ตอนที่ 143 เงินทองไม่มีดีเลว หวังทงทอดแหใหญ่
มีคำกล่าวว่า คนเฝ้าประตูจวนมหาอำมาตย์เทียบเท่ากับขุนนางระดับ 7 พ่อบ้านของผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรก็มิใช่คนธรรมดา อย่างน้อยในวงการองครักษ์เสื้อแพร ก็เป็นบุคคลที่ทุกคนให้ความเคารพ
อย่างน้อยระดับนายกองร้อย นายกองพันก็ต้องเกรงอกเกรงใจ อีกฝ่ายเป็นคนที่ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรต้องพบหน้าทุกวัน หากแอบกล่าววาจาใส่ความ ก็ย่อมไม่เป็นผลดีต่ออนาคตตน
นายกองร้อยโหวแห่งกองเอกสาร ยังมีท่าทีสุภาพนอบน้อมระดับเสมอภาคกับหวังทง แต่พอหลิวเฉวียนไฉเข้ามาในห้อง ท่าทีต่อพ่อบ้านของผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรหลิวโสวโหย่วนั้นกลับประจบนอบน้อมอย่างยิ่ง
ใครจะคิดว่าระดับนายกองร้อยอย่างเขาจะไม่อยู่ในสายตาของพ่อบ้านหลิว แต่พ่อบ้านหลิวกลับกล่าวกับหวังทงด้วยท่าทีเฉกเช่นกล่าวต่อบุคคลระดับสูง จากนั้นก็มอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินและกุญแจไว้
กองเอกสารเป็นหน่วยงานสนับสนุนหลักของสำนักองครักษ์เสื้อแพร ข่าวทุกข่าวนั้นฉับไวที่สุด ทุกคนล้วนเคยได้ยินเรื่องราวของหวังทง ว่ากันว่าลูกน้องถูกโรงบ้านของใต้เท้าหลิวกักตัวไว้ จากนั้นเขาก็นำคนปิดหน้าไปชิงตัวกลับมา เดิมคิดว่าทำการลับ ใครจะไปคิดว่าความลับจะถูกเผยที่ประตูเมือง
คดีของสำนักไตรสุริยันฟ้าดินคนนอกไม่รู้ แต่หากเป็นคนพอมีสถานะให้สำนักองครักษ์เสื้อแพรก็ย่อมรู้กันดี หวังทงสังหารหัวหน้าโจร กวาดล้างราบคาบ สร้างความดีความชอบใหญ่ และยังมีข่าวลับแพร่มาว่า คดีนี้หวังทงยังได้สร้างความดีความชอบไว้ไม่น้อย
ความดีความชอบเช่นนี้ จากนายกองธงใหญ่เลื่อนเป็นนายกองพันก็ยังได้ แม้ว่าในเมืองหลวงจะไม่มีตำแหน่งแล้ว ก็สามารถส่งไปเป็นนายกองร้อยคุมงานในมณฑลที่ร่ำรวยอู้ฟู่สักแห่งได้ แต่กลับได้เป็นแค่นายกองร้อยเมืองหลวง และยังระบุเขตพื้นที่ไม่แน่ชัด ทุกคนรู้กันว่า เรื่องนี้เป็นเพราะผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรหลิวโสวโหย่ว
แม้จะว่ากันว่าหวังทงมีเส้นสายในวัง แต่เส้นสายไหนเลยจะสู้หัวหน้างานตัวจริง ใต้เท้าหลิวเห็นเจ้าขัดตา วันหน้าก็ย่อมยุ่งยาก นายกองร้อยโหวเจ๋อคืนนี้มาที่นี่ ก็เพียงแค่จะเสนอหน้าให้คุ้นเคย ไม่รู้ว่าวันใดตนเองจะได้ใช้เส้นสายในวังของอีกฝ่าย
ใครจะคิดว่าจะมีสถานการณ์นี้ ด้วยนิสัยฉลาดเฉลียวของโหวเจ๋อย่อมต้องถามสักคำ หวังทงพยักหน้าและส่ายหน้า หยิบเอกสารสิทธิ์ดูไปกล่าวไปว่า
“ลุงท่านนี้ข้าก็พบเป็นครั้งแรก”
นายกองร้อยโหวเจ๋อรู้สึกงง จ้องไปที่เอกสารสิทธิ์ที่ดินแล้วก็เอ่ยถามอีกว่า
“ใต้เท้าหวัง นี่เป็นโรงบ้านแห่งนั้นของใต้เท้าหลิวที่ท่านไปจัดมากระมัง!”
