บทที่ 385 ใครกล้า ก็ให้ออกมาสู้กับข้า! (ปลาย)
……
สิ่งที่ค้นพบใหม่สร้างความประหลาดใจแก่เยี่ยฉวน จนรู้สึกตื่นเต้นปิติใจยิ่งนัก “ต่อไปข้าจะใช้พลังปณิธานคุณธรรมแห่งกระบี่เช่นนี้” หรือว่าเดิมทีเจตนาของพลังปณิธานคุณธรรมเพื่อใช้ปกป้องคุ้มภัยตั้งแต่แรก? ด้วยเยี่ยฉวนเคยพบว่าพลังปณิธานคุณธรรมนั้นออกจะอ่อนด้อยในการสังหาร ในทางตรงกันข้ามกลับมีบทบาทในทางการป้องกันอย่างยิ่ง!”……
……
“สู้เลย!” ……
..
ใครคนหนึ่งตะโกนเสียงดังมาจากฝูงคน
คนอื่น “……”
มู่ซ่วนชิงเขม้นมองจนตาแทบถลน “เข้ามา ข้าเองก็อยากเห็นว่าเจ้าจะร้ายกาจสักแค่ไหน!”
ทันทีที่เสียงของคนพูดเลือนหาย มู่ซ่วนชิงทะยานวาบไปทางก้อนหินใหญ่ที่ไกลออกไปสี่จั้งเศษ ซึ่งอยู่ห่างจากเขามากพอสมควร ทันใดนั้นเขาเหวี่ยงฝ่าเท้าเตะเข้าที่ก้อนหินนั้นอย่างรุนแรง พลันหินก้อนมหึมาก็ปลิวพุ่งมาทางที่เยี่ยฉวนซึ่งยืนอยู่ถัดไปเพียงนิดเดียว
เยี่ยฉวนเห็นเช่นนั้น เขาที่มีสีหน้าเรียบเฉยพลันเสือกกระบี่ในมือพรวดออกเบื้องหน้า!
กระบี่พุ่งปะทะทั้งตรงทั้งเรียบง่าย!
ฉั่วะ!
ศิลาก้อนใหญ่ปริแตกออกเป็นสองส่วนทันที แต่กระบี่กลับยั้งหยุดเพียงเท่านั้นด้วยมีนิ้วมือสองนิ้วหนีบส่วนปลายกระบี่ไว้แน่นหนา!
ภายหลังจากมู่ซ่วนชิงจับตรึงกระบี่แล้วเขาเตรียมจะเข้าจู่โจมทันที ทว่าในตอนนั้นเองกระบี่บินทะยานออกจากร่างกายของเยี่ยฉวน และตวัดตัดที่กลางลำตัวคนอย่างรวดเร็ว
จอประสาทตาของมู่ซ่วนชิงบีบเข้า ขณะที่ตัดสินใจพลิกนิ้วมือข้างขวาทั้งสองนิ้ว
ตู้ม!
กระบี่บินเล่มนั้นถูกพลังผลักของมู่ซ่วนชิงจนกระเด็นออกไปในอากาศ แต่ฉับพลันกระบี่บินอีกเล่มพุ่งตรงเข้าหาคนอีกครา!
ชายวัยกลางคนกดฝ่าเท้าลงกับพื้นดันร่างลอยขึ้นสู่เบื้องบนโดยฉับพลัน ถึงกระนั้นที่เบื้องหน้ายังปรากฏมีกระบี่บินโผล่มาอีกเล่ม ซึ่งห่างจากจุดกึ่งกลางหว่างคิ้วของเขาไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
ชั่นขณะหนึ่ง มู่ซ่วนชิงสัมผัสได้ถึงแสงกระบี่ซึ่งไหลซึมออกจากกระบี่บินของเยี่ยฉวนอย่างชัดเจน!
มันทั้งคมกริบและบาดลึก!
เขาเบี่ยงศรีษะหลบวูบ ส่งผลให้กระบี่บินพลาดเป้าหมายเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามมีกระบี่บินเล่มใหม่ปรากฏขึ้นต่อหน้าอย่างฉับพลัน!
มู่ซ่วนชิงถอยกรูดห่างไปราวหลายจั้งรวดเร็ว ทว่าหลังจากนั้นเขาตวัดเท้าออกไปข้างหน้าก้าวหนึ่งพร้อมผลักออกกำปั้น
ตู้ม!
เมื่อเขาผลักหมัดออกไป พลังครอบงำพุ่งทะยานออกสกัดกระบี่เจ็ดเล่มของเยี่ยฉวนไว้ทันทีในคราวเดียว!
