วร่าง เส้นเอ็นมังกรที่ทำให้มันมีพละกำลังแก่กล้าถูกดึงออกไปแล้ว มันไร้เส้นเอ็นมังกรก็เหมือนกับมังกรเปลี่ยนเป็นงู สูญเสียทุกอย่างไป

ตอนนี้มันใช้พลังได้เพียงระดับดินเท่านั้น กระทั่งเป็นเพราะชาวเผ่าแอบช่วยเหลือถึงได้มา พันปีมานี้มันต้องทรมานอยู่ในความเจ็บปวด ต้องตกเข้าสู่ความสิ้นหวังท่ามกลางความไม่ยอมศิโรราบ

มันหนีอยู่ตลอด เงยหน้าคำรามตอนอยู่อย่างโดดเดี่ยวหลายต่อหลายครั้ง ในใจเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและเคียดแค้น ความบ้าคลั่งนี้ไม่ได้เจาะจงไปที่อวี่เซวียน ความแค้นไม่ได้เจาะจงไปที่เผ่าหมานในแดนมรณะหยิน แต่เป็น….โลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก…เป็นบรรพบุรุษของเผ่ามังกรยมโลก

เห็นๆ อยู่ว่ามันเสี่ยงตายพาอวี่เซวียนกลับมา แต่กลับต้องมีจุดจบเช่นนี้ เห็นๆ อยู่ว่ามันซื่อสัตย์ต่อเผ่ามังกรยมโลก ทว่ากลับถูกดึงเส้นเอ็นมังกรออก หนำซ้ำมันยังภูมิใจที่ตนเป็นสิ่งมีชีวิตในโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกที่สุด ทว่ากลับถูกโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกทำลายพลัง

มันโกรธแค้น!

ทว่านอกจากความแค้นแล้วก็ไม่มีสิ่งใดอีก เพราะขั้นพลังมันไม่พอ มีพลังเทียบเคียงระดับดินเท่านั้น ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตยังไม่พอจะปกป้องตัวเองด้วยซ้ำ และยิ่งไม่มีเส้นเอ็นมังกร พันปีมานี้ขั้นพลังจึงไม่ก้าวหน้าอีกเลย ไม่ว่ามัน….จะพยายามมากเพียงใดก็ตาม

ทำได้เพียงตายไปตามกาลเวลาในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต

หากมันไม่ใช่ร่างมังกร บางทีอาจจะดีหน่อย หรือหากเปลี่ยนร่างได้ก็คงไม่ต้องมีจุดจบอย่างตอนนี้ แต่มันเปลี่ยนร่างไม่ได้ เห็นได้ว่ามันที่มีรูปลักษณ์เป็นมังกรยมโลกในสภาพจนตรอก เรียกได้ว่าเป็นสมบัติสำหรับคนจำนวนมากในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต

หากคนกินเนื้อมันจะช่วยเสริมร่างกาย เกล็ดเอาไปรวมกับขั้นพลังเพื่อสร้างเป็นเสื้อเกราะหรือหลอมเป็นของวิเศษได้ โลหิตของมันเมื่อตากลมให้แห้งแล้วจะเทียบเท่ากับหินวิญญาณ ส่วนอวัยวะภายในก็เป็นยาบำรุงชั้นดีที่สุดสำหรับผู้ฝึกฌาน

กระดูกทั่วร่างมันล้ำค่ายิ่งกว่า ทำเป็นของวิเศษที่แก่กล้าอย่างยิ่งได้

โดยเฉพาะหัวมัน หากใครตระหนักรู้ก็จะได้รับวิชาโลกยมโลกไป

กระทั่งวิญญาณยังมีประโยชน์ ผู้แข็งแกร่งสามารถหลอมและผนึกให้เป็นวิญญาณวัตถุในของวิเศษได้

มังกรยมโลกแบบนี้ มันที่ไม่มีพลังปกป้องตัวเองแบบนี้ อยู่รอดมาได้พันปีก็ถือว่าปาฏิหาริย์แล้ว

ในพันปีมานี้ มังกรยมโลกอยากตายอยู่หลายครั้ง จากที่หวาดกลัวและสิ้นหวังในตอนแรกก็ค่อยๆ เฉยชา กระทั่งสุดท้ายจะเป็นหรือตายไม่สำคัญแล้วสำหรับมัน เทียบกับการมีชีวิตอย่างเจ็บปวดเช่นนี้ สู้หลุดพ้นด้วยความตายเสียยังจะดีกว่า

