Skip to content

หลิงหลานตำหนักซ่อนสิเน่หา 2

บทที่ 2

ก้าวแรกที่เดินเข้าไปในห้องอันเงียบงัน ความรู้สึกแรก บอกหนิงอวี่ว่าสถานที่แห่งนี้มีบางอย่างผิดปกติ ความเงียบที่ยิ่งมาก็ยิ่งน่าสงสัย กับบรรยากาศที่อยู่ๆ ก็เย็นเยียบลงอย่างน่าประหลาด แม้แต่เสียงนกหรือแมลงตัวเล็กๆ ที่เคยร้องระงมก็ยังหายไปจนสิ้น

กระเป๋าเดินทางถูกวางลง จากนั้นหญิงสาวก็เดินสำรวจไปรอบห้องอีกครั้ง เมื่อมั่นใจว่าภายในเรือนไร้คนอื่น จึงเดินกลับเข้าไปในห้อง ด้วยความรู้สึกราวกับถูกคนจ้องมอง

ความหวาดระแวงและความรู้สึกขนลุกซู่อยู่ตลอดเวลา ทำให้หญิงสาวตัดสินใจไม่ก้าวออกจากห้อง เนื่องจากร่างกายที่กำลังประท้วง หลังจากถูกใช้งานอย่างหนักหน่วงมาทั้งวัน

ความง่วงงุนสามารถเอาชนะความรู้สึกหวั่นหวาดทั้งปวง กระทั่งอาบนํ้าอย่างรวดเร็วและก้าวเดินมายังเตียงนอน เมื่อทั้ง ศีรษะลงไปบนหมอน หนิงอวี่ก็แทบจะหลับไปทันที ราวกับ ร่างกายสั่งปิดทุกโสตประสาทการรับรู้

ท่ามกลางอากาศยามคํ่าคืนที่ค่อยๆ เย็นเยือก ผิวกายภายใต้ชุดนอนเนื้อนิ่ม กลับมีสัมผัสแผ่วเบาลูบไล้อย่างอ่อนโยน

จากข้อมือน้อยไล้ขึ้นมายังต้นแขน กระทั่งบีบเบาๆ ยังหัวไหล่กลมมน ไม่นานมือใหญ่ก็ดันร่างที่นอนตะแคงให้นอนหงายลงไปบนเบาะนุ่ม

หนิงอวี่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เมื่อมีคนมารบกวนการนอน กระนั้นความง่วงงุนเกาะกุม ทำให้ไม่อาจลืมตาขึ้นมา แม้ว่า ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าสัมผัสลูบไล้นั้น มีบางอย่างไม่ถูกต้อง

ชุดนอนแบบสวมถูกเลิกขึ้นช้าๆ ชายชุดที่ไล้ผิวกายส่วนล่างขึ้นมาเรื่อยๆ ให้ความรู้สึกวูบวาบเคลิบเคลิ้ม กระทั่งริม ฝีปากน้อยอ้าออกเพื่อส่งเสียงระบายความไหวหวาม

ปลายนิ้วร้อนลวกลากผ่านท่อนขาเพรียวขึ้นมาแผ่วเบา กระทั่งจงใจลงน้ำหนักเมื่อลากผ่านกลางกายสาว

“อือ” หนิงอวี่ขมวดคิ้ว เมื่อความรู้สึกวาบหวามพลุ่งพล่านขึ้นภายในกายสาว ร่างกายร้อนผ่าวราวกับกำลังปรารถนา บางอย่างที่หญิงสาวเองก็ไม่มั่นใจว่ามันคือสิ่งใด

ท่อนขาเพรียวถูกจับแยกออกก่อนยกสูงขึ้น มีบางอย่างคืบคลานเข้าใกล้ พร้อมกับสัมผัสอบอุ่นที่ต้นขา หนิงอวี่เกร็งร่าง เมื่อรับรู้ถึงไหล่หนาของใครบางคนที่ต้นขาทั้งสองข้างกำลังก่ายเกยลงไป

ลมหายใจอุ่นร้อนปัดเป่าลงไปยังกลางกายสาว ส่งให้ ความรู้สึกวูบวาบชวนให้สะท้านไปทั้งกาย สองแขนแกร่งสอดเข้า มารัดสะโพกผาย พร้อมกันนั้นก็รับรู้ถึงจุมพิตที่ประทับลงไปยังจุด ซ่อนเร้นที่หญิงสาวเองยังสัมผัสน้อยครั้ง

“อา….”

ร่างอรชรแอ่นหยัด เมื่อสัมผัสร้อนผ่าวนั้นยังคงไล้วนลง ไปยังกายสาวที่สั่นระริก รับรู้ถึงปลายลิ้นชื้นที่ค่อยๆ แยกกลีบบุปผา ไล้เลีย จุ่มจ้วง กระทั่งเปลี่ยนเป็นสอดแทรกลึกล้ำ สลับกับดุนดัน ร่างเนียนสะบัดเร่าเพราะความหวามไหว มือน้อยปัด ป่ายพยายามดิ้นรนจากความทรมาน หากแต่ยิ่งแอ่นกายขึ้นสูง กลับยิ่งเป็นการเสนอตัว เพราะริมฝีปากร้อนร้ายยังคงตามติด

กระทั่งมือใหญ่ทั้งสองข้างที่เกาะกุมสะโพกผาย ดันสะโพกที่ยกสูงขึ้น โดยใช้ไหล่หนาแยกวงขาเนียนนุ่มออกกว้าง เพื่อให้เขาได้ลิ้มรสหวานล้ำที่หลั่งรินออกมาจากบุปผางาม

หนิงอวี่คว้าไหล่หนาเอาไว้อย่างอ่อนแรง มือน้อยออกแรง กดปลายเล็บลงไปเพื่อระบายความพลุ่งพล่าน ร่างทั้งร่างสั่นเทา ด้วยไม่อาจรับความรัญจวนจากสัมผัสอันรุกเร้าอย่างไร้ปรานี

