บทที่ 550 เฒ่าสถุลแซ่ลู่ แน่จริงมาเจอกับข้าตัวต่อตัว! (ปลาย)
เสียงระเบิดดังกัมปนาทเลือนหายพร้อมกับลำแสงแห่งกระบี่ และเงาทะมึนก็หายวับไปทันที หนานข่งผงะถอยกรูดไปไกลกว่าร้อยชุ่น……
ทันทีที่หนานข่งหยุดลงกับที่ เขาตวัดกระบี่ยกขึ้นแนบกับบริเวณกึ่งกลางหว่างคิ้ว จากนั้นประกบนิ้วมือข้างซ้ายกดเข้าสันกระบี่ขยับเลื่อนไล่ขึ้นไปจนสุดปลาย ความเงียบงันครอบคลุมไปชั่วเสี้ยวอึดใจ ทันใดนั้นหนานข่งสะบัดกระบี่ชี้พุ่งฝ่าช่องอากาศตรงไปยังชายห่มผ้าคลุมยาว กระบี่ในมือรวดเร็วประหนึ่งความเร็วแสง……
ด้วยความเร็วอย่างยิ่งยวดของกระบี่ที่พุ่งออกไป จนสามารถมองเห็นเป็นจุดๆ เดียว!..
ฟากตรงข้ามกับหนานข่ง ชายหนุ่มห่มผ้าคลุมยาวสีหน้านิ่งสนิท ฉับพลันนั้นเองเขายกทวนยาวขึ้นก่อนจะกระแทกเปรี้ยงสวนออกไปอย่างแรง เสียงชนิดหนึ่งดังสะท้านออกจากลำทวนยาวเป็นเสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยวของอสูรร้าย
ตูม!!!
ทวนยาวที่ถูกผลักออกไปสามารถสกัดกั้นกระบี่ของหนานข่งให้หยุดอยู่กับที่ และเมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงหมุนฝ่ามือข้างขวาควงสว่านโดยแรงอีกครั้ง
ตูม!!!
พลันในเสียงระเบิดกระบี่ของหนานข่งกระเด็นไปอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันคนถือทวนผู้มีความว่องไวประหนึ่งเสือ ก็พุ่งตัวเข้าหาหนานข่งซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปเท่าใดนัก
แรงผลักนั้นรุนแรงดุจสายฟ้าท่ามกลางพายุคะนอง
แววตาของหนานข่งทอประกายเข้มขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาตวัดมือสองข้างร่ายเวทมนตร์เรียกกระบี่ ฉับพลันที่เหนือศีรษะกระบี่เล่มหนึ่งก็ปรากฏแก่สายตา ขณะต่อมาเขาก็ฟาดฝ่ามือออกไป และกระบี่ซึ่งปรากฏแก่สายตาได้พุ่งวาบรวดเร็วเสียจนเห็นเพียงแสงแปลบปลาบ
เพลงกระบี่ขั้นสวรรค์!
จังหวะเดียวกับที่ชายห่มผ้าคลุมยาวตวัดทวนที่ถืออยู่ฟาดอย่างรุนแรง ดุจสายฟ้าที่พาดผ่ากลางฟากนภา!
ตูม!!!
จากนั้นท่ามกลางผู้คนที่เฝ้าดูจำนวนมาก กระบี่ที่ปรากฏแก่สายตาของหนานข่งแตกละเอียดกระจายเหลือเพียงแสงประกายระยับ อีกทั้งร่างของเขายังกระเด็นไปไกลอีกด้วย
ราชันย์แห่งทวน!
ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึงพรึงเพริด
ชายคนนี้เป็นราชันย์แห่งทวนหรือ!?
ถึงกระนั้นหลังจากฟาดทวนจนร่างของหนานข่งปลิวไปแล้ว ชายคนสวมผ้าคลุมยาวยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ทว่ายังผลักทวนส่งออกด้วยความเร็วไปยังหนานข่งทันที
ฟึ่บบบ!
ลำทวนยาวทะยานวาบด้วยความเร็วสุดดุจสายฟ้า โดยเป้าหมายอยู่ที่หนานข่งตรงหน้า!
ภาพที่ปรากฏแต่สายตา ทำให้จอประสาทตาของหนานข่งบีบเล็กลง พลันเร่งประกบฝ่ามือเข้าหากัน สิ่งที่เกิดขึ้นกระบี่กำลังกลั่นตัวตรงกลางระหว่างฝ่ามือ ขณะต่อมานั้นเองเจ้าตัวจับกระบี่ด้วยสองมือยกขึ้นและฟาดออกไปข้างหน้า “พินาศ!”