เพียงแต่มันจำได้ว่าชาวเผ่าที่ช่วยเหลือตนก่อนถูกเนรเทศเคยพูดเร็วๆ ไว้ประโยคหนึ่งว่า เหวลึกทะเลดาราด้านหลังดาวทมิฬมีเผ่าประหลาดอยู่นับไม่ถ้วน

ทว่า….ก็มีโชควาสนาที่เปลี่ยนจากร้ายให้กลายเป็นดีอยู่ หากบอกว่าในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตมีสถานที่ใดที่ทำให้ขั้นพลังมันฟื้นกลับมาได้บ้าง ก็คงมีที่เดียวคือ…ทะเลดาราต้นกำเนิดจิต!

ดังนั้นพันปีมานี้มันจึงบินมาไม่หยุด อยากจะไปยังดาวทมิฬ ไปที่ทะเลดาราต้นกำเนิดจิต

ทว่าทุกอย่าง ตอนนี้กลายเป็นเงาเลือนราง

แต่ส่วนลึกในใจมันไม่ยินยอม นี่คือความยึดมั่นที่ไม่ว่าเวลาผ่านไปเพียงใดก็จะไม่หายไป มันเคียดแค้นโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก มันอยากไปแก้แค้นโลกนี้ อยากกลับเผ่ามังกรยมโลกเพื่อเอาชนะบรรพบุรุษมังกรยมโลก

มันยังอยาก…เห็นนายน้อยของตนอีกครั้ง อยากได้ยินนางเรียกชื่อตน

ทว่าตอนนี้มันรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ข้ามเรื่องที่ว่ามันจะออกจากแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตไปก่อน ลำพังเพียงผู้ฝึกฌานล่าสังหารอยู่ข้างหลังตอนนี้ก็ทำให้มันหนีไม่รอดแล้ว

เสียงลากยาวดังมาจากด้านหลังไม่หยุด เสียงร้องประหลาดและจิตสังหารพุ่งเป้ามาที่มันอย่างแน่นหนา เดิมทีมันไม่เร็วอยู่แล้ว คนด้านหลังยังขี่ผีเสื้อกลางคืนมาอีก ตนจึง….หนีไม่รอด

จิตสำนึกของมันเริ่มเลือนราง ไม่แน่ใจความเจ็บปวดมาจากที่ใดของร่างกาย เหมือนว่าจะเจ็บไปทั่วร่าง โลหิตอาบชโลม เสียงร้องประหลาดของผู้ฝึกฌานด้านหลังกลายเป็นการเร่งเอาชีวิต โดยเฉพาะเสียงกระดิ่งกึกก้องที่เหมือนมาพร้อมกับความตาย

มันยังจำได้ว่าเมื่อสามวันก่อน ตนผ่านหินผุพังที่ลอยอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาวกลุ่มหนึ่ง จะมาพักผ่อนสักเล็กน้อย ไม่ได้แสดงเจตนาร้ายใดๆ เลย แต่ไม่นึกเลยว่ากลุ่มหินผุพังนี้จะเป็นถิ่นอาศัยของผู้ฝึกฌานกลุ่มหนึ่ง ตอนที่ผู้ฝึกฌานเหล่านี้ขี่ผีเสื้อกลางคืนออกมา มันก็ยังคิดจะเอาใจเพื่ออ้อนวอนขอให้มันจากไป

ทว่าสิ่งที่แลกมาคือการล่าสังหารติดกันสามวัน มันเห็นความกระหายและประกายดุร้ายจากแววตาพวกเขา ก็รู้เลยว่าพวกเขา…รู้ว่าตนเป็นมังกรยมโลก พวกนั้น….คิดจะกินตนเป็นๆ

ในผู้ฝึกฌานเหล่านี้มีเจ้าปกครองโลกอยู่สี่คน กระทั่งมีอยู่คนหนึ่งบรรลุถึงเจ้าปกครองโลกตอนกลางแล้ว นี่คือขั้นพลังที่แม้แต่มังกรยมโลกตัวนี้ตอนสภาพสมบูรณ์ก็ยังไม่บรรลุถึง ต่อให้มันอยู่ในแดนมรณะหยินก็อยู่เพียงจุดสูงสุดของเจ้าปกครองโลกตอนต้น เมื่อใช้คู่กับร่างกายมังกรยมโลกจะฝืนสู้กับเจ้าปกครองโลกตอนกลางได้ แต่ก็เอาชนะไม่ได้