“มิผิด เป็นโรงบ้านแห่งนั้น”
หวังทงรู้สึกตัวพยักหน้าตอบ หันไปสบตากับโหวเจ๋อ หวังทงส่ายหน้ายิ้มๆ สีหน้ายิ้มของโหวเจ๋อย่ำแย่กว่าร้องไห้เสียอีก
*****
ที่เมืองหลวงนี่มีนิสัยอย่างหนึ่ง นั่นก็คือไม่ว่าข่าวอะไรก็ปิดไม่มด เรื่องนี้ผ่านไปแค่วันเดียว ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรหลิวโสวโหย่วมีโรงบ้านนอกเมืองแห่งหนึ่งมอบให้กับนายกองร้อยหวังทง ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง
คนต้นเรื่องกลับไม่พูดอะไร แต่ขอเพียงรู้ต้นสายปลายเหตุ ไม่ว่าผู้ใดก็จะรู้ว่านี่เป็นการตบหน้าหลิวโสวโหย่วของหวังทง
อีกฝ่ายบุกโรงบ้านเจ้า คนผู้นี้ยังเป็นลูกน้องเจ้า ผลก็คือเจ้าไม่เพียงแต่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ อีกฝ่ายกลับได้เลื่อนตำแหน่ง จากนั้นเจ้ายังต้องสองมือประคองส่งมอบโรงบ้านนั้นให้เขาไป นี่มันเรื่องอะไรกัน มิใช่ว่าโดนตบหน้าไปหนึ่งฉาดแล้วยังต้องโขกศีรษะให้อีกฝ่ายหรือนี่
พิจารณาถึงสถานะของทั้งสองฝ่าย ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
คนที่คิดได้ลึกหน่อย ก็จะคิดถึงต้นไม้ใหญ่ที่พึ่งพิงของผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรหลิวโสวโหย่วต้นนั้น ก็คือมหาอำมาตย์จางจวีเจิ้ง คนของตนถูกเหยียบย่ำเช่นนี้ หรือว่าท่านจางสูญเสียอำนาจแล้ว
การนี้นำมาซึ่งการคาดเดามากมาย จนเมื่อมีผู้ที่มีการข่าวฉับไวเล่าว่าเคยได้เห็นลายมือของเฝิงเป่ากงกงที่เขียนไว้ที่หอเลิศรส ทุกคนก็สว่างวาบกันทันที
ผู้บัญชาการสำนักบูรพาและหัวหน้าขันทีสำนักส่วนพระองค์ เฝิงเป่า ก็คือเบื้องหลังของนายกองร้อยตัวเล็กๆ ผู้นี้ มิน่าเล่า มิน่าเล่า หลิวโสวโหย่วจึงได้เตะโดนประตูเหล็กเข้า!”
