บทที่ 889 : โมโห! (ปลาย)
คนที่ชั้นหกตอบเสียงเจือรอยยิ้ม “ความจริงเขาเป็นยอดฝีมือที่แกร่งกล้าคนหนึ่ง ถ้าไม่ถูกจองจำอยู่ที่หอคอยแห่งเรือนจำแห่งนี้นานเกินไป จนกฎเต๋าทำให้พลังสึกหรอลงเป็นอันมาก……แต่ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่อาจเอาชนะผู้ฝึกกระบี่คนนั้นได้อยู่ดี”
ผู้ฝึกกระบี่!
ผู้ฝึกกระบี่ในก้อนเมฆขาว!
เป็นเรื่องปกติ เยี่ยฉวนยังรู้สึกชื่นชมในตัวคนผู้นั้น!
พลังความแข็งแกร่งของเขาน่าจะเทียบเท่ากับสตรีลึกลับเป็นแน่!
ยอดฝีมือผู้ฝึกกระบี่ที่แท้จริง!
คนที่ชั้นหกพูดต่อมาว่า “ส่วนเรื่องแกนกำเนิดของข้า ต่อให้อธิบายอย่างไรคงไม่มีวันจะเข้าใจ ความจริงแล้วสิ่งที่เจ้าควรจะเป็นกังวลไม่ใช่คนที่ถูกจองจำ ทว่าเป็นหอคอยต่างหาก!”
หอคอย?
เยี่ยฉวนถามด้วยความแปลกใจ “หมายความว่าอะไร?”
เสียงตอบกลับมา “เหตุผลคือทำไมหอคอยจึงจดจำเจ้าในฐานะเจ้าของเป็นเพราะสตรีลึกลับผู้นั้น หอคอยไม่ได้จดจำในฐานะเจ้าของด้วยความเต็มใจหรอก……จริงไหม?”
ฝ่ายถูกถามได้แต่เงียบเสียง
เขานึกได้ว่าครั้งหนึ่งยอดยุทธ์ที่ชั้นสองบอกกับตนว่าหอคอยจดจำเขาในฐานะเจ้าของนั้นมันทำไปเพื่อเอาใจสตรีลึกลับ……
คนที่ชั้นหกพูดต่อมา “เจ้าสิ่งนั้นไม่ได้จดจำเจ้าในฐานะเจ้าของด้วยความเต็มใจ วันใดที่พลังของมันฟื้นคืนโดยสมบูรณ์ คิดว่ามันจะยังติดตามเจ้าไปเช่นนี้อย่างนั้นหรือ?”
เยี่ยฉวนจำตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ถ้าไม่ติดตามข้าแล้ว มันจะไม่สังหารข้าใช่ไหม?”
เสียงอีกฝ่ายสวนคำทันควัน “ถ้ามันทำเล่า?”
ชายหนุ่มพึมพำตอบ “ข้าว่ามันคงจะไม่ใจไม้ไส้ระกำเกินไป……”
น้ำเสียงจากคนชั้นที่หกส่อแววสมเพช “สิ่งนี้มาจากโลกห้ามิติ เจ้าของดั้งเดิมมีความแข็งแกร่ง ข้าไม่ได้จะดูถูกหรอกนะ……ทว่าตอนนี้เจ้าอ่อนด้อยเกินไป จนไม่รู้จะหาคำใดมาอธิบาย!”
เยี่ยฉวนเงียบเสียง หมอนี่จะด่าว่าให้มันแนบเนียนกว่านี้ไม่ได้งั้นหรือ?
เสียงกล่าวต่อมาของคนชั้นที่หกว่า “ปกติแล้วเจ้าเป็นคนไม่เอาไหน ข้ายังไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้าของกระบี่สองเล่มบนยอดหอคอยถึงช่วยไว้……หลายต่อหลายครั้ง คนที่หนุนหลังต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งมากเหมือนกัน”
คนหน้ามุ่ยได้แต่เงียบเสียงหนักกว่าเดิม เจ้านั่นมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเขาเลย ใช่ไหม?
