บทที่ 380 ตกลงพี่สาว! (ต้น)
……
“เยี่ยฉวน!” ……
……
มู่ซ่วนชิงจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ถ้าประกายตาชนิดนั้นของเขาสามารถสังหารคนได้ เยี่ยฉวนคงกลายเป็นศพไปเสียแล้ว……
..
ชายหนุ่มจงใจทำเป็นไม่ใส่ใจต่อท่าทีนั้นของคนที่ลอยตัวบนอากาศ เขาหันไปพูดกับทั่วปาเซียวเหยา “บิดาเจ้าเคยดุด่าเจ้าไหม?”
สาวน้อยสั่นศีรษะจนเส้นผมกระจาย
อีกฝ่ายจึงถามต่ออีกว่า “ลุงเล่า เคยดุเจ้าไหม?”
ทั่วปาเซียวเหยาส่ายหน้าปฏิเสธอีกเช่นเคย
เยี่ยฉวนหน้าถมึงทึงขณะหันไปชี้หน้ามู่ซ่วนชิงซึ่งยังลอยตัวกลางอากาศ ตะโกนลั่นเสียงกราดเกรี้ยว “เช่นนั้นเขาเป็นใครจึงมาดุด่าเจ้า?!”
คนที่ยืนนิ่งฟัง ทั่วปาเซียวเหยาเม้มปากแน่น มือซ้ายค่อยกำเข้าหากัน สีหน้าบ่งบอกอารมณ์โกรธที่อยู่ภายใน นางเบนหน้ามองไปยังมู่ซ่วนชิงผู้ที่แขวนลอยตัวในเวลานั้น “ทำไมต้องด่าข้าด้วย?”
ชายหนุ่มได้ที จึงชี้นิ้วไปยังมู่ซ่วนชิงขณะพูดใส่อารมณ์ “ทำไมจึงด่าว่าคนยอดฝีมือเช่นนี้?”
ยิ่งเมื่อได้ยินเยี่ยฉวนพูดอย่างนี้ เท่ากับยิ่งโหมกระพือพายุความโกรธของทั่วปาเซียวเหยาให้ทวีความรุนแรง ด้วยนางหอบหายใจแรงกระทางหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเร็วๆ ตอนนั้นค้อนในมือเริ่มสั่นแรงขึ้น
ขณะที่เยี่ยฉวนหันมาจะเอ่ยปากพูด ทว่าในจังหวะนั้นเอง สาวน้อยได้เปล่งเสียงร่ำไห้ปล่อยโฮออกมา!
“นางร้องไห้!”
ชายหนุ่มเห็นท่าเช่นนั้นจำต้องกล้ำกลืนคำพูดที่ขึ้นมารออยู่ริมฝีปากเสีย!
“เกิดอะไรขึ้น?”
มู่ซ่วนชิงยังถึงกับอึ้งนิ่งไปด้วยเช่นกัน
หลังจากร้องไห้จนพอใจแล้ว ทั่วปาเซียวเหยาปาดเช็ดคราบน้ำตาเสร็จแล้ว ความรู้สึกถึงความอยุติธรรมที่ได้รับพลันถาโถมในจิตใจอย่างรุนแรง “ท่านลุง พี่ชาย และท่านลุงสาม พวกเขาไม่เคยมีใครดุด่าข้า แต่เขาทำไมจึงกล้ามาด่าข้า? ทำไม?!”
จู่ๆ ความรู้สึกผิดพุ่งวาบจับจิตใจของเยี่ยฉวน…… “เด็กคนนี้……นางอ่อนไหวต่อความอยุติธรรมจริงๆ!”