ทั้งเมืองหลวงต่างพากันเห็นเป็นเรื่องขำขัน ขณะเดียวกันก็เฝ้าสังเกตอย่างระมัดระวังว่านายกองร้อยคนใหม่หวังทง เบื้องหลังยิ่งใหญ่เทียมฟ้าเช่นนี้ ทุกคนต้องปฏิบัติต่อด้วยความรอบคอบอย่างยิ่ง
สำหรับในหน่วยงานองครักษ์เสื้อแพร นายกองร้อยโหวผู้นั้นพอกลับไปก็เล่าให้คนใกล้ชิดฟัง คนใกล้ชิดก็เล่าให้คนใกล้ชิดกันฟังต่อไป ข่าวก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
*****
ข่าวลือเรื่องหวังทงไปก่อเรื่องข้างนอกกระจายไปทั่วกลับไม่มีใครสนใจ เมื่อได้เอกสารสิทธิ์มา บรรดาเด็กหนุ่มที่บ้านใหญ่และพวกขุนพลจวนถาน ก็พากันเตรียมเคลื่อนย้ายอานม้า ชุดเกราะและอื่นๆ พร้อมอาวุธต่างๆ ส่งออกไปนอกเมือง
ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรหลิวโสวโหย่วมอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินโรงบ้านให้หวังทง ก็เท่ากับโขกศีรษะลงกับพื้น เรื่องอื่นๆ กับหวังทงก็แล้วกันไป
พื้นที่ในความดูแลของหวังทงก็ถูกตัดแบ่งออกมา ลานฝึกและพื้นที่โดยรอบกับบ้านเรือนถนนหนทางที่อยู่ในการดูแลของสี่กองกำลังและสำนักบูรพาหน่วยงานต่างๆ ยังมีพื้นที่ถนนทักษิณที่รุ่งเรืองที่สุด ล้วนถูกตัดแบ่งให้หวังทง
คนที่เคยอยู่กับนายกองร้อยเถียนหรงหาว หวังทงไม่อยากไปแบ่งมา หน่วยงานองครักษ์เสื้อแพรก็ใจกว้างคิดการจัดการให้ ตำแหน่งคนในมือของหวังที่ได้รับเบี้ยหวัดมี 80 กว่าตำแหน่ง ให้หาคนมารับตำแหน่งเอง ถึงตอนนั้นใหกองเอกสารสำนักองครักษ์เสื้อแพรออกป้ายคำสั่งให้ก็เป็นอันเสร็จพิธี
มีทั้งหน้าตา มีทั้งเกียรติยศ อย่างไรก็ต้องขอบคุณฮ่องเต้ว่านลี่ตอนอยู่ในลานฝึกสักหน่อย แต่หวังทงจะหาโอกาสโขกศีรษะคำนับก็ไม่ง่ายเลย
หวังทงได้แต่อาศัยช่วงพัก รอบกายคนน้อยหน่อย กระซิบทูลฮ่องเต้ว่านลี่ว่า
“ฝ่าบาทประทานพระมหากรุณาธิคุณและพระเมตตายิ่งใหญ่ กระหม่อมจะตอบแทนพระเมตตาอย่างสุดความสามารถ!”
“ก็แค่โรงบ้านเท่านั้น มีค่าอะไรกัน เดิมเราจะเลื่อนตำแหน่งให้เจ้า แต่ได้แต่ให้เจ้าเป็นได้แค่นายกองร้อย นี่สิถึงเป็นเรื่องน่าอัดอั้น!”
“ฝ่าบาท กระหม่อมมีวันนี้ได้ ปีก่อนแม้แต่คิดก็ยังมิกล้า สามารถมีวันนี้ก็อาศัยพระเมตตาของฝ่าบาท หากหวังสิ่งอื่นอีก ก็ไร้สำนึกยิ่ง!”
หวังทงขอบพระทัยด้วยความจริงใจ ในใจของฮ่องเต้ว่านลี่ก็ยิ่งรู้สึกผิด ที่จริง นายกองธงใหญ่ก้าวไปเป็นนายกองร้อยสำหรับคนทั่วไปแล้วนับเป็นก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ แต่สำหรับคนที่ฮ่องเต้จะเลื่อนตำแหน่งให้แล้ว กลับได้แค่นี้ ก็รู้สึกน้อยไปนิด ผิดในใจจนรู้สึกละอาย
ฮ่องเต้ว่านลี่หน้าดำคล้ำลง เห็นชัดว่าคิดถึงเรื่องในสำนักคณะเสนาบดีถูกพวกขุนนางใหญ่ขัดกลับมา สักพักสีหน้าก็เป็นปกติ ยิ้มแย้มกับหวังทงว่า
“หากจะขอบคุณข้า มิสู้ไปบอกพวกครูฝึก นำพวกเราออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อยจะดีกว่า เราว่าหลังจากได้ออกไปครานั้น การฝึกของทุกคนก้าวหน้าได้เร็ว…”
หวังทงพยักหน้า ยังไม่ทันได้ตอบ ฮ่องเต้ว่านลี่ก็เอ่ยต่ออีกว่า
“ไปตรอกม้าหินกัน!”
