Skip to content

สู่วิถีอสุรา 918

ตอนที่ 918 กลับมา

ชั่วขณะที่ซูหมิงยืนขึ้น ในมิติหยุดนิ่งนี้พลันเกิดรอยแยกเล็กๆ หลายสาย เสียงกึกๆ ดังก้อง ก่อนที่โลกจะแตกออกรอบตัวซูหมิงดุจดั่งกระจก

ร่างซูหมิงก็แตกเป็นเสี่ยงๆ เช่นกัน จนกระทั่งกลายเป็นเศษชิ้นส่วนหายไปในความว่างเปล่าอันไกลโพ้น

แทบเป็นช่วงที่ร่างซูหมิงหายไป ในมิติเศษหินสีดำ เส้นทางกลางยอดเขาที่สอง หน้าประตูภูเขาบานยักษ์ ซูหมิงที่กดมือขวาบนประตูหินพลันตัวสั่นสะท้าน

เขาพลันลืมตาขึ้น และยังสูดลมหายใจเข้าลึก ราวกับว่าวิญญาณกลับคืนสู่ร่าง

ตอนแรกหน้าเขาเปลี่ยนสีก่อน มือขวาที่กดประตูหินยังสั่นไหวอย่างไร้การควบคุม กระทั่งในความรู้สึกเขา วิญญาณกับร่างกายตนเหมือนจะไม่ประสานกันนัก ทำให้เขาเกิดความรู้สึกแปลกอย่างยิ่ง

ความรู้สึกนี้ส่วนน้อยมาจากร่างกาย แต่ส่วนใหญ่…กลับเป็นการไหลเวียนของเวลา

ถึงแม้มิติมายานั้นกับที่นี่ต่างกัน แต่ซูหมิงอยู่ตรงจุดที่ตัดสลับกันพอดี เขากลับมาที่นี่จากมิติที่หยุดนิ่ง ย่อมต้องเกิดความรู้สึกไม่คุ้นชินอย่างชัดเจนแน่นอน

เขาก้มหน้ามองมือขวาตัวเอง มองมือขวาที่กำลังสั่นไหว ท่ามกลางความเงียบงัน จิตใจเขาสงบลงช้าๆ ดวงตามีประกายวูบวาบ

‘ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ปีกันแน่ในมิติมายานั่น ถึงมันจะหยุดนิ่ง แต่การตกตะกอนของเวลาในนั้นก็ยังให้ความรู้สึกว่าผ่านโลกมาเนิ่นนานอยู่…ในตำรับยาแปดหมื่นกว่าชนิดที่ใช้เฉพาะกับสัตว์คลื่นเสียง ในที่สุดข้าก็กลั่นออกมาเป็นเม็ดยาคลื่นเสียงได้!’

ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก สายตามองประตูหิน ดวงตาวาววับ เขาเดินหน้าไปหนึ่งก้าว แล้วยกมือขวากดตรงประตูหิน

แทบเป็นช่วงที่มือขวาสัมผัสประตูหิน ประตูหินพลันเกิดเสียงโครม เส้นแสงที่แผ่ออกไปรอบๆ จุดแสงสีฟ้าอ่อนราวกับใยแมงมุมหดตัวกลับมาทันที เมื่อหดรวมเป็นจุดหนึ่งแล้วก็กลายเป็นน้ำวนสีฟ้าอ่อน

ขณะเดียวกัน เม็ดโอสถก็บินออกจากน้ำวนทีละเม็ดมาลอยอยู่ตรงหน้าเขา เม็ดโอสถเหล่านี้ก็คือเครื่องเซ่นไหว้ของเขาเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว และก็เป็นวัตถุดิบจำนวนไม่มีจำกัดที่เขาใช้ทดลองในมิติมายา

แต่จะเห็นได้ว่าเม็ดโอสถในครั้งนี้ไม่ใช่ไม่มีจำกัดอีก แต่มีเพียงเท่านี้

ทว่าสำหรับซูหมิง ถึงมันจะมีจำกัดก็ไม่เป็นอะไรเลย เพราะเขาหาส่วนประกอบยาที่สมบูรณ์แบบพบแล้ว หลอมครั้งเดียวก็สำเร็จได้

เขากวาดสายตามองเม็ดโอสถเหล่านี้ ก่อนยกมือขวาสะบัด หยิบเม็ดโอสถเม็ดหนึ่งมา ครั้นบีบให้แตกแล้วก็ดึงเปลือกออก จากนั้นหยิบโอสถมาอีกเม็ด บีบออกไปสามส่วน ใช้วิธีซับซ้อนต่างๆ สุดท้ายมือขวาก็มีเปลวไฟลอยขึ้นมาตามวิธีการหลอมยาที่ตนทดลอง ครึ่งชั่วยามต่อมาก็หลอมอย่างชำนาญออกมาเป็น…เม็ดยาคลื่นเสียงเม็ดหนึ่ง