ทว่าผู้แข็งแกร่งเจ้าปกครองโลกตอนกลางคนนั้นไม่ได้มาล่าสังหารด้วยตัวเอง แต่เป็นผู้ฝึกฌานเจ้าปกครองโลกตอนต้นสี่คนพาผู้ฝึกฌานเกือบร้อยคนล่าสังหารตนมาสามวัน

ความจริงแล้วในความรู้สึกมังกรยมโลก ไม่ต้องใช้คนเกือบร้อยเลย เพียงแค่หนึ่งในสามเจ้าปกครองโลกตอนต้นคนใดก็ได้ก็สังหารตนได้ในทันที กระทั่ง…ในเกือบร้อยคนนี้มีมากกว่าครึ่งที่ทำได้

เพียงแต่…..พวกเขากลับไม่ทำเช่นนั้น แต่เหมือนจะหยอกเย้า เพียงแค่ล่าสังหาร บีบให้ตนหนีไปเรื่อยๆ และใช้พละกำลังไปมาก จนถึงตอนนี้มันใกล้จะถึงปลายทางของชีวิตแล้ว แต่มันก็ยังหนีต่อไปตามสัญชาตญาณ ไม่มีแรงต่อต้านใดๆ แล้ว

เสียงร้องประหลาดข้างหูเหมือนกำลังเย้ยเยาะ เสียงกระดิ่งดุจดั่งภาพมายา ทำให้มันสติพร่าเลือนขึ้นเรื่อยๆ

จุดที่มันผ่านจะมีโลหิตตกลงกลางฟ้ากระจ่างดาว ดวงตาของมันพร่ามัว จะปิดได้ตลอดเวลา เสียงลากยาวด้านหลังเข้ามาใกล้ โลหิตที่หยดลงของมันนี้ ในผู้ฝึกฌานเกือบร้อยจะมีคนรีบบินออกมาแล้วนำขวดล้ำค่าในมือเก็บโลหิตไป

“ท่านเป่าหลัว มังกรยมโลกตัวนี้ใกล้จะหมดสติแล้ว การล่าครั้งนี้สนุกจริงๆ”

ผู้ฝึกฌานเกือบร้อยคนด้านหลังมังกรยมโลกส่งเสียงหัวเราะ เขาคือชายหนุ่มที่เพิ่งเก็บโลหิตมาและยิ้มพลางกล่าวกับหญิงสาวที่มีกระดิ่งใบเล็กตรงข้อมือซึ่งอยู่ด้านหน้า

“มังกรยมโลกล้ำค่าอย่างยิ่งในโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก ยากจะเห็นออกมาข้างนอกง่ายๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต แต่จะเห็นได้ว่ามันต้องล่วงเกินคนที่มีตำแหน่งและอำนาจสูงมากในโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกอย่างแน่นอน เลยถูกเนรเทศมาที่นี่”

“ไม่ผิด ขั้นพลังมันเทียบเท่าระดับดินเท่านั้น อีกอย่างตลอดสามวันนี้พวกเราก็รู้แล้วว่าเส้นเอ็นมังกรของมันถูกดึงออกไป เท่ากับขยะตัวหนึ่งเท่านั้น”

“ฮ่าๆ นี่มันใช่มังกรยมโลกที่ไหนกัน เป็นเพียงงูใหญ่เท่านั้น เป็นเพราะท่านเป่าหลัวเฉลียวฉลาด ทำให้งูน้อยตัวนี้หนีไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้โลหิตมันไหลเวียน ทุกหยดจะมีผลดีกว่าการสูบมา กระทั่งทำให้มันสติพร่าเลือนยังง่ายแก่การให้ท่านควบคุม แล้วหลอมมันเป็นของวิเศษบิน ภายภาคหน้าพวกเราก็จะออกไปข้างนอกได้สะดวกยิ่งขึ้น”

เสียงหัวเราะดังก้องกังวาน ผู้ฝึกฌานเกือบร้อยเห็นมังกรยมโลกข้างหน้าช้าลง จึงรู้ว่ามันถึงขีดจำกัดแล้ว

หญิงสาวตรงหน้าผู้คนมีสีหน้าลำพองใจ นางสั่นกระดิ่งตรงข้อมือ สายตามองผู้ฝึกฌานรอบๆ นางเป็นคนเจอมังกรตัวนี้ และก็เป็นคนเสนอแผนการยั่วเย้าล่าสังหารเอง ซึ่งตอนนี้ดูแล้วได้ผลดีอย่างยิ่ง

