Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 919


บทที่ 919 : หักห้ามความรู้สึกของนาง! (ปลาย)

……อันหลานซิ่วยืนนิ่งอึ้งอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน

ตอนนั้นเองที่เหลียนว่านลี่ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้านาง

อันหลานซิ่วเอ่ยถามเสียงแผ่ว “เขาคงโกรธข้ามาก?”

เหลียนว่านลี่ย้อนถาม “เจ้าสนใจด้วยงั้นหรือ?”

คนที่ถูกถามสั่นศีรษะ

เสียงเหลียนว่านลี่กล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่ชอบที่เขาเป็นคนแบบนี้ แต่กลัวต่างหาก… กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ไม่เคยรู้จัก!”

อันหลานซิ่วพยักหน้า

คนตรงหน้าถามทันควัน “ถ้างั้นเจ้าคิดว่าเขาเปลี่ยนไปสินะ?”

อันหลานซิ่วตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนเนือย “ข้าไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้สึกว่าเขาแปลกไปไม่เหมือนเมื่อก่อน”

เหลียนว่านลี่ส่ายหน้า “อย่างที่เขาพูดนั่นแหละ……เจ้าสองคนเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ตอนนี้ลองถามตัวเองดูแล้วกันว่า……ชอบที่เขาเป็นในตอนนี้หรือไม่?”

หญิงสาวตรงข้ามส่ายหน้า

คนถามกล่าวพลางยิ้ม “ให้ข้าถามเจ้าเอง ตอนที่อยู่เมืองชิงฉางเขาช่วยปกป้องแคว้นเจียง และเมื่อไปอยู่สำนักชางเจี้ยน……เขาช่วยปกป้องสำนักหรือไม่?”

อันหลานซิ่วผงกศีรษะแทนคำตอบ

เหลียนว่านลี่ถามต่อมา “ตอนที่อยู่ในดินแดนจักรวาลดาวเว่ยหยาง เขาต่อสู้เพื่อดินแดนนั่นไหม?”

คนถูกถามพยักหน้า

ฝ่ายตรงข้ามเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เขาไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก……เพียงแค่ดีกับคนที่ดีต่อและร้ายกับคนที่ร้ายด้วยเท่านั้น”

กล่าวจบ คนพูดหัวเราะออกมาเบาๆ

อันหลานซิ่วมองคนตรงหน้าด้วยแววตาฉงน “เจ้าขำอะไร?”

เหลียนว่านลี่เหลือบตามองพลางยิ้มอย่างชอบใจ “ก็ดีใจน่ะซี! เดี๋ยวนี้ข้ารู้จักเขาดีกว่าเจ้าแล้ว ฮ่าฮ่า…”

หลังจากนั้นนางหันกลับก่อนจะเดินลอยชายจากไป

อันหลานซิ่วยืนอยู่ที่เก่า……เงียบเสียงไปเป็นเวลานาน

ในมุมแห่งหนึ่ง อู่เวิ่นและเหอเหลียนเทียนมองตรงมาทางอันหลานซิ่ว

เมื่อสังเกตว่าเหอเหลียนเทียนทำท่าจะขยับออกไปหาหญิงสาว พลันอู่เวิ่นส่ายหน้าเป็นสัญญาณมาห้ามปราม “ปล่อยให้นางหาทางจัดการด้วยตัวเอง!”

เหอเหลียนเทียนมองอู่เวิ่น ขณะที่ฝ่ายหลังพูดอย่างแผ่วเบา “ความรักเป็นอุปสรรคขัดขวางการฝึกเต๋า และขณะเดียวกันก็เป็นแรงสนับสนุนด้วย นางเลือกด้วยตัวเองว่าจะเดินลงขุมนรกหรือไปในแดนเทพนิยาย”

คนกล่าวพูดต่อด้วยน้ำเสียงแหบห้าว “หญิงสาวสองคนมีใจให้ชายหนุ่มคนเดียว! ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี!”

อู่เวิ่นตอบให้ว่า “ไม่ ไม่ดีแน่!”

