Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 382


บทที่ 382 พี่คิดถึงน้อง น้องน้อยของพี่! (ต้น)

……

“พี่สาว!” ……

……

ทั่วปาเซียวเหยาสะดุ้งในใจ ‘เขาจะเล่นตลกไหม?’ ……

..

เยี่ยฉวนเหมือนจะอ่านความคิดของอีกฝ่ายได้อย่างทะลุปรุโปร่งจึงรีบบอกว่า “ข้าพูดจริงหรอกน่า เวลานี้ข้ามาเมืองหลวงเพราะต้องการจะมาต่อสู้”

จากนั้นชายหนุ่มก็กระโดดลงจากหลังม้าเพลิงโลกันตร์ และหันมาพูดกับทั่วปาเซียวเหยาที่ยังนั่งอยู่บนหลังม้าที่เดิม “ข้ารู้สึกดีใจนะที่เราได้มาพบกัน อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้เป็นเรื่องระหว่างฉางมู่ ดินแดนอันธการและข้า จึงไม่อยากให้เจ้าต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย มิฉะนั้นข้าก็ไม่คู่ควรที่จะได้เจ้ามาเป็นสหาย”

เมื่อพูดแล้วเขาไม่รอฟังคำตอบ จึงหันหลังเดินเข้าประตูเมืองไปเพียงคนเดียว

“นับว่ายังดีที่ยึดหลักคุณธรรมอยู่บ้าง!”

“คนที่ไร้ซึ่งหลักคุณธรรม ไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ!”

“ผู้ฝึกกระบี่!”

ทันใดนั้น เสียงของเด็กสาวทั่วปาเซียวเหยาตะโกนเรียกไล่หลังเยี่ยฉวน

ชายหนุ่มหยุดเดินและหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย สาวน้อยบิดมุมปากยิ้มเยาะ “ถึงจะดูเป็นชายเจ้าเล่ห์แต่ก็เป็นคนดี ข้าจึงอยากเป็นสหายกับเจ้า”

เยี่ยฉวนฉีกยิ้ม “ข้าชื่อเยี่ยฉวน เป็นอาจารย์ใหญ่แห่งสถานศึกษาฉางหลานในแผ่นดินชิง!”

ทั่วปาเซียวเหยายกยิ้มมุมปาก “ข้าชื่อทั่วปาเซียวเหยามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ อีกทั้งเป็นยอดฝีมือลำดับต้นของตระกูลทั่วปาและรั้งอันดับเก้าแห่งทำเนียบยอดคน! ต่อไปภายหน้าข้าจะเป็นคนช่วยโลกให้พ้นภัย!”

ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง “เซียวเหยา ถ้าเจ้าอยากช่วยโลกให้พ้นภัย คงต้องใช้ความพยายามมากสักหน่อย!”

เด็กสาวผงกศีรษะหน้าตาเคร่งขรึม “ข้าจะทำให้ได้!”

ขณะนั้นเยี่ยฉวนเดินมาหยุดที่บริเวณประตูเมือง ทันใดนั้นปรากฏชายวัยกลางคนขึ้นตรงปากทางประตูเมือง

คนนี้มีขั้นพลังยอดยุทธ์ผนึกยุทธ์!

เขายืนปักหลักนิ่งสายตาจ้องเขม็งมาที่เยี่ยฉวนโดยไม่เอ่ยปากสักคำเดียว ทว่ารังสีกล้าแกร่งที่เปล่งประกายออกจากร่างในครั้งแรกพลันอ่อนเบาลงทุกทีๆ……

ในเวลาถัดมา จึงพบว่าเขาได้ลดขั้นพลังของตนเองจากผนึกยุทธ์เป็นผสานเทพ!