ขณะเดียวกันคนที่เขากำลังนึกถึง ทั่วปาเซียวเหยาแหงนหน้าขึ้นมองมู่ซ่วนชิง เสียงพูดด้วยความโกรธขึ้น “สองหมื่นล้าน! เจ้าต้องจ่ายค่าทำขวัญให้ข้าสองหมื่นล้านเหรียญทอง ไม่อย่างนั้นข้าจะเรียกท่านลุงให้มาจัดการกับเจ้า”
คนพูดแล้วก็หยิบศิลาถ่ายทอดสัญญาณออกมา
มู่ซ่วนชิงกำหมัดสองข้างแน่น สีหน้าของคนดำคล้ำปานห้วงน้ำไหลลึกล้ำ
“นางคิดจะขู่ข้าสินะ!”
“คุกคามด้วยคำพูด!”
“สองหมื่นล้านเหรียญทองงั้นหรือ?”
ต่อให้มู่ซ่วนชิงขายสถานศึกษาฉางมู่ เขาก็ไม่มีเงินมากขนาดนั้น! แต่ถึงมู่ซ่วนชิงจะมีเงินทองมากพอ เขาก็จะไม่ยอมจ่ายแม้สักแดงเดียว!
จากนั้นจึงเบนสายตาไปยังเยี่ยฉวน “ไปกันเถอะ!”
ร่างของเขาเริ่มสั่นน้อย และไม่นานต่อมาก็หายไปอย่างรวดเร็ว
บรรดาพลม้าเพลิงโลกันตร์ที่ยังเหลือรอดชีวิตตั้งท่าจะถอยกลับบ้าง หากไม่ทันไรมีเสียงเยี่ยฉวนร้องบอกว่า “อย่าให้พวกมันหนีไปได้ ฆ่าให้หมด!”
หลังจากนั้นคนพูดได้พุ่งทะยานออกไปทันที
ทั่วปาเซียวเหยาฉวยได้อาวุธค้อนตีตะปู ก่อนจะทะยานตามเยี่ยฉวนไปติดๆ……
อย่างไรก็ตาม เด็กสามมิได้ไล่ตามกลุ่มพลม้าเพลิงโลกันตร์ที่กำลังหนีเตลิด หากนางกลับจะไล่ตามมู่ซ่วนชิง! เยี่ยฉวนรีบปรี่เข้าขวางเสียก่อน “คนผู้นั้นเป็นยอดยุทธ์ขั้นสุดยอดผนึกยุทธ์ ต่อให้เจ้าตามไปทัน ก็ไม่สามารถสังหารเขาได้ในตอนนี้ ค่อยลงมือในยามที่มีโอกาสชนะจะดีกว่า!”
จากนั้นเขาจึงชี้มือไปที่กลุ่มพลม้าเพลิงโลกันตร์ที่หนีห่างไปในระยะไกล “ช่วยกันจัดการพวกนั้นก่อนเถอะ ระวังจะไปทำลายอุปกรณ์ให้เสียหาย ของเหล่านั้นถ้านำไปแลกเป็นเงินจะได้ไม่น้อยทีเดียว!”
เมื่อจิตใต้สำนึกรับรู้ความจริงในข้อนี้ ทั่วปาเซียวเหยาพยักหน้า จากนั้นเยี่ยฉวนจึงเดินนำออกไป ก่อนทั้งสองคนจะเริ่มเปิดการปะทะกับพลม้าพร้อมกัน……
สำหรับเยี่ยฉวนการจะปราบพลม้าเพลิงโลกันตร์ทั้งหมดห้าสิบในเวลาเดียวกันนั้นมิใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตามเมื่อได้ทั่วปาเซียวเหยาร่วมต่อสู้ด้วยกัน เรื่องนี้จึงมิใช่ปัญหาอีกต่อไป
ครั้งนี้เยี่ยฉวนไม่คิดที่จะออมพลังอีก เพราะศัตรูเช่นพลม้าเพลิงโลกันตร์เป็นคู่ต่อสู้ที่ยากจะรับมือ ถ้าเขาเกิดพลาดท่าเสียทีเพียงนิดเดียวอาจทำให้โชคเข้าข้างพวกมันได้
หลังจากนั้นราวครึ่งชั่วยาม สองคนเยี่ยฉวนและทั่วปาเซียนเหยาจึงได้ยุติการต่อสู้
ทั้งคู่ทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง ทางด้านหลังของเยี่ยฉวนและสาวน้อยที่นั่งข้าง ปรากฏซากไร้วิญญาณเกลื่อนกระจัดกระจายเต็มลาน……ซากเหล่านี้คือพลม้าเพลิงโลกันตร์!