จากนั้น เสียงพูดแผ่วต่ำดังมาให้ได้ยิน “ข้าหวังอย่างเดียวว่านางจะหักห้ามความรู้สึกที่มีกับเขาเสีย และมีเส้นทางเต๋าเพียงหนึ่งเดียวในหัวใจ เมื่อนั้นสถาบันฝึกยุทธ์อาจมีเซียนวิทยายุทธขึ้นมาอีกครั้งในรอบหลายสิบปี!”

เซียนวิทยายุทธ!

เหอเหลียนเทียนได้ฟังดังนั้น สีหน้าพลันหมองคล้ำไป

นับตั้งแต่ผู้ก่อตั้งแห่งสถาบันฝึกยุทธ์สิ้นชีพลง สถาบันแห่งนี้ไม่เคยปรากฏเซียนวิทยายุทธขึ้นอีกเลย!

สายตาของเหอเหลียนเทียนทอดมองไปที่อันหลานซิ่วนิ่งนาน เสียงรำพึงแผ่วเบา “ข้าก็หวังเช่นนั้น!”

อู่เวิ่นค่อยๆ กำหมัดข้างขวาแน่น ก่อนบอกกับอีกฝ่ายว่า “ถ้าจำเป็น……เห็นทีข้าคงเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้”

เหอเหลียนเทียนมองหน้าอู่เวิ่น สายตาเต็มไปด้วยแววกังขา “อาจารย์ ท่านจะใช้กำลังเข้าไปก้าวก่ายกับเรื่องของพวกเขาอย่างนั้นหรือ?”

ไม่มีคำตอบจากอู่เวิ่น จึงได้แต่มองไปที่อันหลานซิ่ว

ขณะที่เดินออกจากสถาบันฝึกยุทธ์ เยี่ยฉวนเกิดความรู้สึกขุ่นข้องภายในใจ

เสียงคนที่ชั้นหกเอ่ยถามทันที “โมโห……งั้นหรือ?”

เยี่ยฉวนพยักหน้ากับตนเอง “ใช่ มีบ้าง!”

เสียงอีกฝ่ายกล่าวเรียบๆ “อย่าโมโหโทโสไปเลย! เจ้าสมควรดีใจด้วยซ้ำ!”

ชายหนุ่มงงงันไปเล็กน้อย

เสียงคู่สนทนาพูดขึ้นว่า “นางไม่ได้สงสัยในตัวเจ้า แต่กำลังเป็นห่วง……รู้ไหมว่าความยากของเส้นทางแห่งเต๋าและเต๋าแห่งกระบี่อยู่ตรงไหน?”

คนถูกถามส่ายหน้า

เสียงจากชั้นหกกล่าวว่า “การยึดติดกับเป้าหมายเดิมๆ และความทะเยอทะยานที่ไม่เปลี่ยนไป!”

คนฟังเงียบเสียง

คนที่ชั้นหกพูดต่อมา “ข้าคอยสังเกตนางมานานจนถึงตอนนี้ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าสู่ภาวะที่ต้องผจญกับอุปสรรคของการฝึกฝน ที่เรียกว่าอุปสรรคแห่งสภาวะจิตของตนเอง ถ้าสามารถข้ามผ่านไปได้และตั้งจิตให้มั่นคงในเต๋า เชื่อแน่ว่าคุณภาพแห่งพลังความแข็งแกร่งจะพัฒนาชนิดที่ก้าวกระโดดทีเดียว และเวลานี้เจ้านั่นเองที่เปรียบเสมือนมารผจญใหญ่ยิ่งของนาง!”

เยี่ยฉวนนิ่วหน้าเล็กน้อย “ท่านหมายถึง?”

