ตอนที่ 904 วัตถุจากโลกดาราสัจธรรม
“กิ่งไม้ป่าสวรรค์นี้ข้าจองแล้ว หินผลึกสี่ล้านก้อน!”
“ใครๆ ก็รู้ว่ากิ่งไม้ป่าสวรรค์ทำให้ศิษย์รุ่นเยาว์ก่อรูปจิตรวมวิญญาณได้ กระทั่งเลี่ยงคอขวดได้ทุกอย่างที่ต่ำกว่าระดับดิน ข้าเคาะประมูลสี่ล้านห้าแสน”
“ห้าล้าน” เสียงสตรีดังเนิบๆ มาจากในห้องของเต้าคง
“เจ็ดล้าน!” ทันทีที่สิ้นเสียงสตรี ก็มีเสียงเรียบๆ ดังก้องลานประมูลมาจากอีกห้องหนึ่ง
เมื่อเอ่ยราคานี้ออกไป ผู้คนโดยรอบต่างพากันเงียบ ราคาซื้อไม้ป่าสวรรค์แบบนี้มันออกจะสูงเกินไปหน่อย ต่อให้เป็นห้องของเต้าคงก็ยังเงียบ
ซูหมิงขมวดคิ้ว
“เป็นคนจากโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์” อวี้โหรวกล่าวเสียงเบา
ซูหมิงไม่ตอบ แต่คลายปมคิ้วออกทีละน้อย สีหน้าสงบนิ่งอีกครั้ง เขารู้ว่าจะรีบร้อนไม่ได้ เว้นแต่หนึ่งเดือนนี้เต้าคงจะไม่ประมูลสิ่งใดเลย มิเช่นนั้นแล้วเขาจะต้องตกไปอยู่ในแผนการที่ซูหมิงวางเอาไว้แน่นอน
ภายในห้องเต้าคง เต้าคงผู้สวมเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารามีสีหน้าเรียบเฉย เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวตัวหนึ่ง มือถือแก้วสุรา เขย่าสุราในแก้วพลางมองลานประมูลนอกม่านแสงมายาตรงหน้า
ด้านหลังเป็นชายชราหลับตาเก้าคนนั่งฌานอยู่ ระลอกคลื่นขั้นพลังกระจายเบาบางมาจากเก้าคนนี้ แผ่คลุมไปทั้งห้อง
ส่วนหญิงที่ใบหูแหลม นางโค้งตัวคุกเข่าอยู่ข้างเต้าคง ก้มหน้าลงเผยคอนิ่มนวล
“นี่เพิ่งจะวันแรก เจ้าคนโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ก็อดใจไม่ไหวอยากจะแข่งกับข้าแล้วอย่างนั้นรึ” เต้าคงพลันหัวเราะ เขาดื่มสุราในแก้วหมดในอึกเดียว ตอนที่ยกมือขึ้นก็เห็นว่าบนนิ้วชี้มือขวามีห่วงสีดำวงหนึ่ง
ห่วงนี้ไม่ใช่ของจริง แต่เป็นเหมือนกับเส้นประทับบนนิ้ว นี่คืออาคมเคลื่อนย้าย เพียงแค่เขาส่งกระแสจิต นักรบมรณะสามพันคนก็จะเคลื่อนย้ายมาในพริบตา
“น่าเสียดาย น่าเสียดาย…” รอยยิ้มเต้าคงแฝงไว้ด้วยความทะมึนทึบ เขาวางแก้วสุราลงแล้วหลับตา
เวลาค่อยๆ ผ่านไป พริบตาเดียววันแรกของงานประมูลหนึกดำก็มาถึงยามโพล้เพล้ หลังจากเต้าคงเคาะประมูลไปก่อนหน้านี้ จากนั้นของแทบจะทุกชิ้น หญิงในห้องคนนั้นจะส่งเสียงเคาะประมูลตลอด
และส่วนใหญ่ราคาที่ประมูลไปจะไม่สูงและไม่ต่ำ หากไม่มีใครเคาะประมูลต่อ ก็จะได้ในราคาคุ้มค่ามาก แต่ว่าหากคนอื่นประมูลต่อ ก็พอจะคุ้มค่าอยู่บ้าง
อีกทั้งหากมีคนประมูลต่อ เต้าคงจะเงียบไป เขาจะไม่เคาะประมูลเป็นครั้งที่สองในของประมูลชิ้นเดียวกัน
ซูหมิงมองฟ้าโพล้เพล้ข้างนอก สีหน้ายังคงสงบนิ่ง ดาวทมิฬไม่ได้ดำเนินงานประมูลเพียงแค่ยามกลางวัน แต่ยามกลางคืนก็จะมีด้วย และจะเป็นแบบนี้ติดกันไปหนึ่งเดือน
