Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 978


บทที่ 978 : ถ้าเช่นนั้นก็คร่ำครวญเข้าไปสิ! (ต้น)

พอได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนั้น เยี่ยฉวนถึงกับส่ายหน้าพร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆ

ดูเหมือนว่าแม้เยว่จะหงุดหงิดง่าย ทว่านางออกจะกลัวเกรงเจ้าของกระบี่ทั้งสามบนยอดหอคอยอยู่ไม่น้อยทีเดียว!

ซึ่งถือว่าเป็นปกติ เหตุที่ทำให้หอคอยแห่งเรือนจำและกฎแห่งเต๋าเหล่านั้นมีสภาพเช่นนี้ เนื่องมาจากเจ้าของกระบี่ทั้งสามเล่มนั่นเอง!

เยี่ยฉวนออกจากภวังค์ แล้วหันไปถามอีกฝ่าย “แม่นางเยว่ ข้าจะปลุกกฎเต๋าแห่งปฐพีได้อย่างไร?”

ขณะนั้นอีกฝ่ายอยู่บนชั้นที่ห้าเสียงเยว่บอกว่า “ไปในที่ที่มีพลังของเส้นโลหิตแห่งปฐพีแล้วจงใช้มันกระตุ้นพลังกฎแห่งเต๋า!”

ชายหนุ่มถามว่า “พลังแห่งปฐพีต่างจากพลังของเส้นโลหิตแห่งปฐพี งั้นหรือ?”

เยว่พูดตอบด้วยน้ำเสียงบอกว่าขัดใจ “ถามอะไรไร้สาระ? สองสิ่งต้องแตกต่างกันสิ ชายกับหญิงก็เป็นมนุษย์ ทว่าเจ้าเหมือนสตรีงั้นหรือ? หรือว่าเหมือน?”

เยี่ยฉวนหุบปากเงียบ

สตรีพูดต่อมา “เดินไปทางทิศตะวันออก ที่นั่นมีพลังของเส้นโลหิตแห่งปฐพี”

อีกฝ่ายได้แต่พยักหน้า ก่อนจะหันมองรอบๆ และหายวับไป

ชั่วขณะหนึ่งต่อมาเยี่ยฉวนมาถึงยังก้นท้องทะเลมหันต์สมุทร ประกอบกับในเวลานั้นมีเสียงเยว่คอยบงการสั่งให้เขาเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่หยุดพัก ชายหนุ่มสาวเท้ามุ่งหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว สักพักใหญ่ร่างของเขากลืนหายไปท่ามกลางท้องทะเลมหันต์สมุทร

ที่นครเติ้งเถียนแห่งโลกรกร้างดินแดนตอนเหนือ

ขณะผู้คนกำลังยืนอยู่ในนครเติ้งเถียน หากลองยื่นมือออกไปอาจเอื้อมถึงดวงดาวบนท้องฟ้า!

ทำเลที่ตั้งของนครแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่สูง ราวกับอยู่ในจักรวาลดาราก็มิปาน

สถานที่ที่กล่าวกันว่ามีความลึกลับที่สุดของโลกรกร้างดินแดนตอนเหนือและเป็นสำนักใหญ่ของชุมนุมผู้คุมกฎด้วย

ยามนี้ภายในจวนเติ้งเถียนมีกลุ่มคนกว่าสี่สิบมารวมตัวกัน พวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋าเป็นอย่างน้อย!

บริเวณจวนเงียบกริบ พวกเขากำลังรอใครสักคนที่จะมาถึง

ราวหนึ่งถ้วยชาต่อมา ที่ประตูทางเข้าจวนปรากฏร่างชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง เขาสวมเครื่องแต่งกายรัดรูปสีขาว และด้านหลังศีรษะปล่อยผมยาวประบ่า คนผู้นี้ท่าทางมีสง่าราศีในมือถือตำรามาด้วย เป็นตำราเพียงครึ่งเล่มไม่ครบถ้วนสมบูรณ์

ผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาว!

