ตอนที่ 952 เส้นทางแห่งการทำลายล้างชีวิต
เมื่อแผ่นดินแห้งตายไป ชาวเผ่าขวางสวรรค์ระดับภัยพิบัติจันทราสามคนบนฟ้าพลันหรี่ตาลง แล้วหยุดชะงักกลางอากาศครู่หนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าครู่หนึ่งนี้พวกเขาไม่ได้ตั้งใจ และยามนี้ขาสองข้างเกิดแห้งเหี่ยว!
เหมือนกับว่าขาพวกเขาเสื่อมสภาพไปตามผืนดินของดาวดวงนี้
พริบตาที่สามคนนี้หน้าเปลี่ยนสี ต้นไม้ทั้งหมดบนดาวแท้จริงพลันเหี่ยวเฉาและแตกหักหายไป กลับมาเป็นสภาพมรณะอีกครั้ง ต่อมา ผิวหนังชาวเผ่าขวางสวรรค์สามคนก็เว้าแว่งลงไปจำนวนมาก พริบตาเดียวเส้นผมก็หลุดร่วง ผิวหนังแห้งกร้านอย่างรวดเร็ว กลายเป็นหนังหุ้มกระดูก
นัยน์ตาสามคนนี้ฉายแววเหลือเชื่อ พวกเขากำลังจะถอยหนีไปอย่างไม่ลังเล
ทว่า…ทะเลไกลออกไปเกิดเสียงระเบิด ช่วงที่เกิดความขมุกขมัวขึ้น ทะเลที่ดูกว้างใหญ่กลายเป็นแอ่งกระทะลึกทันที ดินเลนเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นเน่า เหมือนกับว่าถูกแอ่งกระทะทะเลเหนี่ยวนำ ผิวหนังของชาวเผ่าขวางสวรรค์สามคนบนฟ้าจึงเกิดจุดดำขึ้นจำนวนมาก มีโลหิตสีดำไหลออกมาจากจุดนั้น ดูน่าสะพรึงกลัว
“นี่มันพลังอะไร!”
“ทุกอย่างเมื่อครู่เป็นของปลอม ทุกอย่างตอนนี้ก็ปลอมเช่นกัน อย่าไปมองพื้นดินดาวดวงนี้ รีบออกไปยังฟ้ากระจ่างดาวให้เร็วที่สุด!”
“ถึงฟ้ากระจ่างดาวแล้ว วิชาของคนผู้นี้ก็จะหมดฤทธิ์ไปเอง!” ทั้งสามคนเพิ่งเคยเจอกับอภินิหารประหลาดแบบนี้เป็นครั้งแรก ยามนี้กระพือปีกด้านหลัง ขั้นพลังในร่างกายปะทุขึ้น แล้วกลายเป็นสายรุ้งสามสายพุ่งขึ้นฟ้าไป
ผู้ฝึกฌานสี่คนที่อยู่ไม่ไกลย่อมตกตะลึงกับภาพนี้ พวกเขาสี่คนหน้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเร่งรีบถอยไป บินขึ้นไปยังฟ้ากระจ่างดาว
ทว่าตอนนี้เอง มีเสียงเย็นชาแว่วมาจากในร่างซูหมิงที่ยืนขึ้นอยู่กลางพื้นดินเสื่อมโทรม
“ข้าขอสาปให้สีท้องฟ้าดำมืดนับจากนี้…” สิ้นเสียงเขา เกิดเสียงครึกโครมบนฟ้า ผืนฟ้าแจ่มใสหมื่นลี้พลันถูกฉีกทำลาย ทุกอย่างเป็นเพียงม่านบางปกปิดความจริง ตอนนี้ม่านถูกเปิดออก เผยให้เห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆดำหมุนตลบ
“ข้าขอสาป ให้สายฝนตกลงมาเป็นฝุ่นละอองที่ทำให้แผ่นดินเสื่อมโทรม” ซูหมิงพูดต่ออีกครั้ง สายฝนสีดำตกลงมาเสียงดังทันใด ฝนนี้มาพร้อมกับการกัดกร่อนอย่างรุนแรง ยามตกใส่บนตัวคนจะทำให้เกิดความเจ็บปวดสาหัสเหมือนถูกทะลวงเข้าไป
ทางด้านชาวเผ่าขวางสวรรค์ผู้แข็งแกร่งระดับภัยพิบัติจันทราสามคน ร่างพวกเขาที่กำลังเดินหน้าพลันถูกเมฆดำขวางไว้ ปีกพวกเขายังมีขนร่วงหล่นตามฟ้าที่เปลี่ยนสี ควันดำแต่ละระลอกวนเวียนรอบตัวเหมือนกำลังกัดกร่อน