กายสาวยังคงถูกตักตวงในยามที่หนิงอวี่ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน หญิงสาวหลับตาพริ้ม ร่างสั่นสะท้านเพียงเพราะสัมผัส จากปลายลิ้นที่ยังคงจุ่มจ้วงเป็นจังหวะ แม้ว่าร่างสาวจะปลดปล่อยออกมาแล้วระลอกหนึ่ง

ร่างใหญ่ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมา หลังจากดื่มดํ่ากับมธุรสอันหวานล้ำ มือใหญ่กอบกุมอกอิ่มพร้อมกับออกแรงเคล้นคลึง จุมพิตหรือก็ไต่ขึ้นมากับผิวกายละมุนมือ ไม่ว่าริมฝีปากของเขาลากผ่านจุดใด ปลายลิ้นร้อนผ่าวก็ ไล้เลียทิ้งสัมผัสร้อนเร่าเอาไว้บนผิวกาย ทำให้หญิงสาวบิดกาย เร่าอย่างไม่อาจช่วยตัวเอง

เมื่อร่างหนาเลื่อนกายขึ้นมาทาบทับ หญิงสาวจึง สามารถรับรู้ถึงความแตกต่างทางร่างกาย เพราะกายแกร่งที่ยังคงแนบชิดนั่น บดบังการมองเห็นทั้งหมดของหญิงสาวจนสิ้น กระทั่งมือน้อยทั้งสองข้าง ไม่อาจโอบกอดไหล่หนาได้แต่คว้าท่อนแขนแกร่งเอาไว้

ในความมืดมนยามคํ่าคืน ม่านหน้าเตียงที่ยังคงพลิ้วไหว ทำให้เห็นเป็นเงาวอมแวม ดวงตาคมเข้มที่สานสบทำให้หัวใจของหนิงอวี่เต้นรัว

ยิ่งในยามที่จุมพิตแผ่วเบาแตะลงมายังริมฝีปากอิ่ม หญิง สาวก็ยิ่งเคลิบเคลิ้มราวกับต้องมนต์

ร่างอรชรแอ่นหยัดขึ้นชิดอกหนั่นกล้าม ในยามที่สองแขน กอดไหล่หนาเอาไว้ ชายหนุ่มใช้ท่อนขาแกร่งแยกเรียวขาเนียนออก ดวงตาคมดุสานสบนิ่ง ในยามที่เขาไล้ปลายยอดแข็งขึงลงไปยังกลีบบุปผาชุ่มชื้น เรียกเสียงครวญด้วยความซาบซ่านจากริมฝีปากอิ่มเรือนร่างเนียนร้อนผ่าวด้วยความต้องการ เอวอ่อนหยัด ขึ้นรับจังหวะไล้วนแผ่วเบา ในยามที่ตอบสนองจุมพิตลึกล้ำพัวพัน ของเขาอย่างถึงแก่น

“เดี๋ยวนี้!’’

หญิงสาวกระซิบกร้าว เพราะความปรารถนาที่พุ่งสูง เสียงหัวเราะทุ้มตํ่าในลำคอทำให้หญิงสาวยิ่งหงุดหงิด หากแต่ สัมผัสที่เริ่มรุกล้ำเข้ามายังกายเบื้องล่าง ทำให้ทำเพียงแค่หายใจหอบหนักหน่วง

สองแขนกอดรัดด้วยสัมผัสนั้นคับแน่นเหยียดขยาย กาย สาวสั่นสะท้านเพราะถูกแก่นกายร้อนรุ่มสอดประสานแนบชิด ร่างเล็กสั่นเทาเล็กน้อย หากแต่กลับเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

หนิงอวี่เปิดต้นขาออกกว้าง สอดรัดท่อนขากอดรัดลำขาแกร่ง บดเบียดอกอิ่มเข้าหาอกหนั่นกล้ามอย่างใจกล้า กระทั่ง เรียกเสียงคำรามแผ่วเบาออกมาจากลำคอของชายหนุ่ม เขาหายใจหอบหนัก จากนั้นจึงเริ่มขยับสะโพกสอบเป็นจังหวะ

หัวใจของหนิงอวี่เต้นรัว ริมฝีปากที่อ้าออกถูกกลืนกิน ด้วยหญิงสาวบีบรัดจนกายแกร่งแทบไม่อาจทานรับ เขาคราง เสียงพร่าเมื่อหญิงสาวหยัดกายขึ้นหา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาบดเบียดสะโพกเข้าหา ส่งให้แก่นกายแข็งขึงสอดลึกเข้าไปจนสุดทาง

ชายหนุ่มไม่ได้เร่งจังหวะ หากแต่จังหวะหนักหน่วงและกดลึก ทำให้กายสาวสั่นระริกด้วยถูกกายแกร่งแผดเผาจากภายใน

จากจังหวะเนิบช้าชายหนุ่มเปลี่ยนมาเป็นเร่งเร้า เขาควบ ขับเป็นจังหวะเร็วขึ้น แต่หญิงสาวกลับไม่ทัดทาน ร่างเล็ก ตอบสนองในทุกการขับเคลื่อน สองแขนเลื่อนลงไปลูบไล้หน้าท้องหนั่นแน่น บีบเคล้นลงไปอย่างหลงใหล ราวกับการกระทำนั้น เป็นการกระทำที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้

กายลํ่าสันยกสูงขึ้น แต่จุดประสานกลับยังคงกระแทกกระทั้น เขาหอบหายใจกับการบีบรัดอันแสนรัญจวน มองดูผิวกายแดงกํ่ากับใบหน้าหลับพริ้ม ยามที่เขากดสะโพกสอบเข้าหากายสาว ยิ่งทำให้การขับเคลื่อนเต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม

หน้าอกอิ่มที่ขยับตามจังหวะกระทั้น ทำให้เขาอดไม่ได้ที่ จะครอบครองด้วยปลายลิ้นร้อนลวก ส่งผลให้กายสาวแอ่นหยัด มือน้อยยื่นออกไปกอดเอวสอบ ดึงรั้งให้เขาเร่งจังหวะเพราะความ พลุ่งพล่านที่พุ่งขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม

