Skip to content

สู่วิถีอสุรา 915

ตอนที่ 915 เพลงกลอนโบราณ

“มีเพลงกลอนโบราณเพลงหนึ่ง…”

“ในเพลงมีชายชราโดดเดี่ยวคนหนึ่ง….”

“ในดวงตาชายชรามีโลกกว้างใหญ่…”

“นั่นคือยุคสมัยของเหล่าวิญญาณ เป็นช่วงเวลาที่ทุกสรรพสิ่งโต้แย้งกัน…เป็นกฎการหมุนโคจรของฟ้าดินเพราะจิตใจมนุษย์…”

เสียงเบาบางพลันดังก้องในความคิดซูหมิง เสียงนั้นดูผ่านโลกมาเนิ่นนาน กระทั่งในความรู้สึกเขา เขารู้สึกรางๆ ว่าเก่าแก่กว่าซุ่ยเฉินจื่อเสียอีก

“ผู้คนคารวะชายชราคนนั้น ผู้คนใช้ของมหัศจรรย์เซ่นไหว้เขา นำสมบัติประหลาดมาถวายให้เขา…ใช้แลกกับคุณสมบัติต่อบุคคลหรือกลุ่มเพื่อให้ถูกนำไปเขียนใส่ในเพลงกลอนนั้น…”

“ในตำนาน ผู้คนหรือกลุ่มคนที่ถูกเขียนลงไปในเพลงกลอนล้วนจะคงอยู่ไม่ดับสูญตามเพลงกลอนนั้น จากคนธรรมดาจะรุ่งโรจน์ขึ้นนับจากนั้น….”

“เพียงแต่ว่า ในยุคสมัยที่ไม่รู้ผ่านมากี่ปีมาแล้ว มีเพียงสิ่งมีชีวิตเก้าชนิดสี่เผ่าพันธุ์ ของมหัศจรรย์ของพวกมันได้รับการยอมรับจากชายชรา และถูกเขียนลงในเพลงกลอนของเขา…

จากนั้นมา…สิ่งมีชีวิตเก้าชนิดรวมถึงสี่เผ่าพันธุ์ก็เริ่มตำนานอมตะของพวกมัน…”

เกิดเสียงโครมดังในจิตใจซูหมิง เสียงในความคิดแก่ชราขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้เสียงที่ดังก้องกังวานไม่หยุด ราวกับว่าจักรวาลหยุดนิ่งลงในชั่วเวลานี้ มีเพียงจิตสำนึกของเขาที่ยังเดือดพล่านอยู่ท่ามกลางเสียง

และในตอนนี้เอง ครั้นเสียงนั้นดังก้องกังวาน พลันมีเสียงครึกโครมสะเทือนจิตวิญญาณดังขึ้นในความคิด ท่ามกลางเสียงนี้ ร่างกายเขาเกิดการบิดเบี้ยวแล้วกลายเป็นน้ำวนยักษ์ในพริบตา ภายใต้การหมุนวนของน้ำวน น้ำวนดูเหมือนกับปากใหญ่กลางอากาศ ดูดซูหมิงหายไปในฟ้ากระจ่างดาว

ซูหมิงใจสั่นสะท้าน แต่กลับไม่ลนลาน เพราะเขาไม่ได้เพิ่งเคยประสบแบบนี้เป็นครั้งแรก นี่คือ…ขั้นตอนการเข้าสู่มิติเศษหิน ตอนที่โลกตรงหน้าชัดเจนขึ้น เขามองไปรอบๆ ภาพคุ้นเคยลอยขึ้นมาตรงหน้า

หมอกอบอวลอยู่รอบๆ ดูขมุกขมัว ไกลออกไปเป็นภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง ประตูระหว่างภูเขาเปิดอ้า ราวกับรอการมาถึงของเขา ทุกอย่างเป็นเหมือนกับโลกในเศษหินสีดำที่เขาเคยเห็น

เพียงแต่ว่าครั้งนี้ซูหมิงไม่ได้ตั้งใจมาเอง แต่เศษหินสีดำเกิดการเปลี่ยนแปลงมหัศจรรย์บางอย่าง ทำให้เขาถูกดูดเข้ามา

แทบเป็นช่วงที่ซูหมิงมองภูเขาใหญ่ลูกนั้น ฟ้าดินในมิติเศษหินเกิดเสียงคล้ายกับเสียงคำรามขึ้นทันที เสียงนี้เหมือนกับเสียงหายใจหนักๆ ดังก้องฟ้าดิน แผ่นดินใหญ่ก็สั่นสะเทือนขึ้นมา