ในที่สุดชายหนุ่มตัดสินใจยุติบทสนทนากับคนผู้นั้นแล้วเดินตรงไปยังสถาบันฝึกยุทธ ไม่นาน เยี่ยฉวนเดินมาถึงบันไดหินซึ่งทอดตัวสูงขึ้นไปที่หน้าสถาบันฝึกยุทธ เวลานั้นมีเด็กหนุ่มปรากฏตัวออกมายืนหันข้างขวางทาง ฝ่ายนั้นเหลือบมองข้ามหัวไหล่ด้านขวาของตนมาที่เยี่ยฉวนพลางนิ่วหน้า “เจ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่งั้นหรือ?”
เยี่ยฉวนผงกศีรษะเล็กน้อย
เด็กหนุ่มเอ่ยถามเสียงห้วน “มาที่นี่ทำไม?”
ผู้มาเยือนรีบบอก “ศิษย์น้อง ข้ามาขอพบน้องสาวที่อยู่ในสถาบันฝึกยุทธนี่เอง”
“น้องสาว……งั้นหรือ?”
อีกฝ่ายขมวดคิ้ว “นางชื่ออะไร?
เยี่ยฉวนตอบว่า “นางชื่อเยี่ยหลิง สหายของข้าที่ชื่อแม่นางอันหลานซิ่วและแม่นางเหลียนว่านลี่ก็อยู่ที่นี่ด้วย”
เด็กหนุ่มคนถามได้ยินเช่นนั้น มีท่าทางตกตะลึง “เจ้าบอกว่าเยี่ยหลิงเป็นน้องของเจ้า อันหลานซิ่วและเหลียนว่านลี่ก็เป็นสหายด้วย……งั้นหรือ?”
ชายหนุ่มพยักหน้ารวดเร็ว “ใช่ๆ!”
สีหน้าของเด็กหนุ่มแสดงว่าโกรธจัด “เจ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่ไร้ยางอายสิ้นดี ไล่ตามยอดสตรีแห่งสถาบันฝึกยุทธ์ของเรามา อีกทั้งยังยกเหตุผลไร้ยางอายมาอ้าง ไสหัวไปให้พ้นจากที่นี่เดี๋ยวนี้มิเช่นนั้นอย่ามาโทษว่าข้าไม่เตือน!”
ได้ยินอีกฝ่ายตอกกลับมาเช่นนั้น ทำให้เยี่ยฉวนถึงกับนิ่งด้วยความงุนงง ไอ้บ้านั่นพูดอะไร?
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมกลับไปง่ายๆ เด็กหนุ่มขมวดคิ้วสีหน้าไม่พอใจ “จะออกไปหรือไม่?”
เยี่ยฉวนเงียบงัน “ศิษย์น้อง……”
คนตรงกันข้ามตวาดเสียงกร้าว “ใครเป็นพี่เป็นน้อง? ข้าบอกว่าอะไร ถ้าเจ้าไม่กลับไปเสียตอนนี้ เดี๋ยวถ้าศิษย์พี่ออกมาเห็น อย่ารีบตาลีตาเหลือกหนีไปเสียก็แล้วกัน!”
ชายหนุ่มหุบปากนิ่ง
มีความไม่ลงรอยกันระหว่างสถาบันฝึกยุทธและสำนักกระบี่มาแต่ไหนแต่ไรสินะ?
ชายหนุ่มอึดอัดใจอยู่บ้าง!
ด้วยเวลานี้เยี่ยหลิงรวมทั้งคนอื่นๆ ต่างอยู่ที่สถาบันฝึกยุทธ!
“เสียงเอะอะโวยวายอะไรกัน!”
ทันใดนั้น มีเสียงพูดดังออกมาจากทางด้านหลังของหนุ่มน้อย
เยี่ยฉวนเงยหน้าขึ้นมองไปจึงพบว่าเป็นสตรีนางหนึ่ง
สตรีสาวอายุประมาณยี่สิบปี สวมชุดยาวมีลวดลายดอกไม้ หญิงสาวเป็นคนสะสวยมากคนหนึ่ง ผมยาวสีดำมันขลับทิ้งตัวประบ่าดุจสายน้ำตกลงมาจากชะง่อนหน้าผา มีเสน่ห์ตราตรึงไม่น้อย
เมื่อเห็นหญิงสาว หนุ่มน้อยรีบกระวีกระวาดแสดงคารวะด้วยท่าทีให้ความเคารพ “คารวะศิษย์พี่ฟางเซวี่ย”
สตรีเดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่ม “เกิดอะไรขึ้น?”