สามคนนี้มีสีหน้าทะมึนอย่างยิ่ง พวกเขามองข้างล่างก็เห็นทุกอย่างบนดาวดวงนี้ ซ้ำยังเห็นโครงกระดูกบนพื้น รวมถึง…ศพแห้งกรังของชาวเผ่าขวางสวรรค์หลายสิบคนที่กำลังยิ้มบางๆ ให้พวกเขา
ศพเหล่านี้ลอยอยู่กลางอากาศ สายตามองพวกเขา ก่อนจะกระโจนมาหาราวกับมีชีวิต
“เจ้าเป็นใคร!” หญิงหนึ่งในสามคนนั้นเอ่ยเสียงแหลม สายตาจ้องเขม็งไปยังซูหมิงที่ตอนนี้เงยหน้ามองพวกเขาจากบนพื้น
เส้นผมยาวปลิวไสว ดวงตามีแสงสีม่วงขยับวูบวาบ สีหน้าสงบนิ่ง แต่เส้นสีม่วงปอยหนึ่งตรงระหว่างคิ้วกลับยากจะกลบกลิ่นอายชั่วร้ายไม่ให้แผ่มาจากตัวเขา
“เป็นเจ้าเองที่เห็นข้อบกพร่องของวิชามายาข้า” ซูหมิงยิ้มน้อยๆ เพียงแต่ในสายตาคนอื่นคนใด รอยยิ้มนั้นกลับหนาวเยือก โดยเฉพาะผู้ฝึกฌานสี่คน พวกเขาต่างมีสีหน้าเคารพ ล้อมวงเข้าด้วยกัน สายตาจ้องซูหมิงด้วยความตื่นตัว
สี่คนนี้ร้องทุกข์อยู่ในใจ เดิมทีอยากจะพักผ่อนที่นี่ ทว่ามาเจอกับเผ่าขวางสวรรค์เข้าเสียก่อน ไม่ง่ายเลยกว่าจะตบตาผ่านไปได้ แต่กลับไม่นึกเลยว่าจะมาเจอกับคนที่น่ากลัวยิ่งกว่าเผ่าขวางสวรรค์อีก
อีกอย่างอาภรณ์ของเขาไม่เหมือนผู้ฝึกฌาน แต่ก็ไม่มั่นใจว่าเป็นชาวเผ่าใดในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต
“เขาบรรลุเพียงเจ้าปกครองโลกสมบูรณ์ หากเราสามคนลงมือพร้อมกัน แค่สังหารเขาก็จะทำลายวิชามายานี้ได้” นัยน์ตาหญิงสาวขยับประกาย นางเอ่ยพลางขยับกายวูบไหว บินจากฟ้าลงไปหาซูหมิง ชายสองคนด้านหลังนางก็กัดฟัน ขั้นพลังภัยพิบัติจันทราระเบิดออกมารอบด้าน ปรากฏเป็นจันทร์วารีกับจันทร์เพลิงมายาด้านหลัง จากนั้นพวกเขาเดินหน้าหนึ่งก้าว เปลี่ยนเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปหาซูหมิง
“เป็นวิชามายารึ…” ซูหมิงกล่าวเสียงราบเรียบ
“งานเลี้ยงใหญ่ที่เตรียมไว้ให้บรรพบุรุษพวกเจ้า ตอนนี้พวกเจ้าสามคน…เข้าร่วมงานได้ก่อนแล้ว”
“ดาวแท้จริงที่ใกล้จะตายและหิวโหยดวงนี้ พลังชีวิตของสามคนนี้ทำให้เจ้าฟื้นฟูพลังกลับมาไม่น้อยได้ เจ้าจะปกป้องชาวเผ่าขวางสวรรค์ที่เจ้ายอมรับ หรือว่า…จะสูบพลังชีวิตจากสิ่งมีชีวิตที่เจ้ายอมรับเหล่านี้กันแน่ นี่คือการเลือกของเจ้า”
ซูหมิงแย้มยิ้ม รอยยิ้มชั่วร้ายยิ่งนัก เขาไม่ใช่คนที่ดาวดวงนี้ยอมรับ ดังนั้นดาวจึงยากจะเชื่อมต่อกับเขา ยากจะอาศัยการเชื่อมประสานสูบพลังชีวิตเขาไป ทว่า…เผ่าขวางสวรรค์ไม่เหมือนกัน
สิ้นเสียงซูหมิงก็มีเสียงอื้ออึงที่อ่อนแรงและแฝงไว้ด้วยความโกรธแค้นแว่วมาจากในพื้นดิน ดังกึกก้องฟ้าดิน ซูหมิงได้ยินเสียงคำรามนี้ ทุกคนรอบๆ ก็ได้ยินเช่นกัน
นี่คือเสียงคำรามจากการต่อสู้ดิ้นรนของดาวดวงนี้
ขณะที่เสียงคำรามดังก้อง สามคนบนฟ้าก็มุ่งหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซูหมิงหัวเราะ เสียงหัวเราะผสานรวมกับเสียงคำรามจากฟ้าดิน แฝงไว้ด้วยความบ้าอำนาจและชั่วร้ายเหลือล้น