เม็ดยานี้มีสีแดงดั่งโลหิต ดูไปแล้วน่าสะพรึงกลัว ราวกับว่ามันไม่ใช่ยา แต่เป็นลูกโลหิต กลิ่นอายชั่วร้ายแผ่มาจากเม็ดยาคลื่นเสียง และยังมีกลิ่นหอมเข้มข้นกระจายไปโดยรอบ

หากดมกลิ่นหอมนี้คราหนึ่งจะต้องเคลิบเคลิ้มแน่นอน แต่หากดมหลายที จะกลายเป็นการอาเจียนจากในร่างกายอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้ เหมือนอยากจะอาเจียนอวัยวะภายในออกมา

“สัตว์คลื่นเสียง แซ่ซูกลับมาแล้ว” นัยน์ตาซูหมิงฉายจิตสังหาร ขยับวูบไหวตัวกลายเป็นสายรุ้งยาวออกจากเส้นทางเดิน ออกจากภูเขาลูกที่สอง ออกจาก…มิติของเศษหิน

นอกเขตทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ฟ้ากระจ่างดาวที่มีธารดาราสว่างพร่างพราวเป็นบางครั้ง มีเสียงคำรามคล้ายเด็กทารกดังกึกก้อง หากมองจากข้างบนได้ จะเห็นชัดว่าที่นี่มีสัตว์คลื่นเสียงอยู่แสนกว่าตัว ขนาดสิบจั้ง ร้อยจั้ง กระทั่งพันจั้ง ล้วนมีสีหน้าคลุ้มคลั่ง ทั้งยังมีความละโมบและกระหายเลือด

มีเรือรบสิบสามลำถูกสัตว์คลื่นเสียงแสนกว่าตัวล้อมไว้ ท่ามกลางเสียงคำรามและบ้าคลั่ง สัตว์คลื่นเสียงเหล่านี้กำลังพุ่งโจมตีใส่เรือรบสิบสามลำทีละครั้ง

ผู้ฝึกฌานหลายพันคนขวางพวกมันเอาไว้ พวกเขาทุกคนล้วนมีสีหน้าเหนื่อยล้า มีบาดแผลเบาหนักต่างกัน ทว่าพวกเขากลับไม่ถอยแม้แต่น้อย แต่ยังคงกัดฟันยืนหยัด ถึงพลังใกล้จะหมด ถึงของวิเศษจะพังไปแล้ว ถึงจะไม่มีหวังก็ตาม

ทว่า พวกเขาก็ยังอยู่

เก้าผู้เฒ่ายมโลกหรือชายชราเก้าคนที่เดิมทีหลับตา ตอนนี้ลืมตาขึ้นแล้ว แสงสีขาวเปล่งวาบจากดวงตา ขั้นพลังพวกเขาพลันบรรลุถึงเจ้าปกครองโลกตอนปลาย พวกเขาล้อมอยู่เก้าตำแหน่งรอบเรือรบสิบสามลำ กำลังต้านการโจมตีของสัตว์คลื่นเสียงอย่างสุดกำลัง

หากไม่มีพวกเขาเก้าคน สัตว์คลื่นเสียงคงจะกระโจนเข้ามานานแล้ว และจมเรือรบสิบสามลำรวมถึงผู้ฝึกฌานทั้งหมด

ทว่าต่อให้เป็นอย่างนั้น แต่ด้วยการโจมตีหลายครั้งของสัตว์คลื่นเสียง จึงมีผู้ฝึกฌานตายไปอย่างต่อเนื่อง ร่างพวกเขาถูกสัตว์คลื่นเสียงฉีก และยังถูกกัดกินเป็นอาหารต่อหน้าผู้ฝึกฌานทุกคน

ภาพกลิ่นคาวเลือดมาพร้อมความน่าตกใจ และยังมีความสิ้นหวัง

ความเร็วของหญิงแมวตอนนี้บรรลุถึงขีดจำกัดแล้ว นางวนรอบเรือรบสิบสามลำ และคลี่คลายภยันตรายไปหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงสังหารเพื่อผ่อนแรงกดดันลงด้วย

นางปกป้องเรือรบหลายครั้ง ให้มันระเบิดลำแสงที่สามารถทำลายทุกสิ่งอย่างออกมา ทว่า…..ทุกครั้งจะทำลายได้เพียงหมอกของสัตว์คลื่นเสียง ไม่อาจเข้าไปทำลายถึงตัวพวกมัน