ชายหนุ่มพร้อมด้วยทั่วปาเซียวเหยาช่วยกันตามล่าพวกมันไปตลอดเส้นทาง โดยไล่ล่าไปไกลเกือบร้อยลี้และในที่สุดก็สามารถสังหารพลม้าฝ่ายศัตรูตายทั้งสิ้นกว่าสี่สิบคน!
เวลานี้ทั้งสองนั่งพักเคียงข้างกันบนพื้นดิน ทั่วปาเซียวเหยาเอนหลังพิงเยี่ยฉวนขณะยกชี้ค้อนตีตะปูไปทางร่างไร้วิญญาณของพลม้าเพลิงโลกันตร์ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ของล้ำค่าพวกนั้น เจ้าว่าจะได้สักเท่าไร?”
เยี่ยฉวนนิ่งคิดคำนวณครู่หนึ่งจึงตอบให้ว่า “มากโขทีเดียว”
เครื่องแต่งกายพร้อมอาวุธกว่าสี่สิบชุด!
ทุกชิ้นเป็นเครื่องแต่งกายขั้นประกายแสง ดังนั้นถ้าจะพูดให้ใกล้เคียงอาจกล่าวได้ว่าครั้งนี้พวกเขาคงจะรวยกันใหญ่!
ทว่าน่าเสียอยู่อย่างที่ม้าเพลิงโลกันตร์พากันวิ่งเตลิดหนีหายไปหมดหลังจากที่พลม้าถูกฆ่าตาย ทั่วปาเซียวเหยาและเยี่ยฉวนเองต่างจนปัญญาที่จะสกัดพวกมัน
ภายหลังจากนั่งพักชั่วครู่พอหายเหนื่อยแล้ว เยี่ยฉวนจึงลงมือเก็บกวาดเครื่องแต่งกายและอาวุธของพลม้าเพลิงโลกันตร์ จากนั้นเขาได้แบ่งให้ทั่วปาเซียวเหยาจำนวนครึ่งหนึ่งของของที่เก็บได้ “เอ้านี่ส่วนแบ่ง ข้าจะเอาไปขายในเมืองหลวงอาณาจักรต้าอวิ๋น ถ้าเจ้าจะไปพร้อมกันก็ได้ แล้วแต่เจ้า!”
“ข้าไปด้วย!” สายน้อยเกือบจะไม่ลังเลด้วยนางตอบรับรวดเร็ว
เยี่ยฉวนยิ้มกว้าง “งั้นมา เราไปเมืองหลวงด้วยกัน!”
เขาผิวปากส่งสัญญาณเรียกมาเพลิงโลกันตร์ของตนให้มารับ “เจ้ากับข้าขี่ม้าตัวนี้ไปด้วยกันก็แล้วกัน!”
ทั่วปาเซียวเหยาได้ยินเช่นนั้น เด็กสาวไม่มัวคิดแม้แต่น้อยนางจึงกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้าตัวโตทันที จากนั้นจึงเป็นตาของเยี่ยฉวนขึ้นนั่งซ้อนทางด้านหลังของอีกฝ่าย สักพักใหญ่คนทั้งสองพร้อมด้วยม้าหนึ่งตัวก็ทะยานออกไปตามเส้นทางอันยาวไกล
เมื่อเห็นว่าเยี่ยฉวนและเด็กสาวอีกคนไปจากสถานที่แล้ว มู่ซ่วนชิงจึงย้อนกลับมาที่ลานต่อสู้อีกครั้ง ชายวัยกลางคนจับตามองตามร่างไร้วิญญาณในลานด้วยท่าทีเยือกเย็นจนน่าแปลกใจ
ครู่ต่อมามู่ซ่วนชิงจึงละจากสถานที่ไป