แทบทันทีที่เขาหัวเราะ เสียงคำรามจากพื้นดินก็แผ่ไปได้ไกลขึ้น แต่ว่าสามคนที่กำลังบินลงมาจากบนฟ้ากลับหน้าเปลี่ยนสี ร่างกายพวกเขากำลังแห้งเหี่ยวเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว พลังชีวิตถูกฟ้าสูบไปอย่างไร้รูปด้วยความเร็วที่พวกเขายังเหลือเชื่อ
ประหนึ่งว่าตอนนี้พวกเขาถูกดาวดวงนี้ต่อต้านรุนแรงที่สุด ไม่ใช่เพราะซูหมิงลงมือ แต่นี่คือการกลืนกินทั้งเป็นของวิญญาณดาวดวงนี้
กลืนกินทุกคนที่มันยอมรับ และอีกฝ่ายยอมรับมันเช่นกัน
หากเป็นผู้ฝึกธรรมดา ด้วยการกลืนกินแบบนี้คงจะสิ้นชีพไปทันที ทว่าผู้แข็งแกร่งภัยพิบัติจันทรามีคุณสมบัติต่อต้านการกลืนกินครั้งนี้ แต่เงื่อนไขในการต่อต้านคือ…ต้องตัดการเชื่อมต่อที่ยอมรับกันกับดาวดวงนี้
ดาวร้อยกว่าดวงของพวกเขาเผ่าขวางสวรรค์มีการเชื่อมโยงที่มหัศจรรย์ต่อกันมาแต่โบราณกาล ซึ่งก็คือข้อตกลงที่สองฝ่ายยอมรับ ดวงดาวเสนอสิ่งจำเป็นสำหรับ การฝึกฝนให้เผ่าขวางสวรรค์ แต่เผ่าขวางสวรรค์จะต้องปกป้องและให้เวลาในการเติบโตแก่วิญญาณของดวงดาว
ทว่าวันนี้ การเชื่อมต่อที่มีมาแสนนานถูกชาวเผ่าขวางสวรรค์สามคนทำลายทิ้งจนหมดสิ้นไปพร้อมกับเสียงร้องตะโกนด้วยความโกรธกริ้ว
พวกเขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับภัยพิบัติจันทรา หากพวกเขาสามคนรวมกันจะมีคุณสมบัติทำลายสัญญากับดาวหนึ่งดวง
“ข้า บุตรแห่งลาซงย่า นามซงเหยียน ขอเป็นตัวแทนสายเลือดลาซงย่า ยกเลิกสัญญากับดาวขอบสวรรค์!”
“ข้า บุตรแห่งตงนั่ว นามตงเถา ขอเป็นตัวแทนสายเลือดตงเถา ยกเลิกสัญญากับดาวดวงนี้!”
“ข้า บุตรแห่งเหยียนตี๋เฟย นามรั่วเข่อ ขอเป็นตัวแทนสายเลือดเหยียนตี๋เฟย ยกเลิกสัญญากับดาวดวงนี้!”
ขณะที่ผู้แข็งแกร่งภัยพิบัติจันทราแห่งเผ่าขวางสวรรค์ทั้งสามคนร่างกายแห้งเหี่ยว พวกเขาก็มีสีหน้าดิ้นรน กดมือขวาตรงระหว่างคิ้ว มือซ้ายกดตรงหน้าอก แล้วกัดฟันพูดขึ้น
สิ้นเสียงพวกเขา เสียงคำรามจากพื้นดินเจือความเศร้าโศก เสียงร้องครวญดังก้องไปทั้งดาวแท้จริง ในเวลาเดียวกัน พลังที่วนเวียนรอบตัวสามคนและคอยสูบพลังชีวิตพลันหายไป
ซูหมิงยิ้มพลางส่ายศีรษะ จากนั้นเดินหน้าหนึ่งก้าว ใช้วิชาเคลื่อนย้ายมาอยู่ตรงหน้าชายจันทร์วารีหนึ่งในสามคน แล้วยกมือขวาชกหมัดไป
จังหวะที่ชกหมัดนี้ไป พลันปรากฏอักขระต้นกำเนิดจิตในดวงตา ทำให้ตอนที่ชกหมัดขั้นพลังซูหมิงยังอยู่เจ้าปกครองโลกสมบูรณ์ ทว่าตอนที่หมัดปะทะกับอากาศ กลับปะทุออกมาเป็นระดับภัยพิบัติจันทรา
ชายจันทร์วารีคนนั้นถอยไปโดยพลัน เขามีสีหน้าเหี้ยมโหด เงาแห่งจันทร์วารีทะลวงผ่านกายเขาพุ่งตรงไปหาซูหมิง
พริบตาเดียวจันทร์วารีก็ปะทะกับหมัดซูหมิง
โครม!
