Skip to content

สู่วิถีอสุรา 87

ตอนที่ 87 ใครคือคนทรยศ

คนที่หวาดกลัวเช่นเดียวกันยังมีนักรบหมานภูผาดำคนอื่น การระเบิดตัวเช่นนี้เกิดขึ้นสามครั้งในระยะเวลาสั้นๆ ค่าตอบแทนของเสียงระเบิดสามครั้งคือเผ่าภูผาดำเสียไปเจ็ดคน!

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปอย่างโหดเหี้ยม!

ซูหมิงน้ำตาไหลพราก กัดฟันแน่น พลันละสายตากลับ ก่อนวิ่งตามขบวนไปอย่างรวดเร็ว เขาทราบดีว่าชาวเผ่าด้านหลังกำลังใช้ชีวิตเพื่อแลกกับเวลา กำลังใช้เลือดเนื้อเพื่อถ่วงเวลาออกไป สิ่งที่เขาต้องทำคือไม่ให้เลือดเนื้อของพวกเขาเสียเปล่า จะต้องคุ้มกันขบวนอพยพไปให้ไกลที่สุด!

ส่วนท่านปู่กำลังดุเดือดเช่นเดียวกัน ชายร่างกำยำระดับปลายขั้นรวมโลหิตสองคนเหมือนกับไม่รู้สึกเจ็บปวด ยามนี้ใบหน้าเรียบเฉย บนตัวมีบาดแผลจำนวนมาก ทว่าก็ยังพัวพันท่านปู่ไม่ยอมปล่อย

เพียงแต่ความแข็งแกร่งของท่านปู่ อย่าว่าแต่ซูหมิงเลย แทบทุกคนล้วนไม่เคยมีใครคาดเดาได้มาก่อน

ท่านปู่แค่นเสียงเย็นชา ก่อนรอบตัวเขาเกิดระลอกคลื่นมหาศาล ซัดสาดเข้าใส่ชายร่างกำยำสองคน ขณะลำตัวพลันสั่นไหว ท่านปู่เดินไปหนึ่งก้าว ด้วยความเร็วของเขา พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าชายร่างกำยำคนหนึ่ง ใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผาก เกิดเสียงโครม ศีรษะของชายร่างกำยำหลุดจากบ่าทันใด ในช่วงที่ร่างล้มลงกับพื้น ท่านปู่พลันปล่อยหมัดเข้าใส่ชายอีกคน ท่ามกลางเสียงก้องกังวานฟ้าดิน ชายกำยำตัวสั่นสะท้านก่อนระเบิดกระจาย

ทว่าในเสี้ยววินาทีที่ชายร่างกำยำสองคนตายตก พลันมีหมอกดำจำนวนมากลอยขึ้นมาจากศพของพวกเขา รวมเข้าด้วยกันกลายเป็นเงาคนเลือนราง ก่อนพุ่งเข้าใส่ท่านปู่ที่กำลังล่าถอย

“ปี้ถู!” ท่านปู่มีสีหน้าจริงจัง เขาทราบดีว่าหมอกดำเบื้องหน้าไม่ใช่ร่างจริงของปี้ถู แต่ถูกสร้างขึ้นด้วยเคล็ดวิชาหมานชั่วร้าย ทว่าเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว แสดงว่าปี้ถูอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ บางทีอาจจะกำลังตามมา!

แต่ทันใดนั้น เบื้องหน้าขบวนพลันมีเสียงคำรามเฉียบคมดังขึ้นอีกครั้ง ทันทีที่เสียงดังขึ้น ทำให้จ้าวเผ่า นักรบหมานเผ่าเขาทมิฬ และเหล่าชาวเผ่าล้วนหน้าเปลี่ยนสี!

ยามนี้ ในป่าทึบสองข้างทางมีเสียงเฉียบคมดังขึ้นเช่นเดียวกัน ลมพายุคลั่งพัดครืนครืน ราวกับรอบทิศมีศัตรูเผ่าภูผาดำอยู่จำนวนมาก!