ขณะเดียวกัน ซูหมิงหรี่ตาลง

เขาเห็นว่าบนฟ้าด้านหน้า กลางทะเลเมฆ มีสัตว์ร้ายประหลาดที่หลังเป็นกระดองเต่าหัวเป็นมังกรและหางเป็นงูอยู่เก้าตัว พวกมันกำลังคำรามพร้อมกับลงมาเยือนในทะเลเมฆ

พวกมันทุกตัวมีขนาดหลายพันจั้ง ลมหายใจหนักๆ นั้นก็มาจากปากพวกมัน บนตัวมีโซ่เก้าเส้นพันรอบตัว พอพวกมันลงมาเยือน โซ่เก้าเส้นนั้นถูกดึงเป็นเส้นตรง เหมือนกับว่าในทะเลเมฆมีวัตถุมหัศจรรย์บางอย่าง และเต่าทมิฬเก้าตัวนี้กำลังดึงวัตถุมหัศจรรย์นั้น

เมื่อเสียงคำรามดังขึ้นเรื่อยๆ ซูหมิงก็เริ่มเห็นว่าในทะเลเมฆมี…ภูเขาลูกหนึ่งถูกดึงออกมา สุดท้ายเมื่อภูเขามากกว่าครึ่งถูกดึงออกมาจากในทะเลเมฆแล้ว เสียงโครมก็ดังขึ้น ภูเขาลูกนี้ตกลงสู่พื้นดิน

ภูเขาใหญ่แบบนี้ ความรู้สึกสูงและยิ่งใหญ่ของมันเหนือกว่ายอดเขาลูกแรกที่เห็นก่อนหน้านี้ กระทั่งเอาสองยอดเขามาเปรียบกันยังเหมือนกับคนยักษ์และเด็กน้อย

ความใหญ่ของยอดเขาที่สองคือหลายเท่าของยอดเขาลูกแรก ด้านบนเขามีประตูหินยักษ์อยู่เช่นกัน บนประตูมีอักษรใหญ่โบราณเขียนไว้หลายตัว

ความรู้สึกอึมครึมแผ่กระจายมาจากตัวอักษรใหญ่เหล่านั้นอย่างรุนแรงมาก ทำให้วินาทีที่ซูหมิงเห็น กระทั่งมีความรู้สึกว่าจิตวิญญาณและร่างกายจะถูกอักษรโบราณเหล่านั้นทำให้เน่าสลาย

ซูหมิงใจสั่นสะท้าน สายตามองอักษรเหล่านั้น ทันทีที่มองไป เขาย่อมเข้าใจว่าอักษรเหล่านั้นมีความหมายอะไร

บำรุง…วิญญาณสูญสลาย

เหล่าวิญญาณตกต่ำ ตามความหมายแห่งการเน่าสลาย! แต่คำว่าบำรุงข้างหน้ากลับทำให้เขาลังเลใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร

ขณะเดียวกัน หลังจากภูเขาลูกที่สองมาถึง เต่าทมิฬยักษ์เก้าตัวที่ลากภูเขาออกมาจากทะเลเมฆ โซ่บนตัวพวกมันก็ค่อยๆ หายไป เหมือนว่าอีกไม่นานโซ่เหล่านี้จะหายไปจนหมด ราวกับว่าพวกมัน…มีอิสระได้แล้ว ความตกใจระคนดีใจ ความฮึกเหิมและตื่นเต้นเผยออกมาทางสีหน้าเต่าเก้าตัวนี้อย่างชัดเจนโดยไม่ปิดบังไว้

ยามนี้ในใจซูหมิงสั่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง เขาไม่คิดเลยว่าในเศษหินสีดำจะมียอดเขาลูกที่สองอยู่ อีกทั้งยังปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้

เขาในเวลานี้ไม่ใช่เด็กอย่างตอนนั้นอีก ประสบการณ์ทำให้จิตใจเขาแน่วแน่อย่างยิ่ง เส้นทางคดเคี้ยวในชีวิตทำให้ความคิดและปัญญาได้รับทักษะมา

‘มียอดเขาลูกที่สอง เช่นนั้นก็ต้องมีลูกที่สาม อีกทั้งดูจากตอนที่ยอดเขาที่สองปรากฏแล้ว เห็นได้ชัดว่า…เกิดจากการที่ข้าสูบกินจุดแสงสีฟ้าอ่อนของสัตว์คลื่นเสียงนี่คือจุดสำคัญ!’