ชายจันทร์วารีกระอักเลือด ตัวเขากระเด็นถอยไปราวกับว่าวสายป่านขาด ส่วน ซูหมิงเพียงขยับกายทีหนึ่ง ถอยหลังไปสองก้าว ตอนที่เงยหน้าขึ้น ความมุ่งมั่นจะต่อสู้ในแววตาเข้มข้นขึ้น
“สมกับเป็นชาวเผ่าขวางสวรรค์ ถูกสูบพลังชีวิตไปไม่น้อย ถูกสาปให้เน่าเปื่อยจากข้างใน แต่ก็ยังปะทุพลังภัยพิบัติจันทราเช่นนี้ได้”
ซูหมิงยิ้มๆ ในเวลาเดียวกัน ชาวเผ่าขวางสวรรค์ระดับภัยพิบัติจันทราอีกสองคนก็เข้าประชิดตัวเขาจากคนละทาง ยามนี้เอง เงาจันทราเพลิงและจันทราดอกไม้กลายเป็นต้นกำเนิดแสงสว่างในฟ้าดินมืดมิด
อักขระต้นกำเนิดจิตในดวงตาซูหมิงขยับวิบวับ จากนั้นก็ผลุบโผล่ขึ้นลงบนตัวเขาทันใด ทำให้ขั้นพลังทะยานสูงขึ้นอีกครั้ง พร้อมกันนั้นยังมีกลิ่นอายหนึ่งเพิ่มมาในตัวเขา นั่นคือ…กลิ่นอายพลังของเอ้อชาง
การปรากฏของกลิ่นอายพลังนี้ทำให้ซูหมิงทะลวงผ่านกำลังรบระดับภัยพิบัติจันทรา เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว ใช้ความเร็วสุดจะบรรยายมาปรากฏอยู่ข้างหลังชายจันทราวารีที่กำลังกระเด็นถอย ก่อนจะใช้สองมือจับปีกอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วกระชากออกจากร่างท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของชายคนนี้
ระหว่างที่โลหิตสาดกระจาย ซูหมิงขยับไหวอีกครั้ง เขายกมือขวาใช้นิ้วชี้กดตรงศีรษะด้านหลังชายจันทราวารีด้วยความเร็วคล้ายสายฟ้าและมีพลังเทียบเท่าภัยพิบัติตะวัน
เกิดเสียงดังปัง ช่วงที่ชายคนนี้หัวระเบิดออก จิตแรกของเขาออกมาจากร่างก่อนหนึ่งก้าว ขณะกำลังจะหนีไปอย่างเร่งรีบ ซูหมิงก็มองไปอย่างเย็นชา
“พวกเจ้าผู้ฝึกฌานสี่คนอยากมีชีวิตรอดหรือไม่” สิ้นเสียงซูหมิง ผู้ฝึกฌานสี่คนที่มองอยู่ตลอดพลันหน้าซีดขาว สีหน้าเผยแววต่อสู้ดิ้นรน แต่ไม่นานพวกเขาก็กัดฟัน ไล่ตามจิตแรกของชายจันทราวารีที่กำลังหนีไป ความเร็วของสี่คนนี้ คนที่มีนามว่า เสวียนซางรวดเร็วที่สุด เขาขยับกายวูบไหวพลางตบหน้าผาก ปากพ่นไข่มุกออกมาหนึ่งเม็ด
ไข่มุกตรงไปหาจิตแรกของชายจันทราวารี เพียงเสี้ยวพริบตาก็เข้าใกล้ แล้วชนกับจิตแรกชายจันทราวารี เสียงระเบิดดังขึ้น จังหวะเดียวกับที่จิตแรกร้องเสียงแหลม ไข่มุกก็ระเบิดออกเป็นตาข่ายใหญ่ห่อหุ้มจิตแรกนั้นเอาไว้
“หวาอวี้” เสวียนซางหน้าซีดขาว เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นี้เขาโจมตีสุดกำลังแล้ว พอตอนนี้ตะโกนออกไป ชายเสื้อคลุมขาวข้างกายเขาดวงตาขยับประกายโดยพลัน ก่อนตรงไปยังจิตแรกชายจันทราวารี พอเข้าไปใกล้ก็ยกมือขวาขึ้น ในมือปรากฏรอยแยกเส้นหนึ่ง
“ผนึกวิญญาณ!” รอยแยกนั้นเหมือนกับปากใหญ่ ตอนที่กดไปยังจิตแรก เสียงร้องแหลมของชายจันทราวารีก็เงียบหายไป จิตแรกถูกมือนั้นกลืนกินในพริบตา