หากมีเพียงเท่านี้ก็ไม่เป็นไร เพราะให้นับรบหมานใช้ชีวิตเพื่อปกป้องขบวนเดินต่อไปได้ ทว่าแทบจะเป็นช่วงเดียวกับที่เสียงคำรามกระหายเลือดและฮึกเหิมดังมาจากสามทิศ แผ่นดินพลันสั่นสะเทือน ก่อนพบว่าหน้าขบวนที่ห่างจากจ้าวเผ่าสิบกว่าจั้ง มีดินถล่มลงมาตามแรงสั่นสะเทือนของพื้นผิว จากนั้นซุงไม้ใหญ่ที่มัดเข้าด้วยกันยาวหนึ่งร้อยจั้ง หนาหลายจั้ง ประดุจกำแพงไม้ล้อมประตูยักษ์ พลันพุ่งออกมาจากพื้นดิน ขวางทางขบวนไม่ให้เดินหน้าต่อไป!

ด้านบนกำแพงไม้ ยามนี้มีชายฉกรรจ์เผ่าภูผาดำยืนอยู่สามคน คนนำหน้าสุดรูปร่างสูงเกือบหนึ่งจั้ง ในมือถือคันศรใหญ่ขนาดเกือบเท่าลำตัว มุมปากเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม จ้องมองทุกคน ขณะเดียวกัน สองข้างทางพลันมีกำแพงไม้ยักษ์ผุดขึ้นมาสองแถว ขนาดยาวหนึ่งร้อยจั้ง ปิดล้อมเผ่าเขาทมิฬเอาไว้!

บนกำแพงไม้ทั้งสองข้างมีหลายคนยืนอยู่เช่นเดียวกัน พวกนั้นจ้องมองลงมาเบื้องล่างอย่างเย็นชา นัยน์ตาฉายแววขบขัน นี่เป็นกับดักที่เตรียมมาเป็นอย่างดี!

สีหน้าทุกคนในเผ่าเขาทมิฬพลันเปลี่ยน จ้าวเผ่าใบหน้าขาวซีด ทว่านัยน์ตากลับมีจิตสังหารและความกระหายในการต่อสู้ นักรบหมานคนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน

“พวกมันรู้เส้นทางเดินของพวกเราได้อย่างไร เหตุใดถึงวางกับดักไว้ล่วงหน้าได้เช่นนี้!” ในใจของชาวเผ่าเขาทมิฬทุกคนล้วนเกิดความสงสัย

‘ใคร! ใครคือคนทรยศ!’ ซูหมิงตัวสั่นเทา คำพูดของท่านปู่ดังขึ้นในความคิด ในเผ่ามีคนทรยศ!

เวลาเดียวกัน ท่านปู่ที่กำลังต่อสู้กับเงาหมอกดำจากวิชาหมานชั่วร้ายของปี้ถู เมื่อเห็นดังนั้น สีหน้าเผยความเศร้าโศกและโกรธแค้น สำหรับคนทรยศ เขาทำได้เพียงแค่สงสัยเท่านั้น และพยามทำทุกวิถีทางเพื่อลากคอมันออกมาให้ได้ ทว่ามันกลับซ่อนตัวลึกลับยิ่งนัก ไม่เผยเงื่อนงำแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าไม่มีอยู่จริง ทว่ายามนี้ท่านปู่มั่นใจแล้ว เพียงแต่ว่าจนถึงตอนนี้เขาก็ยังนึกไม่ออกว่าใครเป็นคนทรยศ…..และทำแบบนี้เพื่ออะไร……

ในช่วงที่วิกฤติมาเยือน ชาวเผ่าเขาทมิฬถูกความตื่นกลัวเข้าครอบงำ ชาวเผ่าธรรมดาเหล่านั้นมีใบหน้าขาวซีด ราวกับหมดแรงต่อต้าน ด้านบนกำแพงไม้สามทิศ ยามนี้มีเสียงสวบๆ ดังก้อง นักรบหมานเผ่าภูผาดำประมาณห้าสิบกว่าคนปรากฏกาย ท่านปู่ยกมือขวาขึ้น แล้วพลันชี้เข้าไป

ทันใดนั้น ชาวเผ่าเขาทมิฬที่ถูกปิดล้อมด้วยกำแพงไม้สามทิศลอยขึ้น เมฆลมพลันเปลี่ยนสี ปรากฏแสงสีดำขยับวูบวาบรวมตัวกันกลางฟ้าดิน กลายเป็นเทวรูปหมานเขาทมิฬใหญ่ราวสิบกว่าจั้ง!