คนทั้งสองต่างฝ่ายต่างโรมรันกันอย่างไม่ยอมแพ้ หญิงสาวหอบหายใจพร้อมเสียงครวญหวานแว่ว เอวอ่อนแอ่นหยัด ตอบสนองจังหวะรุกเร้าของเขาอย่างถึงแก่น ยิ่งเขารุกเร้า ร่างเล็กก็ยิ่งเสนอให้ เมื่อเขาถดถอยหญิงสาวก็ดึงดันเอาแต่ใจ

กระทั่งมือใหญ่สอดเข้าใต้ท่อนขาเพรียว ยกข้างหนึ่งขึ้น สูงเพื่อให้การสอดประสานลึกล้ำขึ้น เรียกเสียงครางลั่นของหญิงสาว หากแต่มือน้อยกลับยกขึ้นกอดรัดลำคอแกร่ง

เสียงกายเบื้องล่างกระทบกันดังกึก จังหวะรัวเร็วทำให้ คนทั้งสองเกร็งร่างด้วยความหวามไหว อาการบีบรัดของร่างเล็ก ทำให้ชายหนุ่มแทบขาดใจ

เขาโหมกายกระทั้นเข้าหาด้วยจังหวะเร่งร้อน แม้กลัวว่า หญิงสาวใต้ร่างจะแหลกสลาย หากแต่การตอบรับที่ถึงแก่นพอๆ กันของอีกฝ่าย กลับทำให้เขาทำได้เพียงมอบในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ

ความปรารถนาถูกเติมเต็ม ความกระสันซ่านพุ่งขึ้นสูง ร่างทั้งสองร่างต่างแอ่นหยัดเข้าหากัน กระทั่งเสียงคำรามดังลั่น ดังเล็ดลอดผ่านหน้าเตียงออกมา หลงเหลือเอาไว้แต่เพียงเสียงหอบหายใจ และกลิ่นกามารมณ์ที่ลอยอวลเคล้ากลิ่นเหงื่อ

หนิงอวี่ร่างอ่อนระทวยลง สองแขนยังคงกอดไหล่หนาเอาไว้ รับรู้ถึงแก่นกายที่ยังคงกระตุกเร่า ปลดปล่อยธารร้อนเข้าสู่กลางกายสาว

“อา…ดีเหลือเกิน”

หญิงสาวพึมพำพร้อมกับจุมพิตลงไปยังหน้าผากของชายหนุ่ม ในระหว่างที่เขายังคงซุกซบใบหน้ากับอกอิ่ม รับรู้ว่าร่างแกร่งชะงักจึงหัวเราะออกมา

“ไว้พี่สาวจะให้ทิปนะจ๊ะ”

หลังจากพูดประโยคก๋ากั่นนั้นออกไปหนิงอวี่ก็หลับสนิท ไม่รู้สึกตัวอีกเลยกระทั่งรุ่งสาง

เจียวมี่ลากกระเป๋าเดินทางตรงไปยังเรือนตะวันออก เธอ ชอบเรือนนี้เพราะห้องนอนมีหน้าต่างสามด้านที่มีลมพัดโกรกเย็นสบาย

มีเพียงด้านหลังที่เป็นส่วนของห้องอาบน้ำและสุขาที่มี ประตูแยกออกมาต่างหาก ซึ่งการต่อเติมนี้เห็นชัดว่าพยายามทำ ให้เป็นไปตามสมัยนิยม

แม้ตัวบ้านจะดูเก่าแก่เพราะก่อสร้างมานาน หากแต่ เพราะไม่อยากทุบทำลายดังนั้นเจ้าของคงจะพยายามรักษา สภาพเดิมเอาไว้ให้มากที่สุด

กลิ่นดอกไม้หอมเย็นจากสวนพัดโชยมากับสายลมยามเย็น ให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย

ความจริงหญิงสาวเกิดและเติบโตในปักกิ่ง นานๆ ครั้งจะ เดินทางมาเที่ยวยังชนบท ตังนั้นจึงแยกไม่ค่อยออกในยามที่เห็นสิ่งผิดปกติ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะมองเห็นทันทีที่เหยียบย่างเข้ามา

ความรู้สึกราวกับถูกจ้องมอง ทำให้เจียวมี่ขมวดคิ้ว หญิง สาวมองกวาดไปรอบห้อง จากนั้นก็เดินไปเปิดหน้าต่างห้อง

ความเงียบที่ปกคลุมไปทั่ว ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงรถยนต์ แม้ว่าบ้านหลังนี้จะอยู่ห่างจากถนนไม่ไกลนัก อีกทั้งบ้านที่อยู่ ถัดไปสองหลังยังมีงานศพ ซึ่งมีผู้คนในหมู่บ้านเข้ามาร่วมแสดงความเสียใจ

เมื่อปิดหน้าต่างด้วยความประหลาดใจ หญิงสาวจึงมองนาฬิกาข้อมือ ซึ่งปรากฏว่ามันหยุดเดินไปแล้ว และเข็มนาฬิกาก็หยุดอยู่ที่เวลาทุ่มตรง

“ตายชะแล้ว’’

หญิงสาวถอนหายใจออกมา ก่อนจะเดินกลับเข้ามารื้อกระเป๋าเดินทาง โดยตั้งใจจะอาบน้ำแล้วนอนสักงีบ เพราะใน ตอนเช้าตั้งใจจะออกไปช่วยงานศพแต่เช้าตรู่

วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันหลังจากกินมื้อเย็นแบบง่ายๆ มาแล้ว ทั้งสามคนตกลงกันว่าจะเข้านอนเลย จึงไม่ได้พบกัน หลังจากแยกย้ายเข้าห้องของแต่ละคน

เมื่อก้าวขึ้นเตียงนอน ร่างกายที่อ่อนล้าทำให้เจียวมี่นอนไม่หลับ หญิงสาวนั่งลงบนเตียงจากนั้นก็ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ถึง อย่างนั้นแม้จะเอนกายลงแล้วนอนพลิกตัวซ้ายขวา กว่าชั่วโมงก็ยังไม่อาจนอนหลับ เนื่องจากความรู้สึกที่เหมือนไม่ได้อยู่เพียงลำพังในห้อง