คนที่อยู่ตรงกันข้ามกับเยี่ยฉวน ชายวัยกลางคนเดินตรงมาจนเกือบจะเข้าใกล้ และเมื่อเขาขยับเปิดปากพูดนั่นเอง……

ชายหนุ่มหายวาบไปจากสถานที่ เมื่อเยี่ยฉวนโผล่ขึ้นมาโดยกระทันหันอีกคราจึงออกมาประจันหน้ากับชายวัยกลางคนแล้ว ในขณะนั้นสิบสองมนุษย์ทองคำแสดงตนเข้าโอบล้อมชายวันกลางคนไว้พร้อมกันด้วย

มนุษย์ทองคำสิบสองตนจู่โจมโดยพร้อมเพรียงกัน อีกทั้งลำแสงกระบี่ส่องประกายสว่างวาบ!

ชั่วไม่เกินสามอึดใจต่อมา

มนุษย์ทองคำทั้งหมดสิบสองตนถอยกลับมายืนข้างหลังเยี่ยฉวน และภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าของเขาเป็นศีรษะคนชายวัยกลางคนกลิ้งหลุนอยู่บนพื้นดิน นัยน์ตาเบิกกว้างค้างอยู่เช่นนั้น เขาตายไปพร้อมกับความโศกาอาดูรไปตลอดกาล

ก่อนหน้านั้นเขาไม่ทันได้ตั้งรับด้วยซ้ำ หรือหากพูดให้ถูกก็ว่าเขาคงตายก่อนทันได้ขยับตัว!

เมื่อสิบสองมนุษย์ทองคำจู่โจมไปพร้อมกับเยี่ยฉวน จึงสามารถสังหารคนในขั้นผสานเทพโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายามเลย!

ชายหนุ่มเบนหน้ามองไปทางประตูเมือง “ฉางมู่ ข้ามาแล้ว”

จากนั้นคนก็เดินอาดๆ ก่อนที่จะหายวับไปจากสายตา

คนที่หยุดอยู่อีกด้านหนึ่งของประตูเมือง ทั่วปาเซียวเหยาก้มมองม้าเพลิงโลกันตร์ที่ตนใช้เป็นพาหนะสลับกับมองไปทางประตูเมืองไม่ไกลนัก “นี่ผู้ฝึกกระบี่ ม้าของเจ้า……”

.

เยี่ยฉวนผ่านเข้าเมืองมาแล้ว!

ข่าวคราวการมาถึงค่อนข้างรวดเร็วของเยี่ยฉวนอยู่ในความสนใจของผู้คนชาวเมือง และเพียงไม่นานข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแห่งอาณาจักรต้าอวิ๋น ในเวลาไม่นานต่อมาชาวเมืองทยอยหลั่งไหลไปรวมตัวที่เชิงเขาอันเป็นที่ตั้งของสถานศึกษาฉางมู่

สถานศึกษาฉางมู่!

กลุ่มอำนาจเก่าแก่ที่อยู่คู่กับแผ่นดินชิงมานานนับพันปี อีกทั้งเป็นมหาอำนาจหนึ่งในสามแห่งแผ่นดินชิงด้วย

ก่อนหน้าเมื่อใดที่สถานศึกษาฉางมู่มีความเคลื่อนไหว มักส่งผลกระทบต่อผู้คนบนแผ่นดินชิงไม่มากก็น้อย แม้คำกล่าวฟังดูออกจะเกินจริง หากเป็นข้อพิสูจน์ที่สามารถอนุมานได้ถึงอิทธิพลอย่างมหาศาลของฉางมู่ที่มีต่อแผ่นดินชิง

ด้วยในเวลานี้ชายหนุ่มวัยไม่เกินยี่สิบขวบปี บุกเข้ามาถึงเมืองหลวงแห่งอาณาจักรต้าอวิ๋น ทว่านั่นมิใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งที่เป็นประเด็นคือชายหนุ่มคนนั้นข่มขู่คุกคามว่าจะทำลายสถานศึกษาฉางมู่ให้ย่อยยับต่างหาก!

เขาเคยทำลายสถานศึกษาฉางมู่มาแล้ว!

ที่แม้แต่ที่อาณาจักรต้าอวิ๋น ใช่ว่าใครจะกล้าปากพล่อยเอ่ยประโยคนี้ได้!