มันเป็นเทวรูปครึ่งคนครึ่งสัตว์ดุร้าย อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายพลังป่าเถื่อนบรรพกาล มือหนึ่งจับมังกร อีกมือหนึ่งถือหอกยาวใหญ่ยักษ์ นัยน์ตาฉายแววกระหายเลือดและคลุ้มคลั่ง

การปรากฏตัวของมันทำให้ท้องฟ้ามืดครึ้ม ราวกับถูกอานุภาพของมันกลืนกิน เพียงแต่ว่าเทวรูปหมานยังไม่สมบูรณ์ เลือนรางเล็กน้อย ราวกับเพิ่งก่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่า ในตัวของมันมีแสงสีดำปกคลุมเบื้องล่าง ห่อหุ้มชาวเผ่าเขาทมิฬเอาไว้ข้างใน

“นักรบหมานอยู่ข้างนอก ชาวเผ่าอยู่ข้างใน สู้ให้ถึงที่สุด!”

ยามนี้ จ้าวเผ่าเขาทมิฬแผดเสียงตะโกน กระโดดทะยานขึ้นไปบนกำแพงไม้ยักษ์เบื้องหน้า เขาทราบดีว่าหากจะออกไปจากที่นี่ ต้องทำลายกำแพงนี้ให้ได้ก่อน จะให้ถอยหรือ ไม่มีทางเด็ดขาด!

“สังหาร!” นักรบหมานเขาทมิฬทั้งหมดต่างกระจายกำลังไปจัดการกับนักรบภูผาดำใกล้ตัว พุ่งโจมตีเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ผู้นำกองรักษาการณ์เขาทมิฬกระโดดขึ้น พลันง้างคันศรในมือ ปล่อยลูกธนูไปทางกำแพงไม้ด้านซ้าย

จ้าวเผ่าที่อยู่หน้าสุด ด้านหลังเขามีชาวเผ่าสองคน เข้าไปต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยวเช่นเดียวกัน!

เป่ยหลิง อูลา เหลยเฉินและพวกนักรบหมานล้วนคลุ้มคลั่ง เข้าร่วมสงครามชี้เป็นตายอย่างดุเดือด! ซานเหินเงียบขรึม ลังเลใจครู่หนึ่ง ก่อนกระโดดขึ้นไปเช่นเดียวกัน

ในใจซูหมิงแฝงไว้ด้วยจิตสังหาร ขณะกำลังจะขยับตัว พลันได้ยินเสียงสะอื้นไห้จากด้านหลัง เด็กหญิงคนที่เขาอุ้มก่อนหน้านี้ตกใจตื่น กำลังมองเขา น้ำตาไหลพราก ซูหมิงไม่หันกลับไปมอง แต่กระโดดขึ้นไปบนกำแพงไม้เบื้องหน้า จากบนกำแพง ยามนี้มีชายฉกรรจ์เผ่าภูผาดำสิบกว่าคนพุ่งตรงเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงร้องพิลึก ซูหมิงกับเหล่านักรบหมานข้างกายจึงเข้าทำสงคราม

ตอนนี้เป็นช่วงโพล้เพล้ ตะวันบนท้องฟ้ามืดสลัว ดวงจันทร์ปรากฏเค้าลาง และเด่นชัดอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานจะเข้าสู่ยามค่ำคืน โลหิตของซูหมิงเดือนพล่าน หัวใจกำลังแผดเผา ความโกรธแค้นของเขากำลังแผดเสียงคำราม ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ตั้งแต่ที่เขาทำลายผนึกแล้วรีบกลับมาอย่างว่องไว นั่นก็เพื่อเป็นตายพร้อมกับชนเผ่า และยามนี้ก็ถึงเวลาแล้ว!

“เกิดเป็นคนเขาทมิฬ ตายก็ขอเป็นวิญญาณเขาทมิฬ!” ซูหมิงเปิดเผยทุกสิ่ง เส้นเลือดสองร้อยสี่สิบสามเส้นพลันปะทุ สำแดงพลังของลำดับเจ็ดขั้นรวมโลหิต เพียงแต่ว่าสงครามในยามนี้ ไม่มีผู้ใดสนใจเขาที่เป็นเพียงเด็กหนุ่ม

เบื้องหน้าของเขา เป็นชายฉกรรจ์เผ่าภูผาดำสิบกว่าคน มีเพียงคนเดียวที่เป็นลำดับเจ็ดขั้นรวมโลหิต นอกนั้นเป็นลำดับห้าและหกเท่านั้น