เวลาล่วงเลยกระทั่งสองทุ่มครึ่ง เจียวมี่ตัดสินใจลุกขึ้น จากนั้นก็เดินออกมาจากห้อง อากาศเย็นเยียบยามคํ่าคืนทำให้หญิงสาวห่อไหล่ แต่ยังคงเดินมายังโถงรับรอง

ไฟทางเดินที่ยังคงส่องสว่าง ทำให้ภายในตัวบ้านไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ เมื่อ หัวคํ่าท้องฟ้ายังคงโปร่งใสไร้เมฆบดบัง กระนั้นยามคํ่าคืนกลับเต็มไปด้วยเมฆหมอกหนาทึบ กระทั่งดวงดาวสักดวงก็ไม่อาจมองเห็น

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอยู่ๆ เจียวมี่ก็รู้สึกว่าบ้านหลังนี้ดูน่ากลัว หญิงสาวก้าวออกจากโถงรับรอง เดินตรงไปยังเรือนทิศเหนือ ตั้งใจจะไปหาหนิงอวี่เสียหน่อย

แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเดินไปในเรือน ความมืดที่ปกคลุมก็ทำ ให้หญิงสาวเปลี่ยนใจ “หรือว่าจะนอนแล้ว”

พึมพำเสียงเบาพร้อมกับหมุนตัวกลับ แต่เสียงบางอย่าง ที่ดังขึ้นก็ทำให้ชะงัก คิ้วเรียวขมวดมุ่นขณะก้าวเท้าไปยังประตูห้องนอน

เสียงที่เล็ดลอดออกมาเป็นเสียงครวญครางของเพื่อนรัก ทั้งยังเป็นเสียงที่ทำให้คนคิดลึกอยู่ไม่น้อย

หากหนิงอวี่พาแฟนหนุ่มมาด้วย เจียวมี่อาจรีบจากไป ทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไร แต่นี่ทั้งสามต่างก็มาเพียงลำพัง อีกทั้ง ในบ้านหลังนี้ก็ไม่มีคนอื่น เสียงที่ได้ยินนี้หญิงสาวมั่นใจว่าเป็น เสียงของหนิงอวี่ไม่ผิดแน่

“เสี่ยวอวี่ เธออยู่ในนั้นหรือเปล่า” หญิงสาวเคาะประตูพร้อมส่งเสียงถาม

เสียงหอบครวญด้วยความกระสันซ่านยังคงดังลอดออกมา เจียวมี่ทุบประตูจากนั้นก็ตะโกนเรียกเพื่อนสาว แต่ถึง อย่างนั้นก็ยังคงไร้เสียงตอบรับ นอกจากเสียงหอบหายใจที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ

“เสี่ยวอวี่!”

เมื่อความตื่นกลัวมีมากกว่าเจียวมี่จึงตัดสินใจผลักประตู และพบว่าประตูนั้นไม่ได้ล็อค

หญิงสาวเซถลาเข้าไปในห้องเพราะแรงผลัก เนื่องจาก คิดว่าประตูห้องล็อคอยู่ หากแต่ด้านในห้องกลับว่างเปล่า… มอง ไปบนเตียงที่ว่างเปล่า ภายในห้องดูรกร้างและมีฝุ่นหยากไย่เกาะ หญิงสาวขนลุกซู่รีบลุกขึ้นยืน

“เสี่ยวอวี่!”

สายตาหวั่นหวาดกวาดมองไปรอบๆ ปากก็ตะโกนเรียกเพื่อนรัก เสียงร่วมรักของใครบางคนดังลั่นห้อง หากแต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่า

เจียวมี่ร่างสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เมื่อหมุนตัววิ่ง ออกไปก็ตรงไปยังเรือนทิศใต้ หวังไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรักอีกคน

“เสี่ยวเหม่ยแย่แล้ว!”

ร่างเล็กผลักประตูห้องนอนเข้าไปก่อนจะถอนหายใจ ออกมาเมื่อเห็นเพื่อนสาวอีกคนนอนนิ่งอยู่บนเตียง “เสี่ยวเหม่ย ตื่นเร็วเข้า!”

ฉินเหม่ยยังคงนอนนิ่งไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เจียวมี่เดินเข้า ไปเขย่าร่างที่นอนนิ่ง แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ฉินเหม่ยยังคง ไม่ตื่นทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับ

ที่สำคัญไปกว่านั้นบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า กลับแปร เปลี่ยนเป็นบ้านร้างที่เต็มไปด้วยหยากไย่และซากผุพัง

เจียวมี่กรีดร้องลั่น ขณะที่ร่างหงายล้มลงไปข้างเตียงนอนที่มีฝุ่นเขลอะ หญิงสาวคว้ามือของฉินเหม่ยหวังจะลากอีกฝ่ายลงมาจากเตียง แต่ร่างนั้นราวกับถูกผูกติดอยู่บนเตียงนอนไม่อาจขยับ

“ช่วยด้วย!! ใครก็ได้ช่วยเราด้วย!”

เจียวมี่ตัดสินใจลุกขึ้น พร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ร่างเล็กวิ่งผลุนผลันออกมาจากห้องของฉินเหม่ย ตรงไปยังประตูใหญ่ที่ปิดสนิท

บรรยากาศยิ่งมาก็ยิ่งเย็นเยียบ ความเงียบที่ปกคลุมแม้ เจียวมี่ส่งเสียงกรีดร้องดังลั่น ทำให้หัวใจดวงน้อยยิ่งหวาดหวั่น เมื่อไปถึงประตูใหญ่มือน้อยคว้าดึงประตูให้เปิดออกอย่างแรง หากแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทำให้หญิงสาวแทบเป็นลมด้วยความหวาดกลัว

เมฆหมอกหนาสีขาวปกคลุมยาวสุดลูกหูลูกตา มองซ้าย ขวาที่แสงสว่างจ้าทอประกายโดยรอบ หากแต่ตัวบ้านหลังนี้กลับ เต็มไปด้วยความมืดอันเวิ้งว้าง

