Skip to content

สู่วิถีอสุรา 925

ตอนที่ 925 ขอบคุณ

ได้มองเทวรูปเชมันของชายร่างผอมบางแบบใกล้เช่นนี้ ซูหมิงจึงเห็นเส้นผมและขนสีดำของคนยักษ์อย่างชัดเจน เขาสวมอาภรณ์หนังสัตว์หยาบ มีกลิ่นอายป่าเถื่อนโชยเข้ามากระทบใบหน้า

ตรงหัวยุ่งเหยิงมีชายชราเสื้อคลุมดำนั่งขัดสมาธิอยู่คนหนึ่ง เสื้อคลุมดำปกปิดใบหน้าเอาไว้จึงมองเห็นใบหน้าไม่ชัด แต่มองเพียงแวบเดียว เขาก็รู้แล้วว่านั่นคืออาจารย์!

ทว่าเทวรูปเชมันในครั้งนี้ เสื้อคลุมอาจารย์เป็นสีดำ ต่างกับก่อนหน้านี้ จึงทำให้ซูหมิงใจสั่นไหว

ในเวลาเดียวกัน ทั่วตัวชายร่างผอมบางมีเส้นเลือดดำปูดนูน เขาร้องคำราม ฉับพลันนั้นร่างเงาคนยักษ์ข้างหลังก็ยกมือขวายักษ์ขึ้นชกหมัดใส่ซูหมิง

แทบเป็นช่วงที่ชกหมัดเข้ามา ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าว พริบตาที่ต่างฝ่ายต่างปะทะกัน ร่างเงาซูหมิงกลับหายไป แล้วมาปรากฏอยู่บนหัวคนยักษ์มายาด้านข้างเทียนเสียจื่อในชุดคลุมดำ

กลิ่นอายคุ้นเคย ความรู้สึกคุ้นเคย ทำให้ซูหมิงในตอนนี้ลืมว่าตนอยู่ที่ใด เขามองชายชรา แม้จะเป็นเพียงร่างมายา แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นภาพที่เขาอยากรักษาไว้

‘อาจารย์…’ ซูหมิงเงียบ ก่อนคารวะชายชราเสื้อคลุมดำที่นั่งฌานอยู่บนหัวคนยักษ์

แต่ยังไม่ทันคารวะเสร็จ ชายร่างผอมบางก็ตะโกนมาอีกครั้ง ตรงหน้าผากเขาปรากฏภาพสัญลักษณ์อย่างรวดเร็ว นั่นคือภาพยอดเขาลูกหนึ่ง

หลังจากภาพนั้น ทั้งตัวเขาพลันระเบิดคลื่นแหลมคมตรงไปหาซูหมิง มองไกลๆ จะเหมือนว่าเขากลายเป็นปลายยอดเขา ใช้ร่างกายตัวเองพุ่งชนซูหมิง

ซูหมิงขมวดคิ้ว หมุนตัวกลับพลางยกมือขวาขึ้น ขณะกำลังจะตบลงเขาเห็นภาพตรงระหว่างคิ้วชายร่างผอมบาง มองไปแวบแรก เขาใจสั่นไหวทันที ฝ่ามือที่กำลังจะสะบัดไปลดแรงลงมากกว่าครึ่ง

เสียงโครมดังขึ้น ซูหมิงไม่ขยับเขยื้อน แต่ชายร่างผอมบางกลับกระอักเลือด ร่างกระเด็นถอยไปติดกัน สายตาที่มองซูหมิงมีความสงสัย ระหว่างที่เขาถอยไปอย่างรวดเร็ว ห้านิ้วมือขวาปล่อยควันดำออกมาห้าสาย หลังจากเปลี่ยนไปหลายครั้งประหนึ่งประสานสัญลักษณ์มือแล้ว ก็ชี้ไปยังโครงกระดูกไกลๆ ตรงที่เขาเคยอยู่ก่อนหน้านี้

ทั่วร่างโครงกระดูกสั่นสะท้าน มีเพลิงแสงหม่นลอยมาจากในรอยแตกกระดูก หนำซ้ำตัวมันยังสั่นไหว ระหว่างนั้นยังยกกระดูกขึ้น ในเวลาเดียวกันแสงเพลิงหม่นลุกลามไป เชื่อมกับทั้งโครงกระดูก จากนั้นสัตว์กระดูกตัวนี้ก็ยืนขึ้นกลางฟ้ากระจ่างดาว

นี่คือสัตว์กระดูกที่ตอนมีชีวิตและมีปีก หลังยืนขึ้นแล้ว สองข้างของตัวมันมีปีกสยายออกมา ก่อนจะพุ่งทะยานไปข้างหน้า ใช้ความเร็วคล้ายในพริบตามาอยู่ใต้ร่างชายร่างผอมบาง หลังยันชายผู้นี้เอาไว้แล้ว มันก็พุ่งเข้าไปในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต เสี้ยวลมหายใจเดียวก็บินไกลออกไป

·ซูหมิงยืนเหม่อมองอยู่ตรงนั้น สิ่งที่ลอยขึ้นมาในความคิดคือภาพตรงหว่างคิ้วชายร่างผอมบาง ยอดเขาที่คุ้นเคยนั้นคือ…ยอดเขาลำดับเก้า!