คนผู้นี้เป็นผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวของชุมนุมผู้คุมกฎ!

ทันทีที่ทุกคนในจวนมองไปเห็นชายคนดังกล่าว ต่างพากันค้อมศีรษะลงแสดงความคารวะ

นายใหญ่จักรวาลดวงดาวเดินขึ้นไปบนบันไดในจวน เมื่อเข้าประจำที่นั่งเรียบร้อยแล้ว และเสียงพูดดังขึ้นว่า “วันนี้พวกเราจะมาถกกันด้วยเรื่องของเยี่ยฉวน!”

ถึงตอนนี้ผู้พิทักษ์ฉินก้าวออกมาข้างหน้า “เยี่ยฉวนมาจากโลกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ในวัยเพียงสิบแปดปีได้บรรลุเข้าถึงเต๋าแห่งกระบี่ เวลานี้ถึงขั้นเป็นเซียนกระบี่ นับว่าเป็นยอดฝีมือในกฎเต๋าแห่งกระบี่ก็ว่าได้ อีกทั้งคนที่ให้การหนุนหลังมีพลังลึกล้ำสุดประมาณ ทว่าพวกเราสืบไม่ได้ว่าเขาเป็นใครขอรับ”

ชายชราผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “พวกเราก็สืบไม่ได้ งั้นหรือ?”

ผู้พิทักษ์ฉินหันไปพยักหน้าพลางตอบ “ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคนผู้นั้นทั้งสิ้น”

คนถามย่นหัวคิ้วขาวโพลน “เป็นไปได้ไหมว่าเขามาจากอาณาจักรเทพเจ้า?”

อาณาจักรเทพเจ้า!

ทุกคนในบริเวณเมื่อได้ยินคำคำนี้ พลันสีหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

แม้วันที่กองกำลังนั้นมาปรากฏจะผันผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด ทว่าคนของชุมนุมผู้คุมกฎไม่มีใครเคยลืม!

จนถึงบัดนี้ร่างของนายใหญ่จักรวาลดวงดาวกู่ทาเถี่ยนคนที่ได้ชื่อว่ามีพลังอำนาจโดดเด่นที่สุดแห่งชุมนุมผู้คุมกฎยังคงถูกแขวนไว้ที่ทุ่งมรณะเทพเจ้า!

ขณะนั้นเสียงคนที่เป็นนายใหญ่จักรวาลดวงดาวพูดขึ้นว่า “เขาไม่ใช่คนของอาณาจักรเทพเจ้า”

คนอื่นมองไปยังผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวเป็นตาเดียว ฝ่ายหลังมองลงไปที่ที่มีชายชราร่างเตี้ยและผอมบางคนหนึ่ง เขากำลังหลับตาอยู่นิ่งๆ บริเวณจวนแห่งนั้นมีชายชราเพียงคนเดียวที่กำลังนั่ง

ปรมาจารย์คู

คนผู้นี้มีสถานะเป็นผู้คอยชี้แนะของชุมนุมผู้คุมกฎ ในชุมนุมผู้คุมกฎเขามีความสำคัญรองลงมาจากนายใหญ่จักรวาลดวงดาวและคนอีกสองคน

