บทที่ 855 : ข้าไม่เคยลงมือเป็นครั้งที่สอง! (ต้น)
คนผู้นั้นมาแล้ว!
ทุกคนพากันมองดู ผู้ฝึกกระบี่ยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น ขณะกำลังมองไปยังกระบี่เบื้องหน้าด้วยแววตาแฝงรอยพึงใจ
ที่ด้านล่าง สายตาของยอดยุทธ์ชั้นที่สองกำลังจับจ้องไปที่ผู้ฝึกกระบี่เช่นกัน หากแววตาแฝงความฉงนฉงาย
ด้วยนางไม่รู้จักผู้ฝึกกระบี่คนนี้นั่นเอง!
ทว่าเท่าที่รู้เขาคนนี้น่าจะเป็นเซียนกระบี่คนใดคนหนึ่งในสามกระบี่ที่อยู่บนยอดหอคอย
จักรพรรดิซิงเดินตรงไปหาผู้ฝึกกระบี่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
สำหรับคนที่มีพละกำลังแข็งแกร่ง ความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือคู่ต่อสู้ที่ไม่กล้าแกร่งมากพอ
บนอากาศ ผู้ฝึกกระบี่ขยับกระบี่ตวัดไปข้างหน้าเบาๆ ขณะเอ่ยกับคนตรงข้าม “ไม่ได้เจอกันนานทีเดียว”
พลันกระบี่สั่นสะท้านอย่างรุนแรงประหนึ่งสัมผัสถึงบางสิ่งบางอย่างเข้าแล้ว!
ผู้ฝึกกระบี่บิดมุมปากยกยิ้ม สายตามองตรงไปยังจักรพรรดิซิงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าไม่ไกลออกไป ฝ่ายหลังยิ้มน้อยๆ “ข้าควรเรียกเจ้าว่าอะไร?”
ผู้ฝึกกระบี่มองจักรพรรดิซิงด้วยสายตาแน่วนิ่ง ก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่เยี่ยฉวน เมื่อมองเห็นหน้าชายหนุ่ม คนผู้นั้นถึงกับชะงักงันไปเล็กน้อยและกล่าวว่า “เจ้าหนุ่ม ขึ้นมาหาข้าทีได้ไหม?”
คนด้านล่าง เยี่ยฉวนมองผู้ฝึกกระบี่อย่างชั่งใจ หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจึงตัดสินใจทะยานไปหาผู้ฝึกกระบี่พร้อมด้วยเศษซากกระบี่เจิ้นหุนที่แตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเสียแล้ว
ผู้ฝึกกระบี่มองชายหนุ่มตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วพึมพำออกมาว่า “อย่างนี้เอง…”
จากนั้นส่ายหน้าไปมา ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ “น่าสนใจนัก!”
เยี่ยฉวนมองกลับด้วยสายตาแสดงความข้องใจ “ผู้อาวุโส?”
คนตรงข้ามเหลือบมองกองเศษซากกระบี่ที่ชายหนุ่มกอบไว้ในมือ “นั่นกระบี่ของเจ้าสินะ?”
คนถูกถามพยักหน้าแทนคำตอบ
ผู้ฝึกกระบี่เปล่งเสียงหัวเราะในลำคอ “ถึงแม้กระบี่จะแตกหักไปแล้ว เจ้าก็สามารถซ่อมมันขึ้นมาได้ใหม่!”
เยี่ยฉวนถามเสียงรัวเร็ว “ซ่อมอย่างไรขอรับ?”
ผู้ฝึกกระบี่เหยียดมุมปากยิ้ม “ใช้พลังปณิธานกระบี่!”
“พลังปณิธานกระบี่งั้นหรือ?”
ชายหนุ่มแสดงสีหน้างุนงง “พลังปณิธานจะซ่อมกระบี่ได้อย่างไร?”
อีกฝ่ายกลับยิ้มเฉยโดยไม่ตอบว่ากระไร สายตาเหลือบมองไปทางจักรพรรดิซิงที่อยู่เบื้องหน้า ฝ่ายตรงข้ามเมื่อเห็นดังนั้นพลันยิ้มแล้วถามกลับว่า “ทักทายกันเสร็จหรือยัง?”