หวังทงรีบก้มหน้าลง ด้วยเกรงว่าหากเงยหน้าจะเผยรอยยิ้มออกมา ฮ่องเต้ว่านลี่เห็นหวังทงรับปาก ก็ตบบ่าหวังทง อย่างดีใจ จากนั้นก็ไปฟังพวกเฉินซือเป่าคุยโวต่อ
เฉินซือเป่ากับถังซื่อไห่ล้วนเป็นนักเที่ยวตัวฉกาจในเมืองหลวง แม้ว่าไม่ใช่พวกหอคณิกาหรือบ่อนพนันพวกนั้น แต่ร้านที่น่าสนใจมีของสนุก ของเล่นแปลก กายกรรมประหลาดอยู่ที่ไหน ของกินทุกอย่างเหนือจรดใต้ พ่อค้าจากแดนตะวันตกและโพ้นทะเลรวมตัวกันที่ไหนก็รู้ไปหมด
ซึ่งล้วนเป็นที่ที่นักกินเยอะที่สุด ของเล่นเยอะที่สุดในเมืองหลวง เด็กๆ ย่อมเล่าสนใจในเรื่องเล่านอกประเทศและการรบของหวังทง และก็สนใจในเรื่องความรุ่งเรืองหลากหลายในเมืองหลวงเช่นกัน
ฮ่องเต้ว่านลี่แม้อยู่ในเมืองหลวงมาสิบกว่าปี แต่ส่วนใหญ่ที่ๆ ไกลที่สุดที่ออกมาได้ก็แค่บริเวณถนนทักษิณ ได้ยินพวกนี้เล่ากัน ก็บังคับใจไว้ไม่อยู่
หวังทงได้ยินก็เข้าใจ ฮ่องเต้น้อยคิดอยากไปเที่ยว แต่ก็ต้องหาเหตุผลที่สมเหตุสมผลไป ดังนั้นจึงอดหัวเราะไม่ได้
ความต้องการของฮ่องเต้ ก็ย่อมหาทางให้สมพระทัย แต่ถึงตอนนั้นคนของสำนักบูรพาและสำนักอาชาหลวงคงต้องลำบากยุ่งยากกันอีกแล้ว ถึงตอนนั้นคงต้องวางแผนกันให้ดีก็แล้วกัน
****
เจ้าพนักงานสืบคดีหลี่ว์แห่งศาลซุ่นเทียน ตอนนี้ก็ควรเรียกว่าผู้ช่วยหลี่ว์ ใต้เท้าหลี่ว์ผู้นี้เป็นคนดังแห่งศาลซุ่นเทียน สืบคดีลัทธิมารอะไรสักอย่างจนได้สร้างความชอบใหญ่หลวง ว่ากันว่าเจ้ากรมหวงเซินและรองเจ้ากรมเฉินจื้อจงตอนนั้นเพราะลังเลไม่ดำเนินการและบ่ายเบี่ยง จึงได้ถูกเบื้องบนตำหนิจนหน้าดำเคร่งเครียดกันไป
แต่เพราะผู้ช่วยหลี่ว์ให้การสนับสนุนในการสืบคดี วันนี้จึงได้ผลตอบแทนในที่สุด ตอนนี้ที่ศาลก็หายใจแรงได้อย่างไม่ต้องเกรงใจใคร การทำงานก็อ้อมค้อมน้อยกว่าเมื่อก่อนมา เริ่มใช้ขวานใหญ่จามตรงๆ กันแล้ว
ก็ไม่รู้ว่ากินดีหมีอะไรมา ถึงกับกล้าไปเสนอป้ายสงบสุขให้กับหอคณิกา บ่อนพนันและหอสุราโรงน้ำชาในเมืองหลวงทุกแห่ง รับป้ายไปแล้ว ทุกปียังต้องจ่าย 50 : 200 ตำลึง มีป้ายนี้ วันหน้าการค้าหามีคนหาเรื่อง คนทางการก็จะมาจัดการทันที…
คนทั่วไปต่างแค่นเสียงเยาะในเรื่องนี้ แต่พวกการค้าเล็กล้วนยินยอม ว่าไรว่าตามกัน พวกการค้าใหญ่นั่น เคยไว้หน้าเจ้าหน้าที่ศาลซุ่นเทียนที่ไหนกัน เกิดเรื่องอะไรก็ไม่ต้องให้พวกเขาออกหน้าแก้ไข ยังต้องให้คนจ่ายเงินซื้อป้ายอีก นั่นมิใช่เป็นการของไร้สาระมาให้ตัวเองหรือ?