ดวงตาซูหมิงแวววาว เขาเปิดประตูใหญ่ของยอดเขาแรกในมิติเศษหินไปเพียงไม่กี่บานเท่านั้น ไม่รู้ว่าข้างหลังยังมีอีกเท่าไร อีกอย่างตอนนี้ในตัวเขาไม่มีเม็ดโอสถเพียงพอด้วย ดังนั้นตอนนี้จึงไม่เลือกไปยอดเขาลูกแรกต่อ

‘จุดสำคัญในการปรากฏยอดเขาที่สองคือวิญญาณหลังจากสัตว์คลื่นเสียงตายไป นามของยอดเขาที่สองนี้คือวิญญาณสูญสลาย ถ้าอย่างนั้น…ข้าน่าจะเข้าใจแล้วว่าในยอดเขาที่สองมีอะไร’

ซูหมิงตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ สายตามองเต่าทมิฬเก้าตัวที่โซ่บนตัวหายไปเกือบครึ่งแล้ว นัยน์ตาเขาขยับประกาย ก่อนจะเดินไปทางประตูใหญ่ของยอดเขาที่สองอย่างไม่ลังเล

หมอกบนพื้นดินราวกับทะเล ซูหมิงเดินอยู่ในหมอกหมุนตลบนั้น ภูเขาที่สองเหมือนไม่ไกล แต่พอเดินไปจริงๆ ก็พอมีระยะอยู่บ้าง ครู่ต่อมาตอนที่มาถึงใต้ยอดเขาที่สอง เขาเงยหน้าขึ้น ความรู้สึกตื่นตกใจผุดขึ้นในใจ

เทียบกับภูเขานี้แล้วตัวเขาดุจดั่งมดปลวก ต่อให้เทียบกับประตูใหญ่กลางภูเขาเขาก็ยังเล็กจ้อยมากอยู่ดี เขาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าประตูหินยอดเขาที่สองตามประสบการณ์ ยกมือขวาวางลงด้านบน

แทบเป็นช่วงที่เขาวางมือบนประตูหินก็เกิดเสียงครึกโครมดังก้องฟ้าดิน เสียงระเบิดดังสนั่นกระจายออกไม่หยุดหย่อน ประตูหินยอดเขาที่สองตรงหน้าเขาเปิดอ้าออก

เขายืนอยู่ที่เดิม รู้สึกถึงสายลมหนาวพัดออกมาจากซอดประตูหินที่กำลังเปิด มันพัดเส้นผมยาวเขา พัดอาภรณ์กระพือพึ่บพั่บ ในสายลมเหมือนจะมาพร้อมด้วยเสียงพึมพำไม่ชัดเจน ประหนึ่งว่ากำลังเล่าความโบราณในอดีต…

ซูหมิงมองประตูหินเปิดอ้าจนครบอย่างเงียบๆ ประกายวาวในแววตาวูบไหว ตรงหน้าเขาเป็นถ้ำภูเขายักษ์ ข้างในมืดมิด ไม่มีแสงสว่างใดๆ มีเพียงสายลมที่ให้ความรู้สึกเน่าผุพัดผ่านเส้นผม

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนเดินหน้าไปหนึ่งก้าว

ทันทีที่เหยียบเท้าลง โดยรอบเส้นทางนี้พลันปรากฏแสงหม่น นั่นคือแสงสว่างจากตะเกียง มันส่องสะท้อนเส้นทางอยู่ในแสง ถึงจะมีความรู้สึกอึมครึมอยู่มาก แต่ก็ทำให้ซูหมิงมองเห็นรอบๆ อย่างชัดเจน

ช่วงที่มองเห็นรอบๆ ชัดเจน ซูหมิงหรี่ตาลงทันที เท้าที่ยกอยู่หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเห็นว่าบนผนังรอบๆ มีภาพสัญลักษณ์หลายภาพ ภาพที่แกะสลักไว้ด้านบนมี…..สัตว์คลื่นเสียงอยู่นับไม่ถ้วน!

สัตว์คลื่นเสียงเหล่านี้สมจริงดั่งมีชีวิต ทุกตัวมีสีหน้าดุร้าย คล้ายกับว่าจะพุ่งออกมาจากภาพ สร้างเป็นแรงปะทะต่อสายตาอย่างรุนแรง

ตรงสุดปลายเส้นทางนี้ ซูหมิงเห็นประตูบานแรกในเส้นทางภูเขาลูกที่สอง!