ถึงกระนั้นพลังกลับไม่อาจผลักกระบี่ให้ล่าถอยไป!
ทันใดนั้นเยี่ยฉวนซึ่งใช้พลังควบคุมกระบี่อยู่อีกทาง ชายหนุ่มพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายด้วยความเร็วประหนึ่งพายุ กระบี่หลิงซิ่วที่ถืออยู่ผสานด้วยแรงผลักดันแห่งกระบี่ยิ่งส่งให้พลังความเร็วพุ่งถึงขีดสุด
เยี่ยฉวนรวบรวมแรงผลักดัน!
เมื่อระยะห่างระหว่างเยี่ยฉวนกับมู่ซ่วนชิงเหลืออีกเพียงไม่กี่จั้ง แรงผลักดันแห่งกระบี่ที่ผนึกภายในกระบี่หลิงซิ่วกลับเหนือกว่าที่คนขั้นพลังผสานเทพจะทำได้
มู่ซ่วนชิงก็เห็นดังนั้นเช่นกัน จึงทำให้สายตาที่มองตรงปรากฏแววเคร่งเครียดยิ่งขึ้นกว่าเดิม! หรือถ้าจะบอกว่าแววตาของมู่ซ่วนชิงได้แปรเปลี่ยนจากเคร่งเครียดเป็นหวาดหวั่นก็คงไม่ผิดนัก!
ขณะนั้นเอง เยี่ยฉวนดีดตัวกระโดดขึ้นสูง พร้อมกับใช้ทั้งสองมือฉวยกระบี่ไว้แน่นและตวัดฟาดลงไปอย่างแรงยังที่หมาย……คือศีรษะของมู่ซ่วนชิงที่ด้านล่าง!
หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา!
จังหวะที่เยี่ยฉวนฟาดกระบี่ลงมาอย่างรุนแรง แรงผลักดันภายในกระบี่ได้เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวอย่างรวดเร็ว ชั่วครู่เท่านั้นแรงผลักดันในกระบี่พลันเพิ่มขึ้นเทียบเท่ากับแรงผลักดันของขั้นผนึกยุทธ์นั่นเอง!
ชายหนุ่มยังไม่สำเร็จขั้นผนึกยุทธ์ก็จริง แต่พลังปะทะแห่งกระบี่กลับพุ่งทะยานขึ้นสูงเทียบชั้นกับพลังในขั้นผนึกยุทธ์ทีเดียว!
แววตาของคนทางเบื้องล่าง มู่ซ่วนชิงฉายประกายเหี้ยมเกรียม ขณะขยับเท้าถอยหลังพร้อมประกบฝ่ามือสองข้างเข้าหากัน ครู่ต่อมาปรากฏพลังแสงเปล่งจากภายในสู่ภายนอกร่างกาย แม้ว่ามู่ซ่วนชิงไม่ได้กลับคืนสู่ขั้นพลังผนึกยุทธ์ตามเดิม แต่เขาก็สามารถใช้พลังทักษะยุทธ์ที่มีอยู่!
ทันทีที่กระบี่ของเยี่ยฉวนฟันลงมาจากด้านบนอยู่ห่างจากศีรษะของมู่ซ่วนชิงไปเพียง 10 กว่านิ้ว อีกฝ่ายพลันกระทืบเท้าขวาลงที่พื้นดินอย่างหนักหน่วง ฝ่ามือซึ่งประกบเข้าหากันพลันยกขึ้นทันที “อเวจีกระชากวิญญาณ!”
เมื่อเสียงของมู่ซ่วนชิงเลือนหาย พลันก้อนสีดำประหลาดปรากฏขึ้นในอากาศเหนือศีรษะคน และลำแสงกระบี่ของเยี่ยฉวนซึ่งกำลังหลั่งไหลแผ่กระจายกลับวูบหายไปอย่างไร้ร่องรอย นอกจากนั้นก้อนสีดำประหลาดนั่นยังแผ่ขยายพุ่งมาทางเยี่ยฉวนอย่างมุ่งร้ายด้วยความรวดเร็ว และไม่ทันไรร่างของเยี่ยฉวนถูกกลืนหายไปในก้อนสีดำเพียงชั่วพริบตา!
ทั่วทั้งบริเวณเงียบกริบ
ทุกสายตาต่างเฝ้ามองเหตุการณ์จากในระยะห่าง “เยี่ยฉวนตายแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ชั่วอึดใจถัดมา–
ตู้ม!