เรื่องนี้สำหรับคนธรรมดาแล้วย่อมไม่มีกำลังวังชารับไหว ยืนหยัดได้เพียงสองสามวันก็จะอ่อนเพลียอย่างยิ่งแล้ว แต่สำหรับผู้ฝึกฌาน การไม่พักผ่อนหนึ่งเดือนเป็นเรื่องธรรมดาจริงๆ ดังนั้นตอนที่ยามโพล้เพล้ผ่านไปและเข้าสู่ค่ำคืน ก็มีลำแสงจำนวนมากปรากฏขึ้นในลานประมูล ลำแสงเหล่านี้ตัดสลับกันอยู่บนฟ้า เสี้ยววินาทีเดียวฟ้าดินก็ให้ความรู้สึกเหมือนยามกลางวัน มิหนำซ้ำไกลออกไปยังเห็นเป็นฟ้ากระจ่างดาว
ความสมบูรณ์แบบระหว่างแสงสว่างกับดวงดาวที่อยู่ไกลออกไปร่างโครงออกมาเป็นภาพที่งดงามอย่างยิ่ง ทำให้คนมองอดชื่นชมมิได้
ภายใต้ดวงตะวันและจันทราสลับกัน เวลาผ่านไปสามวันแล้ว ในสามวันนี้ซูหมิงสังเกตทุกการเคลื่อนไหวในลานประมูลตลอด ทว่ากลับไม่ได้รอให้เต้าคงเข้าไปอยู่ในแผนการ ในสามวันนี้ เต้าคงยังเหมือนกับวันแรก ยังคงเคาะประมูลของเกือบทุกชิ้น แต่ดูแล้วไม่ได้จะซื้อไปจริงๆ
อีกทั้งคนในลานประมูลเริ่มสังเกตเห็นพฤติกรรมนี้ของเต้าคง จึงไม่มีใครสนใจอีก ถึงอย่างไรสินค้าทุกชิ้นที่งานประมูลดาวทมิฬนำออกมาล้วนมีความล้ำค่าของมันอยู่ นอกจากโอกาสนี้แล้ว ในสถานที่อื่นและเวลาอื่นคงยากจะได้มาครอบครอง ดังนั้นสินค้าประมูลทุกชิ้นจึงก่อให้เกิดการแย่งชิงกันของคนจำนวนไม่น้อย
‘เขากำลังรออะไร…’ ซูหมิงหลับตาลง เต้าคงไม่ซื้อสินค้า นี่ทำให้เขาดำเนินแผนการต่อไปไม่ได้ เขาจึงให้จิตใจตัวเองสงบนิ่งต่อไปอย่างเงียบๆ
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัวตามคลื่นเสียงจากข้างนอกที่ดังสนั่นขึ้นเรื่อยๆ งานประมูลดาวทมิฬนี้ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร สินค้าที่นำออกมาจะยิ่งหายากมากเท่านั้น ความสนใจและความอยากจึงรุนแรงขึ้นแบบไม่มีที่ใดเปรียบ
“สิ่งนี้มาจากทะเลดาราต้นกำเนิดจิต รวมทะเลดาราหมื่นลี้เป็นของเหลวจิตหนึ่งหยด ของเหลวนี้เปลี่ยนแปลงได้สารพัด มีสรรพคุณไม่มีที่สิ้นสุด สหายทุกท่าน ของเหลวดาราต้นกำเนิดจิตหยดนี้มีราคาขั้นต่ำอยู่ที่สามสิบล้านหินผลึก ข้าบอกทุกท่านได้ว่า งานประมูลดาวทมิฬครั้งนี้ ของเหลวจิตมีเพียงห้าหยดเท่านั้น นี่คือหยดแรก!” เจ็ดวันต่อมา งานประมูลดาวทมิฬก็ดำเนินมาถึงช่วงที่ดุเดือดอย่างยิ่ง ผู้ดำเนินงานประมูลครั้งนี้หยิบสมบัติล้ำค่าที่สร้างความตื่นตะลึงกับทุกคนโดยรอบออกมาเป็นชิ้นแรก
นี่คือสมบัติล้ำค่าชิ้นแรกที่งานประมูลครั้งนี้นำออกมา!
แทบเป็นช่วงที่ผู้ดำเนินงานประมูลกล่าวจบ พลันมีเสียงที่บ้างก็ตื่นเต้น บ้างก็ทะมึนทึบ บ้างก็สูงส่ง ดังขึ้นติดต่อกัน
“สามสิบสามล้านหินผลึก”
“สามสิบเจ็ดล้าน”
“สี่สิบล้าน!”