คนที่ถูกถามรีบตอบทันที “ผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งมาที่นี่เพื่อขอพบศิษย์พี่อันและคนอื่นด้วยขอรับ?”
ผู้ฝึกกระบี่?
ฟางเซวี่ยนิ่วหน้าขณะสายตาเหลือบแลมาทางเยี่ยฉวน “เจ้าเป็นคนของสำนักกระบี่……งั้นหรือ?”
ชายหนุ่มผงกศีรษะ “ความจริงข้าแค่มาพบน้องสาวและสหาย มิได้มาด้วยเจตนาร้ายอันใด”
หญิงสาวขยับเดินเข้ามาตรงหน้าเยี่ยฉวน “เจ้ามาพบอันหลานซิ่วงั้นหรือ?”
ชายหนุ่มตอบกลับ “ใช่แล้ว กรุณาให้คนไปบอกนางทีว่าข้ามาแล้ว”
สายตาของฟางเซวี่ยจ้องมองเยี่ยฉวนแน่วนิ่งขณะกล่าวว่า “ที่นี่ไม่ต้อนรับผู้ฝึกกระบี่”
อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แม่นาง ข้าไม่ได้มีเจตนาไม่ดี เยี่ยหลิงเป็นน้อง ส่วนแม่นางอันกับแม่นางเหลียนเป็นสหาย ถ้าเจ้าเข้าไปแจ้งว่าข้ามาที่นี่ พวกนางจะเข้าใจ!”
ชายหนุ่มอยากสื่อสารโดยตรงกับเหลียนว่านลี่รวมทั้งคนอื่นๆ ด้วยวิชาถ่ายทอดสัญญาณด้วยซ้ำ ทว่ากลับพบว่าตอนนี้ไม่สามารถทำได้
แสดงว่าเวลานี้เหลียนว่านลี่และทุกคนอยู่ในสถานที่มีสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างพิเศษ
“เจ้าบอกว่าเยี่ยหลิงเป็นน้องงั้นหรือ? ฮ่าฮ่า……”
ขณะนั้นมีเสียงของใครคนหนึ่งดังมาจากด้านข้าง
เยี่ยฉวนหันขวับ มองไปยังที่มาของเสียง ที่ตรงนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งสวมผ้าคลุมสีสันฉูดฉาดมองมาทางเขาก่อนจะถามยิ้มๆ “เยี่ยหลิงนั่นน้องเจ้า?”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ถูกแล้ว! โปรดบอกนางทีว่าข้ามาเยี่ยม!”
คนสวมผ้าคลุมสีสันฉูดฉาดกลับเหยียดมุมปากยกขึ้นเล็กน้อยทำนองยิ้มเยาะ “เจ้ามีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่านางเป็นน้องของเจ้า?”
ครานี้เยี่ยฉวนเริ่มขมวดคิ้ว “คุณชาย ข้าเป็นพี่ของนางจริงๆ ข้า……”
ชายสวมผ้าคลุมฉูดฉาดโบกมือให้อีกฝ่ายหยุดปาก “ใครจะเชื่อในเมื่อเจ้าพิสูจน์ไม่ได้? ถ้าข้าบอกว่าเป็นผู้หญิงของข้าและเมื่อคืนได้หลับนอนกับนาง เจ้าเชื่อไหมเล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของเยี่ยฉวนแปรเปลี่ยนไปทันที ในขณะเดียวกันชายหนุ่มเบิกตาโพลงสองข้างขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉับพลันปรากฏลำแสงกระบี่แดงฉานพุ่งวาบออกมาจากดวงตา
ไม่ห่างไปนักศีรษะของชายคนนั้นกระเด็นหลุดออกจากร่าง โลหิตไหลทะลักจากปากแผลดุจสายน้ำ!
ในตอนนั้น คนที่มองดูเหตุการณ์ในบริเวณต่างพากันตกตะลึง!