ถึงอย่างไรสัตว์คลื่นเสียงก็มีมากเกินไป จำนวนแสนกว่าตัวอาจกล่าวได้ว่าไม่ได้มากมายนัก แต่หากเจอจริงๆ ก็จะเห็นเป็นสุดลูกหูลูกตา

ไกลออกไปมีสัตว์คลื่นเสียงแปดพันจั้งสองตัวกำลังคำรามเข้ามา ทั่วร่างแผ่หมอกมหาศาล หมอกนั้นประหนึ่งคลื่นทะเลจริงๆ มันโจมตีไปรอบๆ ตรงหน้าพวกมันก็คือ…สวี่ฮุ่ยที่มีสิบเจ็ดร่าง

สวี่ฮุ่ยหน้าซีดขาว ขั้นพลังของนางยากจะรับมือกับความแกร่งระดับภัยพิบัติจันทราสองตัว ต่อให้สัตว์คลื่นเสียงเป็นสัตว์ร้าย มีอภินิหารไม่เท่ากับผู้ฝึกฌาน แต่พวกมันที่มีขนาดพันจั้งสองตัวก็สร้างแรงกดดันให้นางอย่างใหญ่หลวง

นางถูกกดอย่างหนัก กระทั่งมีหลายครั้งค่อนข้างอันตราย ถึงยามนี้จะยังฝืนยืนหยัดอยู่ แต่ก็ได้อีกไม่นานนัก และที่สำคัญกว่าคือ…ไกลออกไปอีก สัตว์คลื่นเสียงหมื่นจั้งบนหินผุพังยักษ์ที่กำลังลอยอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาว มันกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเกียจคร้าน แววตาเย็นชาและแฝงด้วยการเย้ยเยาะ สายตากวาดมองจากสวี่ฮุ่ยไปยังผู้ฝึกฌานทั้งหมด

ข้างกายมันยังมีสัตว์คลื่นเสียงขนาดแปดพันจั้งอีกสองตัว หากพวกมันลงมือ สวี่ฮุ่ยคงต้านไม่ไหว

นางหน้าขาวซีด ในใจนึกโกรธ นางไม่ได้โกรธสัตว์คลื่นเสียง แต่….เป็นซูหมิงหรือก็คือเต้าคง

ก่อนหน้านี้มุมมองของนางต่อซูหมิงยังเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัวจากการที่อีกฝ่ายเลือกอยู่ต่อและยังลงมือเอง แต่นางไม่คิดเลยว่า ทุกอย่างจะเป็นเรื่องลวงหลอก นิสัยเต้าคงไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ เขายังเป็นคนใจดำ เสแสร้ง และปลิ้นปล้อน คำพูดดูสง่าผ่าเผย แต่ความจริง…ตอนที่พุ่งออกไป ไม่รู้ว่าใช้วิธีใดถึงหายไปแล้ว

แม้จะไม่เห็นระลอกคลื่นอาคมเคลื่อนย้าย แต่การหายตัวไปของเต้าคง นอกจากอาคมเคลื่อนย้ายแล้วก็ไม่มีคำอธิบายใดอีก

นอกจากความโกรธแล้ว สวี่ฮุ่ยยังเสียใจและผิดหวัง นางรู้ว่าดวงชะตาชีวิตตนผูกกับเต้าคงแล้ว ไม่อาจแก้ออกได้ ตนถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องเป็นคู่ชีวิตอีกฝ่าย นางเคยลองเปลี่ยนแต่กลับทำไม่สำเร็จ และก็เคยอยากเปลี่ยนเต้าคง แต่ก็ยังล้มเหลว

ตอนนี้เห็นเต้าคงหนีไปคนเดียว ความผิดหวังในใจทำให้หน้าขาวซีดของนางมีความขมขื่นและอ้างว้าง

เทียบกับความขมขื่นของนางแล้ว ผู้ฝึกฌานบนเรือสิบสามลำที่ถูกล้อมอยู่ต่างเงียบ พวกเขาไม่ร้องคำราม ไม่ยิ้มเจื่อน แต่ใช้ชีวิตสู้กับสัตว์คลื่นเสียงเงียบๆ

ส่วนเก้าผู้เฒ่ายมโลก คนอื่นไม่อาจล่วงรู้ในใจพวกเขา เพียงแต่พวกเขาจะมองตรงจุดที่ซูหมิงหายไปเป็นบางครั้ง เห็นรางๆ ว่าบางทีพวกเขาอาจจะผิดหวัง อาจจะสับสน

พวกเขาเก้าคนเหนื่อยล้ามากแล้ว การเข่นฆ่าไม่หยุดนี้ ถึงพวกเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่การที่พลังเหือดหาย การทรมานจิตใจและพลานุภาพของสัตว์คลื่นเสียงหมื่นจั้งที่อยู่ไกลๆ และที่สำคัญสุดคือความสิ้นหวังที่ไร้ความหวัง สิ่งเหล่านี้เป็นยาพิษที่รุนแรงที่สุด เป็นพิษที่ลบล้างจิตใจแน่วแน่ของทุกคน