ซูหมิงยากจะระงับความตื่นเต้นในใจ หากก่อนหน้านี้ที่เห็นร่างเงาอาจารย์เขาก็เกิดการคาดเดาอยู่บ้าง เช่นนั้นตอนนี้เห็นยอดเขาลำดับเก้า เขามั่นใจอย่างยิ่งแล้วว่าอาจารย์…..จะต้องมาที่นี่แน่นอน กระทั่งอยู่ที่นี่นานมาก มิเช่นนั้นแล้วไม่มีทางสร้างชนเผ่าหนึ่งขึ้นได้!

อีกทั้งมีความเป็นไปได้สูงมากที่อาจารย์…จะอยู่ในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต!

พอนึกถึงตรงนี้ ดวงตาซูหมิงเป็นประกาย เขามุ่งหน้าไปในพริบตา ก่อนหน้านี้ตอนที่ซูหมิงสู้กับชายร่างผอมบาง กระเรียนขนร่วงกับมังกรยมโลกวิ่งมาถึงกระดูกเหล่านั้นแล้วค้นไปค้นมา ตอนนี้เห็นซูหมิงบินไปไกลแล้วจึงรีบตามไป

เวลานี้ซูหมิงใช้การเคลื่อนย้ายของชื่อหั่วโหว ตัวเขาขยับวูบหายวับไปแล้วมาปรากฏอยู่ห่างไกลยิ่ง เห็นชายร่างผอมบนสัตว์กระดูกที่อยู่ไม่ไกลกำลังจ้องตนตาเขม็ง

“หากข้าคิดจะสังหารเจ้า คงไม่ให้เจ้าหนีมาไกลเพียงนี้ ข้ามีคำถามสามข้อ หากเจ้าตอบข้า ข้าจะมอบอิสระให้” ซูหมิงกล่าวเรียบนิ่ง

ชายร่างผอมบางมีสีหน้าลังเลใจ อ้าปากกำลังจะกล่าวก็หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน มวลอากาศฟ้ากระจ่างดาวด้านหลังปรากฏน้ำวนขึ้น คล้ายกับปากใหญ่เขมือบสัตว์กระดูกไป แม้แต่ตัวเขายังถูกกินเข้าไปด้วย

ภาพนี้เกิดกะทันหันอย่างยิ่ง นัยน์ตาซูหมิงเพ่งสมาธิ แต่สีหน้าก็สงบนิ่งอย่างรวดเร็ว เขาไม่เดินหน้าไปแม้แต่น้อย แต่นั่งขัดสมาธิอยู่กลางผืนฟ้าดวงดาวด้วยสีหน้าเฉยเมย

เวลาผ่านไปทีละวัน สามวัน ห้าวัน เจ็ดวัน….จนกระทั่งครึ่งเดือน

ซูหมิงยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น สีหน้าไม่มีความรำคาญแม้แต่น้อย ครึ่งเดือนมานี้รอบๆ เงียบสงบ เขาไม่เห็นสัตว์ร้ายตัวใดหรือเผ่าประหลาดแห่งทะเลดาราต้นกำเนิดจิตผ่านทางมาเลย

เวลาผ่านไปอีกสามวัน ทันใดนั้น ตรงจุดที่ชายร่างผอมบางกับสัตว์กระดูกถูกกินไปเมื่อครึ่งเดือนกว่าก่อนมีแสงสีแดงสว่างขึ้น พริบตาเดียวก็ทะยานไกลออกไป

แสงสีแดงนั้นคือชายร่างผอมบาง ตอนนี้ตัวเขามีหมอกแดงโอบล้อม สีหน้าทะมึนทึบอย่างยิ่ง และยังมีความโกรธกริ้ว กระทั่งรู้สึกรางๆ ว่าบนใบหน้าเขามีเส้นสีดำจางๆ

ซูหมิงยิ้มน้อยๆ เขายืนขึ้นจากท่านั่งสมาธิ แล้วก้าวเดินไล่ตามไป

ชายผู้นี้มีแผนการไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นก่อนหน้านี้ที่ชิงลงมือก่อนโดยเตรียมสัตว์กระดูกไว้ หรือเมื่อครึ่งเดือนก่อนที่สร้างภาพถูกกินต่อหน้าซูหมิง สิ่งเหล่านี้บ่งบอกได้ถึงความเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย

ทว่า…ทุกอย่างที่อยู่ในสายตาซูหมิงช่างเหมือนกับเด็กน้อยกำลังเล่นกัน มองแวบเดียวก็กระจ่างแล้ว ที่นี่คือทะเลดาราต้นกำเนิดจิต เป็นบ้านเกิดของชายร่างผอมบาง ความว่างเปล่าทั้งหมดของที่นี่ ขอไม่บอกว่าอีกฝ่ายเข้าใจทั้งหมด แต่ก็เข้าใจอยู่ไม่น้อยแน่นอน

อีกอย่าง ทิศทางการหนีของเขาไม่ใช่ซูหมิงเป็นคนชี้นำ แต่อีกฝ่ายเลือกเอง โดยเฉพาะสัตว์กระดูกที่ชายคนนี้เตรียมล่วงหน้าเอาไว้หนีไปด้วย มีเวลาเลือกเส้นทางที่มากพอ ดังนั้นการหายไปและถูกกินในครั้งนี้มีแปดส่วนเป็นกลลวง!

ประกอบกับสีหน้าตื่นกลัวของอีกฝ่าย แม้จะดูสมจริง แต่ในสายตามากประสบการณ์ของซูหมิง ในนั้นยังมีร่องรอยที่จับได้อยู่ หากพิจารณาดีๆ ก็จะเดาความจริงออก

ดังนั้นซูหมิงจึงไม่รีบร้อน เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ซ่อนตัวนานนัก เพราะว่า…

ซูหมิงยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยเสียงเรียบ

“บาดแผลพิษของเจ้า หากไม่รักษาก็จะหนักขึ้นเรื่อยๆ”

เสียงซูหมิงเข้าถึงหูชายร่างผอมบางที่กำลังหนีตรงหน้า ทำให้อีกฝ่ายหน้าเปลี่ยนสี แต่กลับกัดฟันไม่หันกลับมามอง เพียงหนีไปด้วยความเร็วยิ่งกว่าเดิม

ซูหมิงขมวดคิ้ว เขาวูบไหวกายใช้การเคลื่อนย้ายอีกครั้ง แวบเดียวก็มาอยู่ด้านหลังชายผู้นั้นห่างไปราวหลายสิบจั้ง ช่วงที่กำลังจะใช้การเคลื่อนย้ายต่อนั้น เขาพลันหรี่ตาลง ภยันตรายร้ายแรงปกคลุมจิตใจทันที อันตรายนี้ก็มาจากมวลอากาศตรงหน้า

ตอนที่มองไป ผืนอากาศสงบนิ่ง ไม่มีความผิดปกติแม้แต่น้อย กระทั่งไม่ว่าจะเป็นหินผุพังหรือฝุ่นละอองต่างไม่มีอะไร แต่ภยันตรายร้ายแรงนี้กลับบอกซูหมิงว่าในความเงียบสงบซ่อนกลิ่นอายชั่วร้ายที่สามารถคุกคามเขาได้อยู่

ตอนนี้เองมีเสียงเหมือนกับชายชราพึมพำดังก้องฟ้ากระจ่างดาว ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น ชายร่างผอมบางหยุดชะงักครู่หนึ่ง ใบหน้าขาวซีดทันที ก่อนจะถอยมาอย่างไม่ลังเล แต่ฉับพลันนั้นอากาศข้างกายเขาก็ปรากฏระลอกคลื่นไม่มีสิ้นสุดขึ้นมา

ระลอกคลื่นมีพื้นที่หลายหมื่นจั้ง เมื่อแผ่ขยายก็วาดออกมาเป็นเค้าโครงหนึ่งกลางฟ้า รูปร่างเค้าโครงนี้เหมือนกับปลาตัวใหญ่ มีหนามคมอยู่เก้าอัน มองไม่เห็นร่างจริงๆ เห็นเพียงคร่าวๆ จากในระลอกคลื่นเท่านั้น มองใกล้ๆ บางทีอาจยังไม่ชัดนัก แต่เพราะฟ้ากระจ่างดาวโดยรอบไม่มีระลอกคลื่นเลย หากมองจากไกลๆ พื้นที่ที่เกิดระลอกคลื่นจึงดูต่างกับที่อื่นอย่างชัดเจน