ทุกคนรู้ว่าผู้ช่วยหลี่ว์ตอนนี้เป็นคนดัง แต่การจัดการเช่นนี้ไม่มีใครปฏิบัติจริงจังนอกจากคนใกล้ชิดผู้ช่วยหลี่ว์สองคนอย่างหวังซื่อและหลี่กุ้ย
ในเมื่อใต้เท้าหลี่ว์คุ้นเคยกับเขตทักษิณ เช่นนั้นการนำเสนอป้ายสงบสุขก็ย่อมดำเนินการที่เขตทักษิณ ไม่รู้มีคนมากมายเท่าไรรอหัวเราะเยาะอยู่
คืนวันที่ 16 เดือนห้า ที่บ้านหวังทง ระดับหัวหน้าใต้บังคับบัญชาก็มารวมตัวกัน ทั้งจางซื่อเฉียง ซุนต้าไห่ หลี่เหวินหย่วน ถานเจียงและหลี่ว์วั่นไฉกับสองมือปราบ
คนเหล่านี้มีเพียงหวังทงที่นั่งอยู่ เขาถามเสียงนิ่งเรียบว่า
“ชื่อเสียงของป้ายสงบสุขในเขตทักษิณกระจายข่าวออกไปแล้ว นำเสนอคงไม่ยาก แต่เลี่ยงพวกโง่เง่าที่ไม่มีสมองไม่ได้ หากไม่รับป้ายไป ใต้เท้าหลี่ว์ก็ส่งข่าวมา พวกเราจะทำให้พวกเขาไม่สงบสุขทันที!”
ผู้ช่วยหลี่ว์หุบพัดลงเคาะกับฝ่ามือ อมยิ้มพยักหน้า หวังทงกล่าวต่อว่า
“คนที่บ้านใหญ่ก็ไม่ต้องย้ายไปนอกเมืองหมด เหลือไว้ 20 คน ถานเจียงทางนี้เหลือไว้ 8 ต้าไห่ทางเจ้าต้องมี 5 คนเตรียมตัวพร้อมรอเวลาที่ต้องลงมือ!”
ทุกคนที่ถูกเรียกชื่อก็ก้มตัวลงนอมรับคำสั่ง
*****
“หวังทง เราได้ยินว่าเจ้าไปเรียกเงินจากหอคณิกาและบ่อนพนัน เงินพวกนี้เจ้าไม่รังเกียจหรือ?”
“ฝ่าบาท สถานที่พวกนี้อาศัยว่ามีบารมีใหญ่ แต่ไรไม่เคยจ่ายภาษีให้ทางการสักแดง และยังซ่อนเร้นสิ่งสกปรก ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องสกปรกผิดกฎหมาย กระหม่อมทำเช่นนี้ ก็เพื่อจัดระเบียบให้สงบสุข จัดการสถานที่ที่ไม่อยู่ในการควบคุมของทางการให้อยู่ในมือทางการ และยังใช้เงินของพวกนางเอง”
นี่เป็นการสนทนาโต้ตอบที่ลานฝึกตอนบ่าย