“กรี๊ด!!!” เจียวมี่หวาดกลัวสุดขีด ร่างทั้งร่างทรุดลงกองกับพื้น หัวใจหรือก็เต้นรัวจนตัวสั่นสะท้าน

มองดูพื้นเบื้องหน้าที่ว่างเปล่า หากเผลอก้าวออกไปอีกก้าว ร่างของหญิงสาวคงร่วงลงสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า เพราะ บ้านหลังนี้ลอยสูงอยู่เหนือกลุ่มเมฆหมอกหนาทึบ ซึ่งไม่รู้ว่าเบื้อง ล่างมีสิ่งใดรอคอยอยู่

“นี่มันอะไรกัน”

เจียวมี่พึมพำอย่างหมดแรง ความหวาดกลัวและหวาดหวั่นครอบงำจิตใจ จนทำให้ไม่อาจขยับลุก กระนั้น ความรู้สึกเหมือนมีบางอย่างด้านหลัง ทำให้ต้องหันขวับกลับไป

ทว่ายังไม่ทันได้มองเห็นว่าเป็นสิ่งใด ร่างทั้งร่างพลันถูกยกลอยขึ้น คลองสายตามองเห็นเพียงแผ่นหลังเปลือยเปล่าของบุรุษเพศ

“ปล่อยนะ! คุณเป็นใคร!”

หญิงสาวดิ้นรนเมื่อมั่นใจแล้วว่าถูกชายคนหนึ่งแบกเอาไว้บนไหล่กว้าง ท่อนขาทั้งสองข้างถูกรวบเข้ากับอกแกร่ง ทำให้ไม่อาจดิ้นรนอย่างใจ

หน้าท้องของหญิงสาวถูกกดทับลงไปยังไหล่กว้าง กระทั่งทำให้หายใจไม่สะดวก ศีรษะที่ห้อยลง กอปรกับความตื่น ตระหนกทำให้ยิ่งวิงเวียน ได้แต่ใช้สองมือทุบลงไปยังแผ่นหลังที่ มองเห็นในคลองสายตา

กรีดร้องและดิ้นรนจนเหนื่อยหอบ ดวงตาคลอคลองด้วย น้ำตาของความหวาดกลัว มองทิศทางที่ร่างสูงพาก้าวเดินไป เจียวมี่มองเห็นชัดว่าเขากำลังเดินไปทางเรือนตะวันออก

บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีก ไม่ใช่บ้าน ที่คุณน้าของเสี่ยวเชี่ยนพามา ทั้งยังไม่ใช่บ้านรกร้างน่ากลัวที่ หญิงสาวเห็นก่อนหน้านี้ หากแต่เป็นบ้านที่เต็มไปด้วยกลิ่นอาย ของอดีตที่เห็นบ่อยครั้งในละครทีวี

ร่างเล็กถูกวางลงไปบนเตียงนอนที่มีเบาะนุ่ม เจียวมี่ถลัน ตัวออกมาทันทีที่ถูกปล่อย หากแต่ร่างใหญ่กลับไม่ยินยอม เขา โถมทับท่อนบนที่เปลือยเปล่ากับร่างเล็ก บีบให้หญิงสาวต้องนอน ราบไปกับเบาะนุ่ม

“ปล่อยนะ”

เจียวมี่ใจเต้นรัวด้วยความหวาดหวั่น ร่างเล็กพยายามดิ้นรนลงจากเตียง หากแต่เรี่ยวแรงกลับไม่อาจสู้คนตัวโตกว่าได้

เสียงหอบหายใจเหนื่อยอ่อน พร้อมกับเสียงกรีดร้องถูกกลืนหาย แสงวอมแวมจากตะเกียงในห้อง ทำให้หญิงสาวที่ลืม ตาโพลงมองเห็นดวงตาคมเปล่งประกายมืดมนของชายหนุ่มตรงหน้า

เจียวมี่เบิกตากว้าง ร่างสั่นสะท้านด้วยรับรู้ว่าเรื่องนี้อยู่ เหนือการคาดเดาทั้งหมดของตนอย่างถึงที่สุด ชายหนุ่มตรงหน้า ไม่เพียงแต่น่ากลัว หากแต่ดวงตาของเขากลับไร้ประกายดั่งคนที่ไร้ชีวิต

สองขาปัดป่าย สองมือปัดป้อง ร่างเล็กที่ดิ้นรนอย่างไร้หนทางเริ่มอ่อนแรง จุมพิตที่ประทับลงมาดูดกลืนเรี่ยวแรงทั้งหมดของเจียวมี่ไปจนสิ้น หลงเหลือเอาไว้เพียงลมหายใจรวยรินที่เริ่มผะแผ่ว

ปลายลิ้นสอดแทรกเข้ากวาดควานในโพรงปาก รุกเร้าพัวพัน เข้าครอบครองทุกความนึกคิดของหญิงสาว แม้เจียวมี่พยายามเบือนหน้าหนี หากแต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อย ริมฝีปากร้อนยังคงตามติด พร้อมกับบดเบียดเรือนกายใหญ่โตถูไถกับผิวนุ่มเนียนหอมกรุ่น

ชุดนอนเนื้อนิ่มทั้งเสื้อและกางเกงค่อยๆ ถูกถอดพร้อม โยนออกมายังหน้าเตียง บนเตียงปรากฏร่างเปลือยเปล่ากอดก่ายคลอเคลีย พร้อมเสียงหอบหายใจสองเสียงคลอเคล้า

เจียวมี่มองใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าอย่างหวาดหวั่น กระนั้นร่างกายที่ถูกเขาแตะต้องสัมผัส กลับตอบสนองอย่างลืมตัว ไม่ว่าเขาลูบไล้ฝ่ามือร้อนผ่าวลงไปยังจุดใด มีอันต้องทิ้งความ เร่าร้อนแผดเผาให้หญิงสาวสะท้านไหว

เรี่ยวแรงที่ถดถอยทำให้ร่างเล็กนอนแผ่อย่างไร้ทางสู้ ปล่อยให้บุรุษแปลกหน้าเล้าโลมอย่างฮึกเหิม แผ่นอกเปลือยเปล่า ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างบุรุษเพศ บดเบียดหน้าอกอิ่มอย่างจงใจ ในยามที่เขาไล้ปลายลิ้นลงไปยังลำคอขาวผ่อง