คนชั้นที่หกร่ายยาว “ข้าหมายถึงนางมีสองทางให้เลือกที่จะไปต่อ ทางแรก……ต้องหักห้ามอารมณ์ความรู้สึกและปิดตายความคิดที่มีเกี่ยวกับเจ้าให้หมด ถึงตอนนั้นไม่ว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร ดีหรือร้าย คุณธรรมหรือมารชั่ว จะไม่ส่งผลใดๆ ต่อนางทั้งสิ้น เวลานั้นในใจจะมีเพียงเต๋า ส่วนทางที่สอง……ต้องยอมรับความจริงที่ว่าตัวเองมีใจเสน่หาต่อเจ้า และค้นให้พบถึงความรู้สึกที่แท้จริง จากนั้นยอมรับหัวใจที่รักและมั่นคงต่อเจ้า เมื่อนั้นความรักจะทำให้เข้าใจในวิทยายุทธและใช้วิทยายุทธไขว่คว้าหาเต๋า ถึงตอนนั้นเจ้าจะกลายเป็นรากฐานแห่งเต๋าของนาง แม้กระทั่งตำแหน่งของเจ้าที่อยู่ในหัวใจของสตรี……ก็อาจอยู่เหนือกว่าเต๋า”

คนฟังเอ่ยถามเสียงเบาหวิว “ผู้อาวุโส ท่านคิดว่านางจะเลือกทางไหน?”

“ทางแรก!”

เสียงจากชั้นที่หกสะท้อนก้อง “คำตอบก็เห็นชัดเจนอยู่แล้ว……ไม่ใช่หรือ?”

ชายหนุ่มงุนงง “เพราะอะไร?”

คนที่ชั้นหกตอบทันควัน “เพราะทัศนคติความคิดในตอนนี้ของเจ้านั่นเอง!”

มุมปากของเยี่ยฉวนบิดยกแค่นยิ้ม “ความคิดของข้าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสักนิด……จริงไหม?”

หากอีกฝ่ายบอกเสียงแผ่ว “นี่เจ้าหนุ่ม ข้าว่าเจ้ารีบกลับไปจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นอาจต้องเสียนางไปตลอดกาล!”

เยี่ยฉวนถามพลางสีหน้าข้องใจ “ทำไมขอรับ?”

เสียงของคนที่อยู่ชั้นหกตอบให้ว่า “เมื่อใดที่นางเลือกทางหักห้ามความรู้สึกที่มี และตั้งจิตมั่นในเต๋า เมื่อนั้นเจ้าจะไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้า ซึ่งแน่ล่ะ……สถาบันฝึกยุทธ์ต้องการให้นางทำเช่นนั้น ดีไม่ดีหากเข้าตาจนพวกเขาอาจจะใช้วิธีบังคับก็เป็นได้!”

เมื่อได้ยินคำพูดอธิบายของอีกฝ่าย สีหน้าของชายหนุ่มหม่นหมองลงไปถนัดตา

ต่อมาไม่นาน ชายหนุ่มรีบหุนหัน มุ่งหน้ากลับไปที่สถาบันฝึกยุทธ์ทันที!

ครู่หนึ่ง เยี่ยฉวนมาถึงสถาบันฝึกยุทธ์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเข้าถึงตัวของอันหลานซิ่ว พลันอู่เวิ่นและเหอเหลียนเทียนออกมาขวางไว้ทันที

อู่เวิ่นพูดกับเขาเสียงห้วน “เจ้าไม่ควรย้อนกลับมา!”

เยี่ยฉวนสีหน้าเรียบเฉย “ผู้อาวุโส โปรดหลีกทางให้ข้าด้วย!”

คนตรงข้ามเขาหรี่นัยน์ตาลงเล็กน้อย “กลับออกไปเสีย!”

ชายหนุ่มพูดเสียงคำรามในลำคอ “ไม่ ท่านต่างหากที่ต้องหลีก!”

ว่าแล้วพลังลมหายใจแกร่งกล้าประหลาดพุ่งวาบออกจากกายของเยี่ยฉวนทันที

จิตวิญญาณมังกร!

อำนาจมังกร!

พลังแมวดำ!

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เขาเปิดเผยตัวออกมา โลหิตในกายพลันพลุ่งพล่านเดือดระอุ ขณะที่ลมหายใจสีแดงปานโลหิตพุ่งวาบออกมาผลักดันให้อู่เวิ่นและเหอเหลียนเทียน ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าถอยหลังกรูดห่างออกไปเป็นหลายจั้งในคราวเดียว!

ทันใดนั้น เสียงรำพึงดังออกมาจากชั้นที่หก “สายเลือดของเจ้า……”

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version