พินาศ!
ทันทีที่คำพูดสิ้นสุดลง กระบี่ซึ่งมือทั้งสองข้างจับไว้มั่นได้ตวัดฟาดลงไปข้างหน้าอย่างรุนแรง
ตูม!!!
เสียงระเบิดกัมปนาทขึ้นทันทีพาลานโล่งสั่นสะเทือนทั้งบริเวณ ตอนนั้นพลังมหากาฬชนิดหนึ่งปะทุเข้ามาเบื้องหน้าของหนานข่ง พลันร่างคนปลิวกระเด็นไปไกลกว่า 30 ชุ่นทันที ขณะที่กำลังลอยละลิ่วใกล้จะตกถึงพื้นดินนั้นเอง โดยไม่มีผู้ใดคาดคิดมือปริศนาเอื้อมมารับไว้ได้ทันควัน
ทุกสายตามองไล่จากมือข้างนั้นไปยังผู้เป็นเจ้าของ……
เยี่ยฉวน?
เป็นเยี่ยฉวนจริงๆ!
เมื่อเห็นเยี่ยฉวน ทุกคนต่างอยู่ในอาการตกตะลึง
คนผู้นี้อีกแล้ว!
ชายหนุ่มไม่ได้แข็งแกร่งกว่าทุกคนที่นี่ หากเป็นเพราะเมื่อไม่นานมานี้เยี่ยฉวนเป็นคนที่สังหารยอดฝีมือคนที่มาทำเป็นท้าทายสำนักชางเจี้ยนนั่นเอง!
หนานข่งเองยังหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้างงงัน “อานเยี่ย?”
เยี่ยฉวนพยักหน้าน้อยๆ จากนั้นจึงล้วงเอายาตันเถียนจื้อหยวนออกมาก่อนจะยื่นให้คนตรงหน้า “ทางนี้ข้าจัดการเอง”
หนานข่งพยักหน้าก่อนบอกไปว่า “หมอนี่พลังแกร่งกล้ามาก ยังไงก็ระวังด้วย”
เยี่ยฉวนรับคำ จากนั้นจึงเดินตรงไปยังชายคนสวมผ้าคลุมยาวที่ไม่ห่างไปนัก
คนที่มองมาจากระยะห่าง สายตามองกวาดมายังเยี่ยฉวนพร้อมกับจังหวะนั้นเขาขยับมือข้างขวา พลันลำทวนยาวก็ปรากฏขึ้นในมือข้างนั้นทันที “คิดอยู่ว่าเจ้าจะไม่ลงมาเสียแล้ว”
ชายหนุ่มเหยียดมุมปากพูดยิ้มๆ “เจ้ามาหาข้า แล้วข้าจะไม่มาได้อย่างไร?”
คนสวมผ้าคลุมยาวบิดปากพร้อมกับพยักหน้า “มา ขอชมเป็นขวัญตาหน่อยว่าราชันย์กระบี่แห่งโลกชิงฉางจะแน่สักแค่ไหน!” ว่าแล้วก็กระแทกทวนลงบนพื้นดิน
ตูม!!!
พื้นที่ในบริเวณพลันระเบิดแหลกเป็นเศษเล็กเศษน้อย จากนั้นแรงผลักมหาศาลหลั่งไหลมาบรรจบที่ตัวคนผู้นั้น พลังผลักที่ว่าแรงกล้าขึ้นทุกทีๆ จนกระทั่งในที่สุดความรุนแรงก็ประหนึ่งมหันตภัยพายุ ทำให้คนที่อยู่รอบบริเวณแทบหายใจหายคอไม่ออกทีเดียว
เยี่ยฉวนตอบท่าทางเสียมิได้ “งั้นก็จัดให้!”
ว่าดังนั้นแล้ว เขากดเท้าลงสัมผัสพื้นดินเพียงเบาๆ ดุจแมลงปอโฉบเหนือผิวน้ำ จากนั้นร่างทะยานขึ้นบนอากาศ ขณะต่อมาก็ไปปรากฏอยู่เหนือศีรษะของชายสวมผ้าคลุมยาว พร้อมกับใช้กระบี่ฟาดลงมาอย่างรุนแรงครั้งเดียว
หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา!
ครั้งนี้เยี่ยฉวนไม่ปิดบังพลังความกล้าแกร่งอีกต่อไป พลังฟาดที่ออกไปจึงไม่เพียงผสานด้วยแรงผลักกระบี่แห่งราชันย์กระบี่เท่านั้น ทว่ายังมีพลังปณิธานกระบี่มารร่วมด้วย!