จุมพิตดูดดึงพร้อมกับขบกัด ทำให้หญิงสาวขยับตัวอย่างอึดอัด ร่างกายกระหายการปลดปล่อย กระทั่งแหงนหงายใบหน้าขึ้นเปล่งเสียงครวญ

ร่างอรชรแอ่นหยัดขึ้นปะทะแผงอกแกร่ง เขาขยับเพื่อ ไม่ให้ทิ้งน้ำหนักลงบนตัวหญิงสาว จากนั้นจึงเลื่อนริมฝีปากลงไป ครอบครองปลายยอดถันสีหวาน ปลายลิ้นไล้เสียขบกัดเบาๆ สร้างความรัญจวนให้แล่นพลิ้วไปทั่วกายสาว

เจียวมี่อ้าปากหายใจหอบ มือน้อยดิ้นรนจากการเกาะกุม หากแต่ชายหนุ่มยังคงกดสองมือของหญิงสาวเอาไว้ ไม่ปล่อยให้ หญิงสาวได้ขัดขืน ร่างเล็กบิดเร่าอย่างไม่อาจช่วยตัวเอง ยิ่งใน ยามที่เขาทาบทับแก่นกายแข็งขึงให้บดเบียดบนกายสาว เจียวมี่ ก็ยิ่งลมหายใจสะดุด

“ได้โปรด”

ขณะแอ่นกายเข้าหาริมฝีปากร้อน เสียงเว้าวอนก็ดังขึ้น แผ่วเบา จนแม้แต่คนที่ส่งเสียงวอนขอก็ยังไม่รู้ว่ากำลังขอให้เขาหยุด หรือกำลังอ้อนวอนขอในสิ่งที่เขายังไม่มอบให้

ร่างแกร่งเลื่อนกายขึ้นมาทาบทับอีกครั้ง มือข้างหนึ่งของ เขารวบข้อมือเล็กขึ้นเหนือศีรษะ ขณะที่จุมพิตลงไปยังริมฝีปากอิ่ม ดูดกลืนเสียงหวานที่ครวญครางกระตุ้นเร้าให้เขาไม่อาจห้ามใจ

มืออีกข้างเลื่อนลงมากอบกุมความนุ่มหยุ่นกลางกายสาวบีบเคล้นพร้อมหยัดเอวสอบถูไถตัวตนเหยียดขยายบนเนินเนื้อที่เริ่มเปียกชื้น

ท่อนขาทั้งสองข้างสอดเข้ากับท่อนขาเพรียว พร้อมกัน นั้นก็ดันให้หญิงสาวเปิดเผยตัวตนให้เขาสำรวจ มือใหญ่ที่กอบกุม อกอิ่มเลื่อนไล้ลงไปกระทั่งใช้ปลายนิ้วกรีดแยกเนินเนื้อเปียกชื้น

อารมณ์ของหญิงสาวพลุ่งพล่าน ท่อนขาที่พยายามหุบเข้าหากันอ่อนแรง แม้อยากส่งเสียงแต่ก็กถูกเขากลืนกินเสียงที่กรีด ร้องออกไปจนสิ้นได้แต่ดิ้นเร่าและแอ่นหยัดกายเข้าหาปลายนิ้วอย่างลืมตัว

ชายหนุ่มเองก็หัวใจเต้นรัวลมหายใจหอบหนัก เจียวมี่ลืมตามองเขา เมื่อรับรู้ถึงจังหวะหัวใจของคนตรงหน้า จุมพิตผละออก แต่ดวงตาดำมืดว่างเปล่ากลับจดจ้องมองมา

หญิงสาวศีรษะขาวโพลนทันทีที่จดจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น กระทั่งเปิดโอกาสให้ปลายนิ้วจุ่มจ้วงลึกเข้าสู่กายสาว

เจียวมี่กลั้นเสียงกรีดร้อง ใบหน้างามซุกซบลงไปกับอกแกร่ง พยายามอดกลั้นความปรารถนาที่แผดเผา กระทั่งร่างทั้งร่างสั่นระริก

จังหวะจุ่มจ้วงเนิบนาบเริ่มเร็วขึ้น เอวอ่อนแอ่นหยัดเข้า หามือใหญ่อย่างไม่อาจฝืนตัวเอง ความพลุ่งพล่านในกายสาว ส่งผลให้เรือนกายนวลตาถูกความปรารถนาแผดเผา

ร่างสาวบีบรัดปลายนิ้วที่ขยับเป็นจังหวะรุกเร้า กระทั่งใน ที่สุดเจียวมี่ก็เกร็งกระตุกไปทั้งร่าง พร้อมกันนั้นร่างงามก็อ่อนระทวยลง หลังปลดปล่อยมธุรสแห่งความปรารถนา เพียงเพราะปลายนิ้วที่ใช้เขาปรนเปรอ

ริมฝีปากที่ซุกไซร้ลงไปยังไหล่กลมมนราวกำลังปลอบโยน ทำให้เจียวมี่เงยหน้าขึ้นมองเขา สองมือที่ถูก พันธนาการเอาไว้เหนือศีรษะถูกปล่อย เพราะเขาเลื่อนมือข้างนั้น ลงมาลูบแก้มนวล พร้อมก้มลงจุมพิตหน้าผากของคนตัวเล็กกว่า

กริยาราวกำลังปลอบโยนของชายหนุ่ม ทำให้เจียวมี่หัวใจสั่น ร่างทั้งร่างราวกับไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าเขาลูบไล้ลงไปยังจุดใด หญิงสาวก็มีอันตอบสนอง กระทั่งเขาแนบหน้าผากกับหญิงสาว ปลายนิ้วถูกดึงกลับมา ทำให้หญิงสาวถึงกับกายสั่นสะท้าน

ลมหายใจอบอุ่นเป่ารดดวงหน้างาม

“คุณคือใครหรือคะ”

เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมสองมือที่เลื่อนมาวางยังไหล่หนา ชายหนุ่มก้มลงจุมพิตริมฝึฝึปากอิ่ม เลื่อนเรือนกายหนาทาบทับเรือนกายหอมกรุ่น ท่อนแขนข้างหนึ่งสอดเข้าใต้ลำคอหญิงสาว ให้หญิงสาวหนุนลำคอเอาไว้ โดยใช้มือข้างนั้นคว้าไหล่กลมมนเอาไว้พร้อมลงแรงนวดเบาๆ

เจียวมี่ลมหายใจติดขัดเมื่อสานสบดวงตามืดมนคู่นั้นอีกครั้ง ไม่รู้ตัวแม้ในยามที่เขาเลื่อนมือลงไปคว้าต้นขาข้างหนึ่งยก สูงขึ้นพร้อมแนบแก่นกายแข็งขึงประชิดตัวตนเปียกชื้นที่พร้อมพรั่ง

“อ๊ะ…อื้อ” / “อา..!’’

สองเสียงดังประสานกันในยามที่แก่นกายสอดแทรกเข้าไปในกายสาว

เจียวมี่สะดุ้งพร้อมกดปลายเล็บลงบนไหล่กว้าง ร่างทั้ง ร่างถูกเขาเหยียดขยายจนภายในเต้นตุบ เอวสอบที่กดน้ำหนักลง ไปพร้อมแก่นกายแข็งขึงที่สอดแทรกลึกล้ำ ทำให้หญิงสารสั่นระริก

ร่างกายราวกำลังถูกกรีดแยกปะปนกับความสุขสมจนไม่อาจแยก จะขยับห่างเขาก็ไม่ยินยอม เพราะมือข้างหนึ่งของเขาตรึงไหล่เล็กเอาไว้ ส่วนอีกข้างยังคงเกาะกุมต้นขาเพรียว พร้อมกับบีบแน่น

เอวสอบเริ่มขยับเมื่อกายสาวเริ่มผ่อนคลาย เขาก้มลง จุมพิตริมฝีปากสั่นระริก พร้อมกับบดเบียดแก่นกายเป็นจังหวะหมุนวนแผ่วเบา กระตุ้นให้ส่วนในของกายสาวปรับตัวเข้าหาแก่นกายที่ยังคงเต้นตุบ

เจียวมี่สะอื้นเมื่อจังหวะสาวสะโพกของชายหนุ่มเริ่มเร็วขึ้น ทำให้ความหวามไหวแล่นพลิ้วไปทั่วทุกอณูของร่างสาว เขา ทั่งอ่อนโยนและร้อนรุ่มดังไฟ แผดเผาให้ร่างกายตอบสนองแม้ใน ใจยังคงสับสนว้าวุ่น

สองแขนยกขึ้นกอดรัดไหล่หนา เรือนกายนุ่มเนียนแอ่น หยัดขึ้นแนบกับเรือนกายหนั่นแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ มอบจุมพิต ตอบสนองเขาอย่างไร้ความหมาย ทำให้เรือนกายหนาถึงกับสะท้านจนรับรู้ได้ จังหวะการสอดแทรกเริ่มหนักหน่วงขึ้น เอวสอบกดลึกทั้ง ยังเร่งจังหวะรัวเร็ว ลมหายใจของคนทั้งสองหอบประสาน ชาย หนุ่มสอดมือทั้งสองข้างเข้ากอบกุมสะโพกนิ่ม บีบให้หญิงสาว แอ่นร่างงามรับจังหวะตอกตรึงอันเร่งเร้า

เบื้องล่างถูกรุกเร้าด้วยแก่นกายแข็งขึง เบื้องบนถูกจุมพิตพัวพัน เจียวมี่สะท้านเพราะร่างกายถูกเติมเต็มด้วยความซาบซ่าน กายอรชรสั่นระริกในอ้อมกอดแกร่งที่ไม่ยอมผละห่าง

การกระทบกระทั้นระหว่างจุดประสาน เกิดเป็นเสียงน่าอาย หากแต่กลับเต็มไปด้วยความเร่าร้อน เสียงครวญผสานเสียงคำรามอย่างสุขสม ในยามที่ทุกอย่างระเบิดพร่างระยิบระยับ

กายลํ่าสันกระตุกค้างในจังหวะสุดท้ายของการสาวสะโพก กายสาวบีบรัดจนเกร็งแน่นแอ่นหยัด แก่นกายที่ยังคงซุกซบกระตุกเร่า ทำให้หญิงสาวรับรู้ถึงธารร้อนที่หลั่งรินในกาย

ทั้งสองกอดก่ายคลอเคลีย แม้ในยามที่ร่างกายเพิ่งผ่านพ้นความสุขสม จังหวะหัวใจที่ยังคงสอดประสาย พร้อมกับลมหายใจที่ยังคงหอบหนักหน่วง ทำให้เจียวมี่ที่หลับตาดื่มดํ่ากับความสุขสมปรือดวงตาขึ้น และนั่นทำให้หญิงสาวได้สานสบดวงตาคมที่จดจ้องมาอยู่ก่อนแล้ว

ดวงตาคมที่มีประกายสดใส แตกต่างจากดวงตามืดมน น่าหวาดกลัวที่ได้เห็นก่อนหน้าลิบลับ

จุมพิตแผ่วเบาประทับลงมา โดยที่หญิงสาวไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรออกมา เอวสอบเองก็เริ่มขยับไหวเป็นจังหวะเนิบนาบ ครั้งนี้ดวงตาของเขาจับจ้องใบหน้าของหญิงสาวนิ่ง โดยใช้ หน้าผากแนบลงไปไม่ให้หญิงสาวเบือนหน้าหนี

ความปรารถนาลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง เจียวมี่ยกแขนทั้ง สองข้างกอดรัดร่างใหญ่ ทั้งยังเป็นฝ่ายยื่นริมฝีปากเข้าไป เรียกร้องให้เขาจุมพิตตอบสนอง