ผู้ฝึกกระบี่มองจักรพรรดิซิงนิ่งไม่ตอบโต้แต่อย่างใด
ฝ่ายนั้นทำเสียงหัวเราะหึในลำคอ “หวังว่าเจ้าจะไม่อ่อนด้อยไปอีกคน มิเช่นนั้นจะยิ่งน่าเบื่อหน่ายขึ้นไปอีก”
คนตรงข้ามพยักหน้า “ลงมือได้!”
จักรพรรดิซิงฉีกยิ้มกว้าง “เชิญก่อน!”
พลันนั้นเขาชะงักหยุดนิดหนึ่งก่อนจะพูดอีกว่า “เกรงว่าถ้าข้าลงมือจู่โจมแล้ว เจ้าจะไม่มีโอกาสแสดงฝีมือนั่นซี”
โอหัง!
คนอื่นๆ ที่อยู่แถวนั้นพากันมองไปยังจักรพรรดิซิง พวกเขายอมรับว่าจักรพรรดิซิงคนนี้ช่างยโสโอหังนัก!
อย่างไรก็ตามพลังความแข็งแกร่งที่มีอยู่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นสาเหตุให้มีท่าทางโอหังเช่นนี้!
คนตรงข้ามจักรพรรดิซิง ผู้ฝึกกระบี่เบ้ปากพลางพยักหน้าน้อยๆ “ถ้างั้น……จงรับพลังปะทะของข้าให้ได้!”
ฝ่ายตรงข้ามแหงนหน้าเปล่งหัวเราะลั่น “ก๊ากกก พลังปะทะหรือ? อย่าว่าแต่เพียงพลังปะทะเดียวเลย ต่อให้มาเป็นสิบหรือร้อยก็ได้ ไหนล่ะ?”
ผู้ฝึกกระบี่ส่ายหน้า “ข้าไม่เคยลงมือเป็นครั้งที่สอง!”
ว่าแล้วคนพูดตวัดกระบี่ที่ถืออยู่ในมือพร้อมกับแทงเสือกไปข้างหน้า
การจู่โจมนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้า ดูช้ากว่าปกติเป็นอย่างยิ่งราวกับพลังของคนทั่วไปที่ออกปะทะก็มิปาน
สำหรับคนทั่วไปพลังปะทะนี้จัดว่าธรรมดามาก เป็นพลังออกปะทะธรรมดาๆ ไม่มีอะไรที่เป็นพิเศษเสียด้วยซ้ำ!
อย่างไรก็ตามคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้ฝึกกระบี่ สีหน้าของจักรพรรดิซิงแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงทันที ขณะเดียวกันเร่งประกบฝ่ามือเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว “กายาคงกระพัน!”
ทันใดนั้นพลังงานชนิดหนึ่งพุ่งออกจากร่าง ขณะที่พลังงานนั้นถูกผลักออกพลันพื้นที่ว่างเปล่าในรัศมีนับหลายหมื่นลี้กลายเป็นร้อนระอุขึ้นมา ประหนึ่งเกินกว่าที่สิ่งใดจะสามารถต้านทานพลังนั้นได้!
ไม่เพียงเท่านั้น รอบๆ ตัวปรากฏแสงสีทองอร่ามเข้ากางกั้นคลุมร่างจนมิด!
ถึงกระนั้น ทันทีที่คมกระบี่ตกลงมาสัมผัสกับพลัง ปราการเบื้องหน้าจักรพรรดิซิงพลันหายวับไปกับตา……
หลังจากนั้นราวสองอึดใจ พลังค่อยๆ ปรากฏกลับคืนมา
คนผู้ฝึกกระบี่ยืนนิ่งก่อนที่กระบี่จะกลับคืนสู่ฝักดังเดิม เบื้องหน้าแสงสีทองอร่ามที่เคยคลุมจักรพรรดิซิงบัดนี้ปลาสนาการ*[1] ไปอย่างไร้ร่องรอย
ทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบ!
ด้วยเวลานั้นทุกสายตาจับจ้องไปยังผู้ฝึกกระบี่กับจักรพรรดิซิง ใครคือผู้ชนะ?