ในทันทีที่เยี่ยฉวนผลักออกพลังปณิธานกระบี่ สีหน้าของใครหลายคนที่ได้เห็นเปลี่ยนแปลงไปทันควัน
พลังปณิธานกระบี่ชนิดนี้คืออะไรกันแน่?
คนที่อยู่ด้านล่าง ยามนี้ทั้งสีหน้าและมุมปากบิดเบี้ยวฉายแววเหี้ยมเกรียม เขาขยับทวนยาวและเสือกลำทวนขึ้นไปข้างบนอย่างรุนแรง “แทง!”
พลังฟาดหนึ่งเดียว รุนแรงอย่างไม่อาจหยุดยั้งประหนึ่งจะทะลุทะลวงโลก!
ท่ามกลางสายตาทุกคู่ของคนนับไม่ถ้วนในที่นั้น หนึ่งกระบี่ปะทะหนึ่งทวน
ตูม!!!
ทันใดนั้นมีเสียงระเบิดดังกึกก้อง ภาพที่ปรากฏคนสองคนต่างคนกระเด็นไปไกลในเวลาเดียวกัน ทว่าในขณะที่เยี่ยฉวนร่างลอยละลิ่วไป มือที่กุมด้ามกระบี่พลันคลายออกทันที ต่อมานั้นเอง……
ชายคนอีกฝ่ายเหลือบเห็นจากในระยะไกลพลันสีหน้าเผือดซีด ก่อนที่เขาจะทันโต้ตอบกระบี่เล่มนั้นพุ่งเสียบเข้ากลางแสกหน้าพอดิบพอดี
ชายคนนั้นเป็นฝ่ายปราชัย!
ภาพที่ปรากฏต่อหน้าต่อตาศิษย์สำนักชางเจี้ยนต่างไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจ
เยี่ยฉวนได้ชัยชนะ!
ชนะอีกครั้ง!
เมื่อศิษย์สำนักชางเจี้ยนพากันมองมาที่เยี่ยฉวน แววตาของทุกคนแสดงออกถึงความศรัทธาและคลั่งไคล้ฉายชัดเจน!
ความศรัทธาที่เกิดจากใจ
ที่พื้นดินเยี่ยฉวนขยับก้าวออกมาก้าวหนึ่ง ใช้หลังมือเช็ดคราบโลหิตที่ไหลซึมออกจากมุมปาก จากนั้นจึงแหงนเงยขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนเอ่ยขึ้นว่า “สำนักผู้ตรวจการเขตแดนจงฟัง นับแต่นี้ไปข้าได้ลาออกจากสำนักชางเจี้ยนแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา……”
ตอนนั้นเองเสียงพูดปานกัมปนาทของใครคนหนึ่งดังมาจากยอดเขา “นับแต่นี้ไป อานเยี่ยจะเป็นว่าที่เจ้าสำนักอีกคนของสำนักชางเจี้ยน!”
เสียงที่พูดให้ได้ยิน ทำให้เยี่ยฉวนถึงกับแน่นิ่งราวกับถูกตรึงอยู่กับที่
สำนักชางเจี้ยนไม่ประสงค์จะให้ชายหนุ่มออกไป!
ฉับพลันนั้นใครคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบดังมาจากขอบฟ้าแสนไกล “สำนักชางเจี้ยนให้ที่หลบซ่อนแก่คนชั่วแห่งโลกชิงฉาง พวกเจ้าจึงสมควรถูกรังเกียจและถูกประนามจากทั้งสวรรค์และโลก!”
คนที่อยู่ด้านล่างถึงกับอดรนทนไม่ไหว เยี่ยฉวนชูกำปั้นพลางสบถออกไปอย่างเหลืออด “ไอ้เฒ่าสถุลแซ่ลู่ แน่จริงมาเจอกับข้าตัวต่อตัวสิโว้ย!”
พลันมีเสียงอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์จากคนที่อยู่ในบริเวณลาน เขาท้าทายผู้ทรงเกียรติลู่งั้นหรือ?
ในเวลาต่อมาร่างของผู้ทรงเกียรติลู่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า คนที่อยู่สูงกว่าเหลือบมองคนที่อยู่ต่ำกว่าบนพื้นดิน “แน่ใจนะ?”
เปิดเผยตัวออกมาจริงหรือนี่?
ชายหนุ่มเองยังถึงกับตกใจ จากนั้นจึงพูดออกไปสีหน้าจริงจัง “เชื่อ? ข้าหลอกโว้ย!”
“……”
ทุกคนในที่นั้นไม่มีแม้แต่วาจาใดจะหลุดออกมา