ปรมาจารย์คูรู้สึกตัวว่านายใหญ่จักรวาลดวงดาวกำลังมองมาที่ตน ชายชราค่อยลืมตาขึ้นก่อนจะพูดว่า “นอกจากชุมนุมผู้คุมกฎเราแล้ว เผ่าอสูร เผ่าถังและเฒ่าปีศาจทั้งหลายต่างปรารถนาจะได้ครอบครองสมบัติล้ำค่า อย่างไรก็ตามทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจดีว่าใครก็ตามที่ลงมือจู่โจมเยี่ยฉวนก่อน มันผู้นั้นจะต้องประสบทุกข์เข็ญ! เพราะสมบัติที่อยู่ในมือเยี่ยฉวนซึ่งเขาเองยังไม่สามารถใช้อำนาจของมันได้อย่างเต็มที่ อีกอย่างเจ้าหนุ่มนั่นไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ ทว่าถ้าสมบัติตกอยู่ในมือของกองกำลังใหญ่เช่นเดียวกับชุมนุมเรา สถานการณ์ที่เป็นอยู่จะต่างออกไป เพราะฉะนั้นถ้าชุมนุมผู้คุมกฎต้องได้ครอบครองสมบัติล้ำค่า คนที่จะถูกกำจัดก่อนใครไม่ใช่เยี่ยฉวน……ทว่าเป็นเผ่าถังกับเผ่าอสูร แน่นอนอย่าได้ชะล่าใจกับยอดฝีมือวิทยายุทธแห่งชุมนุมแดนทักษิณเหมือนกัน ในทำนองเดียวกันถ้าพวกเขาต้องการครอบครองสมบัติล้ำค่า ก็ต้องคิดที่จะกำจัดพวกเราให้พ้นทางเสียก่อน!”

ผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวฟังพลางพยักหน้า “ว่าไป!”

ปรมาจารย์คูลุกขึ้นยืน “พูดตรงๆ สิ่งที่พวกเราเป็นห่วงก็คือเยี่ยฉวนยังไม่ตาย! ตอนนี้ข้ามีข้อมูลของคนผู้นี้อยู่บ้าง เขามาจากโลกเล็กๆ แห่งหนึ่ง อาศัยความเป็นยอดฝีมือ พลังแข็งแกร่งและความเป็นอัจฉริยะของตัวเองจนมาถึงที่นี่ ถึงกระนั้นก็ได้ความช่วยเหลืออย่างมากจากคนที่อยู่เบื้องหลัง คนหนุนหลังจะเป็นบุคคลหรือกองกำลังใดกองกำลังหนึ่งกันแน่? หรือว่าอย่างอื่น? พวกเราไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง!”

พลันเสียงของผู้พิทักษ์ฉินถามออกมาจากในที่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก “ปรมาจารย์คู ท่านคิดว่าในเวลานี้ชุมนุมผู้คุมกฎเราจะทำเช่นไร?”

ฝ่ายที่ถูกถามยิ้มน้อยๆ ขณะตอบว่า “ตอนนี้เรามีให้เลือกสองทาง ทางแรกคอยจับตาดูว่าอะไรจะเกิดกับเผ่าถังต่อไป และใครก็ตามที่เคลื่อนไหวก่อนเราจะจัดการฝ่ายนั้น อีกทางคือชิงลงมือ แล้วเมื่อนั้นให้ทุ่มเทสรรพกำลังจัดการเยี่ยฉวนให้ได้ภายในครั้งเดียว! หากเลือกทำเช่นนั้น เผ่าถังกับเผ่าอสูรคงไม่อยู่นิ่งเฉยและพยายามขัดขวางพวกเราอย่างแน่นอน”

พลันเสียงชายชราคนหนึ่งถามออกไปทันที “พวกมันจะกล้าต่อกรกับเรางั้นหรือ?”

ปรมาจารย์คูเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนเบา “พวกมันกล้าลงมือแน่!

ขณะนั้นผู้พิทักษ์ฉินถามขึ้นมาทันทีว่า “พวกเรามีทางเลือกที่สาม”

ทางเลือกที่สาม!

กลุ่มคนในที่ประชุมหันไปมองฉินเทียนและฝ่ายนั้นกล่าวเสียงขรึมว่า “คนผู้นี้ยังมีจุดอ่อนที่น่าอันตราย นั่นคือน้องสาว! ถ้าเราควบคุมคนเป็นน้องได้ เยี่ยฉวนจะเป็นกระบี่ให้ชุมนุมผู้คุมกฎ และเมื่อนางร้องขอเขาเมื่อใด เจ้าหนุ่มนั่นจะฟาดฟันทุกอย่างที่ขวางหน้าได้ทันที!”

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version