……ต่างคนต่างเงียบงัน ปรากฏแววตาของจักรพรรดิซิงเลื่อนลอยอย่างน่าประหลาด “ไม่……ไม่มีทาง……ข้าสู้ฝึกฝนคัมภีร์ยุทธ์มาตั้งแต่หกขวบ พอสิบ ขวบก็สำเร็จคัมภีร์ยุทธ์แห่งเต๋าแล้ว รู้แจ้งในเต๋าแห่งฟ้าดิน เมื่ออายุได้เพียงสิบเก้าปีเท่านั้น สมญานามจักรพรรดินี้ได้มาเมื่ออายุเพียงยี่สิบหก……ไม่ เป็นไปได้อย่างไรแม้แต่จะต้านทานพลังปะทะของเจ้ายังทำไม่ได้ มะ……ไม่……”
เมื่อได้ยินคำพูดที่พรั่งพรูออกจากปากของจักรพรรดิซิง ทุกคนพากันนิ่งขึงตะลึงงัน
จักรพรรดิซิงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้……งั้นหรือ?
เขาพ่ายให้แก่ผู้ฝึกกระบี่?
เสียงมาจากคนที่อยู่ตรงหน้าจักรพรรดิซิง ผู้ฝึกกระบี่คนนั้นหันมาทางเยี่ยฉวนโดยตรง “เจ้าได้รับการยอมรับจากหอคอยในฐานะเจ้าของ……สินะ?”
ชายหนุ่มรีบพยักหน้า “ขอรับ!”
ผู้ฝึกกระบี่จึงกล่าวต่อไปว่า “หอคอยนี้ไม่เหมือนสมบัติล้ำค่าธรรมดา แม้แต่คนที่สร้างมันขึ้นมา ไม่น่าแปลกใจว่าเขาจะต้องเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก เมื่อตกอยู่ในมือแล้วจึงนับเป็นโอกาสของเจ้า จงไขว่คว้าเอาไว้ให้ดี!”
เยี่ยฉวนหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย “แต่หอคอยนี้อันตรายมาก”
อีกฝ่ายจึงบอกว่า “จริงอยู่ เวลานี้เจ้ายังไม่สามารถจัดการกับมันได้……”
จากนั้นเขามองไปยังกระบี่ที่ถืออยู่ในมือ ซึ่งดูเหมือนกระบี่จะรู้ว่าผู้ฝึกกระบี่กำลังจะทำสิ่งใด มันจึงมีอาการสั่นน้อยๆ
เจ้าของกระบี่บิดมุมปากยกยิ้ม ทันใดนั้นกดนิ้วชี้ออกไปข้างหน้าพลันกระบี่ในมือพุ่งพรวดเข้าไปในจุดตันเถียนกลางลำตัวของชายหนุ่มทันที จากนั้นจึงกลับขึ้นสู่ยอดหอคอยดังเดิม ขณะต่อมาทั่วทั้งหอคอยเกิดสั่นไหวอย่างรุนแรง ทว่าแค่เพียงไม่นานก็กลับสงบนิ่งดังเดิม
ผู้ฝึกกระบี่หันไปมองหน้าเยี่ยฉวน “แล้วพบกันใหม่!”
ฉับพลันนั้นร่างของเขาค่อยพร่าเลือนไปทีละน้อย!
ร่างอวตาร!
ทุกสายตาที่มองมาด้วยความรู้สึกอึ้งปนทึ่งไปตามกัน!
แม้แต่เยี่ยฉวนยังนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น
เขาไม่คิดมาก่อนว่าผู้ฝึกกระบี่ที่ปรากฏตัวต่อหน้าแท้แล้วคือร่างอวตาร!
เป็นเพียงร่างอวตาร!
ยอดยุทธ์ชั้นที่สองซึ่งยืนเงียบอยู่ข้างเยี่ยฉวนถึงกับตะลึงไปด้วยเช่นกัน!
ในเวลานั้นเสียงจากจักรพรรดิซิงดังขึ้น เขามองผู้ฝึกกระบี่ตรงข้ามด้วยความรู้สึกมากมายแทบไม่อยากเชื่อสายตา “เจ้า……นี่เจ้าเป็นแค่ร่างอวตารงั้นรึ!”
………….
[1] หนีไป, หายไป, อันตธาน