เสียงดังสนั่นขึ้นลงเป็นลูกคลื่น กระทั่งมีคนในห้องจากรอบๆ ไม่น้อยที่เคาะประมูล ราวกับว่าของเหลวจิตหยดนี้ทำให้ทุกคนที่นี่คลุ้มคลั่ง พริบตาเดียวราคาก็พุ่งทะยานไปมากกว่าหกสิบล้านแล้ว
ซูหมิงมองความคึกคักในลานประมูลด้วยสีหน้าปกติ เดิมทีของเหลวจิตไม่ได้มีเพียงห้าหยด แต่มี….สิบหยด เพียงแต่ว่าเขาเอาห้าหยดนั้นไปเอง ตอนนี้อยู่ในถุงเก็บวัตถุ
ของเหลวดาราต้นกำเนิดจิต สิ่งนี้ใช้กินใช้ดมได้ หากใช้ดม จะดมของเหลวจิตได้ร้อยครั้ง ทุกครั้งที่ดมจะทำให้ขั้นพลังที่ใช้จนหมดไปฟื้นฟูกลับมาเต็มในทันที เป็นของที่ผู้ฝึกฌานเฝ้าใฝ่ฝัน มีวัตถุมหัศจรรย์ที่มีสรรพคุณแบบเดียวกันอยู่ ทว่าของชนิดอื่นๆ ก็ได้มายากยิ่ง มิหนำซ้ำหากขั้นพลังสูงแล้ว สรรพคุณจะลดลง ทว่าของเหลวจิตทำให้ผู้ฝึกฌานที่มีขั้นพลังต่ำกว่าระดับภัยพิบัติตะวันฟื้นฟูพลังกลับมาทั้งหมด กระทั่งหากตัวประหลาดระดับภัยพิบัติตะวันกินไปหนึ่งหยดเต็มๆ ก็จะได้รับสรรพคุณแบบเดียวกัน
ในช่วงเวลาสำคัญ หนึ่งหยดของเหลวจิตคือโอกาสที่จะมีชีวิตรอดหนึ่งครั้ง
หากมีผู้เชี่ยวชาญการหลอมยาใช้ของเหลวนี้เป็นยาหลัก ก็จะหลอมออกมาเป็นเม็ดยาทะเลดาราได้ และสรรพคุณต่อตัวประหลาดระดับภัยพิบัติตะวันจะยิ่งดีกว่าเดิม
‘ข้าอยากนักรู้ว่าเจ้าจะสนใจสิ่งนี้หรือไม่’ ซูหมิงมองห้องของเต้าคงและรอคอยเงียบๆ
ภายในห้องของเต้าคง เต้าคงดวงตาวาววับ จ้องของเหลวจิตที่ปรากฏบนม่านแสงเวทีประมูล ข้างหูได้ยินคลื่นเสียงเคาะประมูล สีหน้ามีความลังเลวูบผ่าน
จนกระทั่งของเหลวจิตถูกคนซื้อไปด้วยราคาเจ็ดสิบล้านหินผลึก เต้าคงก็ลอบถอนหายใจ ในใจยอมแพ้ต่อของเหลวจิตอีกสี่หยดที่กำลังประมูลต่อ
‘ถึงสิ่งนี้จะดี ทว่าต่อให้ข้าซื้อมันแล้วมอบให้ผู้อาวุโสในตระกูลก็ยังแลกเป็นผลประโยชน์ที่ไม่ได้มากมายนัก ส่วนตัวข้าใช้เอง…ในสำนักดาราสัจธรรมก็มียาคล้ายๆ แบบนี้อยู่ ถึงอย่างไรข้าก็มีขั้นพลังเพียงเจ้าปกครองโลกตอนกลาง เม็ดยาอื่นๆ ก็ทำให้พลังข้าฟื้นฟูกลับมาหลังใช้จนหมดได้เช่นกัน ไม่จำเป็นจะต้องจ่ายแพงเพื่อซื้อสิ่งนี้เลย’
เต้าคงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนส่ายศีรษะ
ของเหลวจิตอีกสี่หยดที่เหลือถูกประมูลไปแล้ว เขาก็ยังไม่เคาะประมูล เหตุการณ์นี้ทำให้ซูหมิงขมวดคิ้ว
ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว งานประมูลดำเนินงานมาเกือบครึ่ง ทว่าเต้าคงก็ยังไม่ซื้อสินค้าเสียที นี่ทำให้เขาขมวดคิ้วพลางมีสีหน้าขบคิด
ผ่านไปพักใหญ่ ซูหมิงหลับตาลงและรอต่อไป
วันที่แปด วันที่เก้า วันที่สิบ…
จนกระทั่งงานประมูลผ่านไปสิบห้าวัน ดำเนินงานมาครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ส่วนใหญ่เต้าคงจะเคาะประมูลแบบเป็นพิธีเท่านั้น ไม่เคยคิดจะซื้ออะไรจริงๆ เลย เมื่อวันที่สิบสองมาถึง ตอนที่ลานประมูลนำสมบัติล้ำค่าออกมาและสร้างความฮือฮากับผู้คนอีกครั้งนั้น ซูหมิงก็ยังไม่เห็นว่าเต้าคงจะยื้อแย่งสินค้าประมูลชิ้นนี้