ในก้อนสีดำ ลำแสงสีขาวสว่างวาบก่อนเสียงระเบิดดังสนั่น……
ปณิธานคุณธรรมแห่งกระบี่!
ในเวลาต่อมา ปณิธานคุณธรรมแห่งกระบี่ได้เริ่มสูบกลืนก้อนสีดำอย่างตะกละตะกราม พร้อมกันนั้นลำแสงแห่งกระบี่ตวัดผ่าอากาศลงมาอย่างรวดเร็ว
ผัวะ!
ท่ามกลางสายตาของผู้คน ร่างของมู่ซ่วนชิงถูกแรงปะทะกระผลักจนกระเด็นไปไกลกว่าเก้าสิบจั้ง กระทั่งร่างของเขากระแทกเข้ากับผนังเชิงเขาจึงร่วงลงไปกองกับพื้นตรงนั้นเอง พลังรุนแรงได้ส่งผลให้ผนังเชิงเขาทางด้านหลังไหวโยกและปริแตกทันที!
หลายคนหันไปมองอีกด้านหนึ่ง หลุมดำเมื่อครู่ถูกกลืนหมดสิ้นและกลับสู่สภาวะปกติ มองเห็นร่างของชายหนุ่มกับกระบี่ยาว พร้อมด้วยหมอกควันสีขาวกำลังลอยวนเวียนอยู่รอบกายคน!
แก่นแท้แห่งปณิธานกระบี่!
เยี่ยฉวน!
คนที่มุงดูเหตุการณ์ต่างหันมองหน้ากันไปมา สีหน้าบ่งบอกว่าไม่มีใครรู้แน่ชัด “เยี่ยฉวนเป็นผู้ชนะงั้นหรือ?”
ชายหนุ่มถือกระบี่เดินย่างสามขุมตรงไปทางมู่ซ่วนชิงซึ่งนอนพังพาบอยู่บนพื้นดินห่างออกไป ซ้ำคนผู้นั้นที่มุมปากยังปรากฏคราบโลหิตไหลเป็นทาง ตามร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากคมกระบี่นับสิบแผล อีกทั้งยังเป็นแผลบาดลึกจนน่ากลัว ตามเนื้อตัวของมู่ซ่วนชิงเสียหายหนักด้วยคมกระบี่!
ชายวัยกลางคนได้รับบาดเจ็บสาหัส!
มู่ซ่วนชิงยกหลังมือขึ้นปาดเช็ดคราบโลหิต ขณะสายตาจ้องเขม็งที่เยี่ยฉวน “ทักษะกระบี่เฉียบคมอะไรเช่นนี้! แก่นแท้ของปณิธานกระบี่ยังแข็งแกร่งยิ่งอะไรเช่นนี้! ข้าชักอยากรู้เสียแล้วว่าปณิธานกระบี่ของเจ้าเป็นเช่นไร?”
ชายหนุ่มเดินมาหยุดตรงหน้ามู่ซ่วนชิงเพียงไม่กี่จั้ง ก่อนจะใช้ปลายกระบี่ชี้ไปยังคนและว่า “กลับคืนขั้นพลังผนึกยุทธ์ของเจ้าเสีย!”
“กลับคืนขั้นผนึกยุทธ์!”
คนที่อยู่ในลานพากันตกตะลึงที่ได้ยินเช่นนั้น “เขาจะทำอะไร?”
“อยากตายหรือไง?”
ใครก็รู้กันทั้งนั้นว่าเยี่ยฉวนสำเร็จเพียงแค่ขั้นทะยานสวรรค์!
อีกฝ่ายยังได้แต่จ้องมองนิ่งเฉย เยี่ยฉวนจึงพูดมาอีกว่า “ไม่ต้องกลัว คนอื่นเขาไม่ประนามว่าฉางมู่กระทำกลั่นแกล้งรังแก หรือว่าว่าอาจารย์ใหญ่มู่ซ่วนชิงยอมเสียเกียรติดีกว่ายอมตาย ไม่มีใครว่าสถานศึกษาฉางมู่น่าละอายแค่ไหน เพราะฉะนั้นการที่เจ้ากลับคืนขั้นพลังย่อมไม่มีผลต่อชื่อเสียงของฉางมู่ที่อุตส่าห์สั่งสมมานานนับพันปี……เอาสิ กลัวอะไรนักหนารีบกลับคืนขั้นผนึกยุทธ์ เร็วเข้า!”
ทุกคน “……”