ชายฉกรรจ์ลำดับเจ็ดตรงเข้ามาด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม ในความคิดของเขา หมานแห่งเผ่าเขาทมิฬเจ็ดแปดคนตรงหน้าไม่มีค่าพอให้สนใจ ตัวเขาเป็นรองผู้นำกลุ่มล่าสัตว์เผ่าภูผาดำ การจะสังหารคนเหล่านี้เป็นเรื่องง่ายดายนัก

ทว่าในช่วงที่เขาเข้าใกล้ ดวงตาพลันหรี่ลง เผยสีหน้าเหลือเชื่อ เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า เด็กหนุ่มผอมบางในกลุ่มคนตรงหน้ามีพลังโลหิตมหาศาลจนทำให้เขาต้องตื่นตะลึง

“มันเป็นใคร! อายุเท่านี้ แต่กลับมีพลังโลหิตมากถึงเพียงนี้!” ยังไม่ทันที่ชายฉกรรจ์จะได้ขบคิด ซูหมิงพลันทะยานเข้ามา เป้าหมายแรกของเขาคือชายฉกรรจ์คนนี้!

ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ทั้งสองฝ่ายพลันปะทะเข้าใส่กัน เสียงเข่นฆ่าโรมรันดังสนั่นหวั่นไหว เสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้นระงม ซูหมิงปล่อยหมัดเข้าใส่ เส้นเลือดสองร้อยสี่สิบสามเส้นพลันรวมเป็นหนึ่งเส้น ก่อนส่งหมัดทะยานเข้าใส่ชายฉกรรจ์ลำดับเจ็ดขั้นรวมโลหิตแห่งเผ่าภูผาดำ

เสียงโครมๆ ดังก้องกังวาน เพียงแต่ว่าท่ามกลางสงครามดุเดือด ทุกอย่างละเอียดจนไม่อาจกล่าวบรรยายได้ เหล่าชาวเผ่าใต้แสงเทวรูปหมาน บ้างตัวสั่นเทา ใบหน้าขาวซีด ทว่ากลับเด็ดเดี่ยวไม่หวาดกลัว ยามนี้หากหวาดกลัวแล้วจะมีประโยน์อะไร

ในแววตาของพวกเขามีความแค้นฝังกระดูก และยังมีเพลิงโทสะราวกับแผดเผาฟ้าดิน ทุกคนล้วนสงบนิ่ง เด็กหญิงที่เพิ่งตื่นหยุดสะอื้นไห้ แต่มองเงาหลังของซูหมิงที่กำลังต่อสู้เพื่อชนเผ่า!

หนึ่งหมัดปล่อยออกไป ชายฉกรรจ์แผดเสียงคำรามพลางปล่อยหมัดเช่นเดียวกัน ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ชายฉกรรจ์มีโลหิตไหลมาจากมุมปาก สีหน้าตื่นตะลึง แขนของเขาคล้ายใกล้แหลกสลาย ซวนเซถอยหลังไปหลายก้าว

ทว่าการถอยของเขากลับทำให้ซูหมิงพลันแผดเสียงร้อง พุ่งทะยานเข้าใส่ด้วยความเร็วจนน่าตกตะลึง พริบตาเดียวก็เข้าถึงตัว ก่อนปล่อยหมัดเข้าไปอีกหนึ่งหมัด หนึ่งหมัด และหนึ่งหมัด!

พริบตาเดียวซูหมิงปล่อยไปแปดหมัด ทุกกำปั้นอัดเข้าใส่ชายฉกรรจ์ ทำให้เขาถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง แววตาของเขาตื่นกลัว โลหิตไหลจากมุมปากจำนวนมาก ชายฉกรรจ์ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาเจอกับผู้แข็งแกร่งที่บ้าคลั่งเช่นนี้!

“ตายซะ!” ซูหมิงทะยานเข้าใกล้อีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช้หมัด แต่ใช้ศีรษะตนโขกกับศีรษะชายฉกรรจ์อย่างแรง อีกฝ่ายร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด กระเด็นถอยไปจนกระแทกกับกำแพงยักษ์ส่งเสียงดังตึง ชายฉกรรจ์กระอักโลหิต ความเร็วของซูหมิงทำให้เขาทึ่มทื่อ กระทั่งยังไม่มีเวลาต่อต้าน ในสายตาของเขา ซูหมิง…..ว่องไวยิ่งนัก!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version