เดี๋ยวนี้เวลานี้ ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลกันไปที่เชิงเขาที่ตั้งสถานศึกษาฉางมู่ คนเหล่านี้เดินทางมาจากที่ต่างๆ ในเมืองหลวง ทุกคนล้วนกระตือรือร้นที่จะได้มาเห็นชายหนุ่มจากแคว้นเจียง

คนที่จะมาทำลายสถานศึกษาฉางมู่ตัวเป็นๆ!

สถานศึกษาฉางมู่เป็นสถานที่ใหญ่โต ขนาดของพื้นที่สี่เหลี่ยมจตุรัสครอบคลุมอาณาบริเวณภูเขาอันเป็นที่ตั้งของสถานศึกษา ในขณะนั้นมีคนจากที่ต่างๆ ร่วมแสนเต็มพื้นที่สี่เหลี่ยมจตุรัส

คนทั้งหมดกำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอย!

กำลังคอยเวลาที่เยี่ยฉวนจะมาปรากฏตัว

ในเมืองหลวงริมถนนสายหนึ่ง เยี่ยฉวนทรุดนั่งลงบนม้านั่งในร้านขายบะหมี่ “เถ้าแก่ ขอบะหมี่สองชามใส่ไข่ด้วยขอรับ!”

“ได้!”

เจ้าของร้านบะหมี่ขานตอบ จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบเส้นบะหมี่ด้วยความชำนาญหย่อนลงในหม้อน้ำซุปที่กำลังเดือดจัด

ครู่หนึ่ง เจ้าของร้านจึงยกชามบะหมี่มาเสิร์ฟให้เยี่ยฉวนสองชาม

ทว่าชายหนุ่มกลับชะงักงัน

“สองชาม?”

เยี่ยฉวนเอี้ยวตัวหมายใจจะถามถึงเจ้าของบะหมี่อีกชาม อย่างเสียไม่รู้ว่าเขานึกอย่างไร จึงรีบกลืนคำพูดที่ขึ้นมารออยู่ริมฝีปากกลับลงคอไปเสีย

เยี่ยฉวนนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะมีเสียงรำพึงเบาๆ กับตนเอง “หลิงเอ๋อร์ พี่คิดถึงน้อง!”

ก่อนจะเอื้อมมือไปยกชามบะหมี่อีกถ้วยวางลงในตำแหน่งตรงกันข้าม และลงมือกินบะหมี่เงียบๆ

น้องของเขา!

นางเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต อย่างหนึ่งที่เยี่ยฉวนจำได้ไม่ลืม เมื่อตอนที่อายุได้แปดขวบนางสามารถยืนมองหน้าร้านขายบะหมี่เป็นเวลานานร่วมชั่วยามด้วยความหิว……แต่ในตอนนั้นเยี่ยฉวนไม่มีเงินแม้สักแดงเดียว!

ชายหนุ่มรู้สึกลำคอตีบตันขึ้นมากะทันหัน!

เจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด!

นับแต่นั้นเขาตั้งปฏิญาณกับตนเองว่าจะทำงานหาเงินเลี้ยงดูน้องสาวของตนให้อยู่สุขสบายตลอดชีวิต!

.

ณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่

บนท้องถนน เด็กหญิงและสตรีผู้มีใบหน้างดงามกำลังเดินชมตลาดอยู่นั้น ผู้คนที่กำลังสัญจรไปมาบนสองฝั่งถนนต่างพากันหันมองทั้งสองคนจนเหลียวหลัง

โดยเฉพาะเด็กหญิงน้อย ซึ่งมีลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น!

เด็กหญิงอายุราวสิบสามหรือสิบสี่ปีเห็นจะได้ สวมเสื้อผ้าที่ทำจากน้ำแข็ง ไม่แต่เท่านั้นเส้นผมบนศีรษะยังกลายเป็นแท่งน้ำแข็งอีกด้วย ทั่วทั้งร่างกายของเด็กน้อยมีพลังไอเย็นถ่ายเทออกมาตลอดเวลา กระทั่งคนเดินถนนที่อยู่ห่างไปราว 15 จั้ง ยังรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่าน

นอกจากนั้น ยามที่นางก้าวเดินไปแห่งหนใด พื้นดินในบริเวณจะปกคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็งทันที……

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version