บนประตูหิน ตอนนี้ตรงกลางมีจุดแสงสีฟ้าอ่อนอยู่ จุดแสงนี้ขยับวูบวาบ ทุกครั้งที่ขยับแสง มันจะกระจายเส้นถี่สีฟ้าอ่อนนับไม่ถ้วนออกไปรอบๆ ประดุจใยแมงมุมปกคลุมทั้งประตูหิน

ซูหมิงเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินหน้าไปยังประตูตรงสุดทาง ครู่ต่อมาเมื่อเดินมาอยู่ข้างประตูหินแล้ว เขาก็ใคร่ครวญอยู่เล็กน้อย แล้วยกมือขวากดประตูตามประสบการณ์ที่ผ่านมา

ช่วงที่มือสัมผัสกับประตูหิน เส้นผมยาวพลันปลิวไสว ดวงตาเพ่งมอง

“ในเพลงกลอนโบราณ…สุดท้ายแล้วชายชราคนนั้นหลับตาลง”

“สิ่งมีชีวิตเก้าชนิดสี่เผ่าพันธุ์ กลายเป็นชีวิตนิรันดร์ไม่สูญสลายในเพลงกลอน…”

“ชายชรากลายเป็นรูปปั้น สีรูปปั้นนั้นคือสีดำ เขา…แตกหักแล้ว กลายเป็นสิบสามชิ้นหายไปในฟ้าดิน…”

“ก่อนหน้าที่มันจะหายไป สิ่งมีชีวิตเก้าชนิดสี่เผ่าพันธุ์นั้น ในจิตสำนึกดังก้องไปด้วยคำว่า…เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต”

“นี่คือวัฏจักร นี่คือ…จากมีสู่ไม่มีของดวงจิตฟ้าดิน และก็เป็น….จากไม่มีสู่มี”

“ยินดีต้อนรับเจ้ากลับมา เจ้าที่มีสายเลือดเผ่ายมโลกรวมถึงดวงจิตเอ้อชาง เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตถือกำเนิดใหม่เพราะเจ้า…”

“วิญญาณแรกที่เจ้าเซ่นไหว้คือวิญญาณสัตว์คลื่นเสียง วิญญาณนี้มีข้อบกพร่อง พาจุดบกพร่องของมันให้พบ จึงจะสามารถฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้ได้…เจ้ามีเวลาไม่มีสิ้นสุด ใช้เม็ดโอสถที่เซ่นไหว้ไปก่อนหน้านี้กลั่นออกมาเป็นวิญญาณสูญสลายที่สามารถกระตุ้นข้อบกพร่องของวิญญาณนี้ หากละทิ้ง…จะเป็นการบำรุงก้าวแรกของวิญญาณแห่งการทำลายล้างชีวิต จะเลือกวิญญาณแห่งสัตว์คลื่นเสียงไม่ได้”

เสียงพึมพำดังก้องในความคิดซูหมิง เสียงนี้เหมือนกับตกทอดมาจากยุคโบราณ ตอนนี้เสียงค่อยๆ เลือนหายไป ทันทีที่หายไปสิ้น ความคิดซูหมิงพลันสั่นสะท้าน

แรงดูดมหาศาลแผ่มาจากในประตูหิน ไม่ได้ดูดร่างกายซูหมิง แต่ดูดดวงจิตเขา

แรงดูดที่ไม่อาจต่อต้านทำให้เขาหลับตาลงในพริบตา

ร่างกายยังอยู่ตรงนี้ มือยังสัมผัสกับประตู ทว่าวิญญาณถูกดูดเข้าไปในประตูหิน ตกอยู่ในห้วงยุคสมัยโบราณสำหรับเขา

ที่นั่นคือฟ้ากระจ่างดาวที่ไม่มีดวงดาว มีเรือโบราณลำใหญ่สูดลูกหูลูกตาลอยอยู่กลางฟ้า ชายชราคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหัวเรือ เขามองผืนฟ้าดวงดาวอย่างเงียบๆ แน่นิ่งไม่ขยับไหว

ซูหมิงมองไกลออกไปก็เห็นตัวเอง เขาในตอนนี้คือชายชราคนนั้น

กลางฟ้ากระจ่างดาว มีจุดสีดำกำลังบินเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันคือกระเรียนตัวหนึ่ง มีสีหน้าหยิ่งยโสและต่ำทราม ดูมีนิสัยที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาง่ายๆ

มันกำลังกระพือปีกบินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ด้านหลังมันมี…สัตว์คลื่นเสียงหลายแสนตัวถูกตาข่ายยักษ์ขังเอาไว้ และถูกกระเรียนตัวนี้ลากเข้ามา

“นี่ ตาแก่ ครั้งนี้ข้าเอาของเซ่นไหว้มาให้เจ้ามากกว่าครึ่งกลุ่มเชียว”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version