เต้าคงมองสินค้าแต่ละชิ้นถูกประมูลออกไปตลอดยี่สิบวันมานี้อย่างจำใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากซื้อ เพียงแต่ว่า…..หินผลึกทั้งหมดที่เขามีจะใช้ที่นี่ไม่ได้ เขากับตระกูลหวามีการค้าขายลับๆ กันอยู่ หลังงานประมูลจบลง เขาก็จะใช้หินผลึกกับฐานะตำแหน่งว่างอีกเล็กน้อยมาแลกเอาไป
นี่คือภารกิจที่เขามาแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ส่วนงานประมูล สำหรับเขาแล้วเป็นเพียงทางผ่านเท่านั้น
“น่าเสียดาย…น่าเสียดาย…” เต้าคงถอนหายใจ หยิบแก้วสุราขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง
เวลาผ่านไปอีกครั้ง วันที่ยี่สิบสามมาถึง ซูหมิงลืมตาขึ้นช้าๆ ยังเหลืออีกเจ็ดวันงานประมูลดาวทมิฬครั้งนี้ถึงจะจบลง ถึงเจ็ดวันสุดท้ายจะมีสมบัติล้ำค่าถูกนำออกมาประมูลไม่น้อย แต่ซูหมิงก็อ่านเต้าคงออก…เขาไม่ได้คิดจะประมูลในงานครั้งนี้เลย
เจ็ดวันต่อมา ไม่ต้องให้รออีก นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นชา
‘ในเมื่อเจ้าไม่เข้าร่วมประมูล ข้าก็จะบังคับเจ้า…ให้เข้าประมูล!’ ซูหมิงยิ้มเยาะ เขาตบมือขวาบนตัว ร่างกายพลันขยับแสงวูบวาบ แล้วมีสายรุ้งยาวพร่างพราวสายหนึ่งบินออกมา ก่อนบินไปทางอวี้โหรว
“เอาของสิ่งนี้เข้าไปในอยู่การประมูล! ราคาขั้นต่ำสิบล้านหินผลึก” ซูหมิงกล่าวด้วยเสียงเย็นชา อวี้โหรวอึ้งงันไป สายตามองวัตถุสว่างพร่างพราวในมือแวบหนึ่ง แล้วก้มหน้าเดินออกจากห้องไป
ผ่านไปพักหนึ่ง ตอนที่อวี้โหรวกลับมา หลังจากลานประมูลข้างนอกวางสินค้าประมูลลงแล้ว พิธีกรงานประมูลครั้งนี้ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงติดตื่นเต้นเล็กน้อย
“วัตถุที่จะประมูลครั้งนี้ไม่ใช่สมบัติประหลาดจากทะเลดาราต้นกำเนิดจิต และก็ไม่ใช่ของแปลกจากแดนรกร้างกรรมชั่ว มัน….มาจากสี่มหาโลกแท้จริง!
ในสี่มหาโลกแท้จริง มันคือสมบัติที่น่าจับตามองที่สุดแห่งโลกแท้จริงดาราสัจธรรม สมบัติชิ้นนี้ คนนอกยากจะได้ไปครองครอง กระทั่งพูดได้ว่าหากคนนอกมีมัน สำนักดาราสัจธรรมของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมจะต้องตามล่าสังหารอย่างไม่ยอมเลิกราเป็นแน่!
เพราะว่าสมบัติล้ำค่าชนิดนี้ทุกชิ้นเป็นตัวแทนการสังหารที่ชโลมไปด้วยโลหิต เป็นตัวแทน…..การตายของคนในตระกูลสายเลือดตรงของสำนักดาราสัจธรรม!”
เมื่อเสียงผู้ดำเนินงานดังกึกก้อง ในลานประมูลพลันเงียบกริบ เดิมทีเต้าคงหลับตาอยู่ในห้อง ทว่าพอได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว เขาพลันลืมตาขึ้นและมองไป