“ล่าสังหารไปอีกหนึ่งก้านธูป วิญญาณมังกรตัวนี้น่าจะสลายหายไป ถึงตอนนั้นต้องใช้วิชาลับให้วิญญาณมันรวมอยู่ในร่าง แบบนี้จะค้นหาได้สะดวกมากยิ่งขึ้น” หญิงสาวมีสีหน้าตื่นเต้น นางไม่สนใจโลหิตมังกรหรือของวิเศษ นางสนใจความทรงจำของมังกรตัวนี้ นางอยู่ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตตั้งแต่เกิดและเฝ้าใฝ่หาสี่มหาโลกแท้จริงอย่างยิ่ง ทว่าคนอื่นๆ ก็เหมือนกับนาง ไม่เคยออกจากแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตได้เลย

ทว่าในมุมมองของนาง มังกรยมโลกตัวนี้น่าจะถูกเนรเทศมาที่นี่ ดังนั้นความทรงจำในวิญญาณมันจะต้องมีภาพของโลกข้างนอกอย่างแน่นอน

นี่ต่างหากคือจุดที่นางสนใจ

“นายน้อย จะช้าอีกไม่ได้แล้ว ตรงหน้าเป็นถิ่นของตาแก่เสวียนอี้ บรรพบุรุษเคยบอกว่าห้ามพวกเราเข้าไปในถิ่นคนอื่นเด็ดขาด” ขณะหญิงสาวกำลังตื่นเต้น ชายวัยกลางคนสองคนที่ติดตามอยู่ด้านหลังนางเงียบๆ มาโดยตลอด หนึ่งคนในนั้นกล่าวเสียงราบเรียบขึ้น

สองคนนี้มีขั้นพลังเจ้าปกครองโลกตอนต้นเหมือนกับนาง ทว่าเหมือนเคยผ่านการต่อสู้เกือบตายมา ความรู้สึกจึงมีกลิ่นอายชั่วร้ายอบอวลอยู่เล็กน้อย

ถึงในใจจะไม่ยอม แต่หญิงสาวก็ลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วพยักหน้าอย่างจำใจ นางสะบัดข้อมือ เสียงกระดิ่งดังเสียงดังทันที ผู้ฝึกฌานเกือบร้อยคนด้านหลังพลันเร่งความเร็วขึ้น แซงหน้ามังกรยมโลกไปปิดล้อมไว้

“การล่าจบแล้ว สังหารมังกรตัวนี้ แต่เก็บวิญญาณมันไว้ให้ข้า!” หญิงสาวกล่าวเสียงเย็นชา นัยน์ตาฉายแววตื่นเต้นและเหี้ยมโหด

เสียงขานรับดังมาจากรอบๆ ผู้ฝึกฌานเกือบร้อยคนล้วนมีแววตาละโมบ มังกรยมโลกในสายตาพวกเขากลายเป็นอาหารกองหนึ่ง เป็นวัตถุดิบที่ทำให้ขั้นพลังสูงขึ้น ยามนี้ต่างส่งเสียงดังและกระจายตัวกันไป

มังกรยมโลกสติพร่ามัวทั้งหมด มันรู้ว่าตนต้องตายแล้ว ถึงจะไม่ยินยอม แต่ว่า….จะทำอะไรได้

มันฝืนยิ้มปวดร้าวพลางหลับตาลง ทว่าวินาทีที่มันหลับตา กลับมีเสียงนุ่มนวลดังก้องในจิตวิญญาณมัน

“เสี่ยวหวง…”

ทันทีที่เสียงนี้แว่วเข้าสู่จิตวิญญาณ มันตัวสั่นสะท้านอย่างชัดเจนยิ่ง กระทั่งวิญญาณยังสั่นไหวตาม สติที่กำลังจะหายไปพลันหยุดนิ่ง

เหมือนกับมีสายฟ้านับไม่ถ้วนผ่าลงในใจ คำว่าเสี่ยวหวงเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในส่วนลึกความทรงจำ ใต้หล้านี้มีเพียงคนเดียวที่เรียกมันแบบนี้ นั่นคือเด็กสาวนามอวี่เซวียนผู้เป็นเจ้านายน้อยของมัน

มันไม่ได้ยินสองคำนี้มาพันกว่าปีแล้ว สองคำนี้เหมือนกับปลุกความทรงจำของมันขึ้น ทำให้มันตัวสั่นและมีน้ำตาไหล

มันรู้ว่าคนที่เรียกชื่อมันไม่ใช่เจ้านายน้อย แต่เป็นอีกเสียงหนึ่งที่คุ้นหู

“เสี่ยวหวง…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version