เรียวขาเนียนนุ่มถูกกระชับแน่น ชายหนุ่มยกต้นขาทั้ง สองข้างของเจียวมี่ขึ้นเพื่อช่วยให้จุดประสานลึกล้ำยิ่งกว่า เรือนกายลํ่าสันหยัดยก เมื่อกระทั้นแก่นกายเข้าหากายสาวอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้ความร้อนรุ่มแผดเผาคนทั้งสองอีกครั้ง

เจียวมี่ยื่นมือออกไปลูบไล้หน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม มองใบหน้าหล่อเหลาที่แดงกํ่าไปด้วยความรัญจวน หัวใจถึงกับ เต้นรัวด้วยความรู้สึกประหลาด

เอวสอบเร่งจังหวะเร็วขึ้น เสียงครวญครางสองเสียงประสาน พร้อมร่างที่แอ่นหยัดเกร็งกระตุก ครั้งนี้หญิงสาวถึงกับแอ่นเอวอ่อนขึ้นหาแก่นกายร้อน สองขาหนีบเข้าหากันรั้งเอวสอบ เข้าแนบชิดเนินเนื้อ ราวกลัวว่าชายหนุ่มจะดันตัวตนออกห่าง

ร่างใหญ่เอนลงไปซุกซบร่างนุ่มอย่างอ่อนแรง เขาสอด สองแขนเข้ากอดหญิงสาวแน่น ระมัดระวังไม่ให้ตัวเองลงน้ำหนัก บนตัวหญิงสาวมากเกินไป แก่นกายกระตุกเร่าเริ่มอ่อนตัว หากแต่กลับไม่อยากแยกจากยังคงซุกซบอยู่ในกายสาว

ช่วงจังหวะที่ริมฝีปากลากระลงไปยังลำคอหอมกรุ่น ถ้อยคำกระซิบแผ่วเบาประโยคหนึ่งดังขึ้น หากแต่เจียวมี่ที่สิ้นไร้ ซึ่งเรี่ยวแรงกลับไม่อาจได้ยินแล้ว

หญิงสาวค่อยๆ หลุดเข้าสู่ห้วงนิทราช้าๆ หลับใหลไปอย่างน่าเสียดาย กระทั่งมาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงครืนๆ ของฝนที่กำลังตั้งเค้ามาแต่ไกล

ดวงตาคู่งามหรี่ปรือก่อนจะเบิกโพลง ร่างอรชรกระโดดลงมาจากเตียงนอน ก่อนจะหันกลับไปมองเบื้องหลัง กระนั้นภายในห้องกลับเงียบงัน นอกจากตัวเธอเองแล้ว ภายในห้องกลับไร้ผู้อื่นอย่างชัดเจน

ที่สำคัญไปกว่านั้นทุกอย่างในห้องก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ไม่ใช่ห้องรกร้างฝุ่นเกรอะกรัง ไม่ใช่ห้องนอนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายในอดีต หากแต่เป็นห้องนอนที่เต็มไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวก ห้องซึ่งเธอย่างก้าวเข้ามาแต่แรก

มือทั้งสองข้างลูบไล้เรือนกายของตัวเอง ชุดนอนเนื้อนิ่มยังคงอยู่ ไม่ใช่ร่างเปลือยเปล่าอย่างที่หวาดหวั่น

ไวเท่าความคิดเจียวมี่วิ่งออกไปจากห้อง ตรงไปยังประตู ใหญ่ก่อนกระชากประตูเปิดออก ด้านนอกนั้นมีเสียงรถซึ่งกำลังเคลื่อนตัวผ่านไป ไม่ใช่เมฆหมอกหนาทึบไร้ที่สิ้นสุด

“หรือว่านั่นจะเป็นความฝัน”

เจียวมี่พึมพำเสียงเบากับตัวเองประตูใหญ่ปิดลงอีกครั้ง แต่ตอนที่กำลังดันประตูปิดนั้นโซ่คล้องกุญแจเส้นใหญ่กลับหล่นลงบนพื้น ลากระเข้ามากับบานประตู

คิ้วเรียวขมวดมุ่นเพราะจำไม่ได้ว่าเมื่อวานมองเห็นมีโซ่ และกุญแจอยู่ที่ประตู มองไปรอบๆ พร้อมยื่นมือออกไปลากโซ่ เส้นนั่นเข้ามาด้านใน สายโซ่ที่หงิกงอทำให้โซ่ขาดออกจากกัน ดู อย่างไรมนุษย์ธรรมดาก็คงไม่อาจทำได้

“หรือจะขาดอยู่ก่อนแล้ว”

หญิงสาวยักไหล่ก่อนเดินกลับไปยังเรือนทิศเหนือเพื่อไปดูหนิงอวี่ แม้ร่างกายยังคงตระหนักถึงสัมผัสหวามไหว หากแต่ในใจกลับไม่มั่นใจว่าเมื่อคืนตัวเองหลับฝัน หรือว่าทุกอย่างเป็นความจริงที่เกิดขึ้น

สายตากวาดมองไปรอบๆ ในระหว่างก้าวเดินไปยังเรือนทิศเหนือ กระทั่งมือสองข้างกระชากประตูห้องนอนให้เปิดออก และพบว่าหนิงอวี่สะดุ้งตื่นและงัวเงียลุกขึ้นจากเตียง

“เสี่ยวมี่ตื่นเช้าจัง อรุณสวัสด์”

“อรุณสวัสด์” ตอบเพื่อนรักไปแล้วก็ได้แต่ลังเล “หรือว่า ฉันจะฝันไปจริงๆ บ้าไปแล้ว’’

คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในความฝัน สัมผัสที่สมจริงและ สุขสมจนร่างกายเรมเกิดปฏิกิริยาแปลกๆ เจียวมี่จึงกระแอมกลบเกลื่อน

“หลับสบายดีมั้ย”

หญิงสาวตัดสินใจไม่พูดถึงฝันลามกบ้าบอของตนให้เพื่อนรักรับรู้ กระทั่งจงใจโกหกว่าตื่นแต่เช้ามืด นอนไม่หลับจึง เดินมาดูว่าอีกฝ่ายตื่นแล้วหรือยัง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version