นี่คือสัตว์ร้ายยักษ์ตัวหนึ่งที่ซ่อนอยู่กลางอากาศ

ตอนนี้ตรงจุดที่ชายร่างผอมบางอยู่คือปากของมัน ซูหมิงเห็นกับตาว่ากลางระลอกคลื่นรุนแรงนั้น สัตว์ตัวนี้เหมือนอ้าปากกว้าง ภาพเมื่อครึ่งเดือนกว่าก่อนปรากฏตรงหน้าเขาในระดับความน่ากลัวคล้ายกัน

ชายร่างผอมบางดวงตาแดงก่ำ เขาถอยหลังอย่างบ้าคลั่ง ทว่าร่างกายกลับช้าลงโดยเห็นได้ด้วยตาเปล่า เหมือนกับมีพลังรวมอยู่ในตัวเขาเพื่อรบกวน ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลงกว่าปกติหลายเท่า

ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าวอย่างไม่ลังเล และใช้พลังการเคลื่อนย้ายทันที ชั่วขณะที่สัตว์ร้ายกำลังจะกินชายร่างผอมบางนั้น เขาก็ไปอยู่ข้างกายอีกฝ่ายแล้ว

เขาคว้าแขนชายร่างผอมบางเอาไว้ ก่อนห้อเหยียดถอยไปด้วยสีหน้าจริงจัง แต่วินาทีที่เขากำลังถอยนั้น พลันรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเสื่อมสภาพลง เหมือนกับมีเส้นที่มองไม่เห็นนับไม่ถ้วนพันรอบอยู่ ทำให้ความเร็วช้าลงอย่างยิ่ง

เห็นอันตราย เห็นปากใหญ่ของสัตว์ร้ายกำลังจะประกบกัน ซูหมิงดวงตาเปล่งประกาย เขายกมือซ้ายตบตรงระหว่างคิ้ว จากนั้นอ้าพ่นแสงสีขาวออกมาสายหนึ่ง

แสงสีขาวนี้คือหินหยกสีขาวขนาดเท่าฝ่ามือ หลังจากมันบินออกมาแล้วก็ขยายตัวตรงหน้าเขาอย่างเร็วไว

“ช้างมงคล!” ซูหมิงตะโกนเสียงต่ำ รอบตัวเขาปรากฏอักขระเว้านูนมากมายทันที อักขระทุกตัวมีพลังต้นกำเนิดจิต พวกมันบินออกมาในพริบตา ก่อนหลอมรวมเข้าไปในหินหยกสีขาวทีละตัว ทำให้หินหยกขยายตัวเร็วขึ้นหลายเท่า

“ผีร้ายชั่งช้าง!”

ช้างใหญ่สีขาวปรากฏกลางฟ้ากระจ่างดาว และยังมีเสียงคำรามแหลมแว่วมา มีตาชั่งโผล่ขึ้น ผีร้ายยักษ์กำลังยกตาชั่งอยู่ ด้านหนึ่งเป็นช้าง อีกด้านหนึ่งเป็นสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ในอากาศ แล้วจึงเริ่มชั่งน้ำหนัก

“หนัก…สามเฉียน[1]เจ็ดเหลี่ยง[2]!” เสียงอื้ออึงดังมาจากปากผีร้าย ตอนนี้เองสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ในอากาศร้องคำราม มันพลันตัวหดตัวลง พลังทำลายล้างระเบิดมาจากในร่างกาย

เสียงโครมดังขึ้น ฟ้ากระจ่างดาวสั่นสะเทือน แรงปะทะรุนแรงกระจายไปรอบๆ ซูหมิงถอยไปอย่างต่อเนื่องตามแรงปะทะ เขาใช้มือข้างหนึ่งคว้าตัวชายร่างผอมบางเอาไว้ มืออีกข้างก็ชี้ไปยังผีร้ายชั่งช้าง

ท่ามกลางเสียงครึกโครม ผีร้ายพลันหายไป ช้างก็หายไป แล้วกลับมาเป็นหินหยกสีขาวขนาดเท่าฝ่ามืออีกครั้ง มันตรงมาหาซูหมิง เมื่อเขาคว้าเอาไว้แล้ว ตรงระหว่างคิ้วก็มีเหงื่อซึมออกมา

ซูหมิงล่าถอยไป คว้าตัวชายร่างผอมบางบินไกลออกไปทันที ระลอกคลื่นด้านหลังขยายมา สัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ในอากาศยังไม่ตาย แต่ส่งเสียงคำรามด้วยความแค้นและเจ็บปวดไม่หยุด

“ขอบคุณ…” ชายร่างผอมบางหน้าขาวซีด แต่มีเส้นสีดำลากผ่านกลางกระหม่อม สายตามองซูหมิงอย่างซับซ้อนพลางกล่าวเสียงเบา

…………………………..…

[1] 1 เฉียนเท่ากับ 5 กรัม

[2] 1 เหลี่ยงเท่ากับ 50 กรัม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version