ซูหมิงหายไปราวครึ่งชั่วยามแล้ว ครึ่งชั่วยามนี้ระดับความดุเดือดของสงครามมากเกินกว่าก่อนหน้านี้ บรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว

หากไม่มีกำลังเสริมมาช่วย บางที…พวกเขาอาจยังยืนหยัดต่อไปได้ ทว่าสัตว์คลื่นเสียงหมื่นจั้งที่อยู่ไกลๆ เหมือนจะหยอกเย้าพอแล้ว มันยกมือขวาขึ้น สัตว์คลื่นเสียงสองตัวข้างกายเงยหน้าขึ้น ยิ้มเยาะพร้อมกับคำรามเสียงสะเทือนนภา จากนั้นจึงกลายเป็นสายรุ้งยาวสองสายพุ่งไปยัง….เรือรบสิบสามลำ

พวกมันมาเพื่อจบการล่าครั้งนี้

ในดวงตาสีขาวของเก้าผู้เฒ่ายมโลกเรียบนิ่ง คือความสงบนิ่งที่มองทะลุความเป็นตายทุกอย่างก่อนตาย หญิงแมวตัวสั่น ยิ้มเฝื่อน และเตรียมตัวตายแล้ว อยู่แบบนี้สู้ตายเสียยังดีกว่า เพียงแต่ว่านางรู้สึกเสียใจที่ไม่มีโอกาสชดเชยในส่วนที่ขาด

“สหายสวี่ พวกข้าจะเผาวิญญาณระเบิดตัวเอง จะใช้โอกาสนี้เปิดเส้นทางหนีให้กับเจ้า ถึงตอนนั้นเจ้าจงหนีไปให้เร็วที่สุด…..” เสียงเก้าผู้เฒ่ายมโลกดังก้องในใจสวี่ฮุ่ย

“ไม่ใช่เพียงแค่พวกเราเก้าคน ยังมีผู้ฝึกฌานสำนักดาราสัจธรรมทั้งหมดรวมถึงเรือรบสิบสามลำด้วย พวกเขาจะระเบิดตัวเอง พวกเราจะเดินสู่ความตายพร้อมกัน น่าจะให้เจ้าหนีไปได้”

“ตามหานายน้อย อย่าโทษเขา เขายังเป็นเด็กคนหนึ่ง เขายังต้องฝึกฝนและเติบโต พวกข้าเก้าคน…..ขออวยพรให้พวกเจ้ามีความสุข…..จากนี้นายน้อยจะเกี่ยวดองกับสหายสวี่แล้ว เขาเอาแต่ใจตัวเองเล็กน้อย หวังว่าสหายสวี่จะช่วยดูแลด้วย หาเขา พาเขา….กลับสำนักดาราสัจธรรม”

สวี่ฮุ่ยใจสั่นไหว เก้าผู้เฒ่ายมโลกไม่เคยสนใจนางเลย นางเองก็ดูถูกผู้ฝึกฌานดั่งทาสชราเก้าคนนี้เช่นกัน ระหว่างกันแทบจะไม่เคยมีการสนทนาใดๆ ทว่าตอนนี้ทั้งเก้าคนกลับใจหนักแน่นเช่นนี้ ใช้ความตายพร้อมกันมาสร้างโอกาสให้นางหนีไป

เวลานี้สัตว์คลื่นเสียงพันจั้งสองตัวเข้ามาใกล้แล้ว แรงกดดันถาโถมเข้ามา ขณะที่ชายชราเก้าคนจะระเบิดตัวเอง รวมถึงเรือรบสิบสามลำจะระเบิดและผู้ฝึกฌานทั้งหมดจะเดินไปสู่ความตายพร้อมกับสัตว์คลื่นเสียงจำนวนมากนั้น ทันใดนั้นเอง…

แสงสีขาวสว้างจ้าขึ้นตรงจุดที่ซูหมิงหายไปก่อนหน้านี้ เปล่งแสงขึ้นกลางอากาศ วูบเดียวก็ดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกฌานทั้งหมด รวมถึงความสนใจของสัตว์คลื่นเสียงทั้งหมดด้วย

สวี่ฮุ่ยมองไป ดึงดูดสายตาเก้าผู้เฒ่ายมโลก ทั้งยังทำให้สัตว์คลื่นเสียงพันจั้งสองตัวนั้นประหลาดใจ ส่วนตัวที่ใหญ่ขนาดหมื่นจั้งก็เพ่งมองไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version