Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 16

ตอนที่ 16 เปิดกิจการ

“พี่ป้าน้าอาทุกท่าน ข้าน้อยจะเปิดร้านอาหารเพื่อหารายได้เสริม จากนี้ขอให้ทุกท่านเมตตาดูแล”

กลางวันของวันที่สอง ในห้องที่เงียบสงบของหอรุ่งเรือง หวังทงยกจอกเหล้าขึ้นกล่าว

ใบหน้าของเขายังคงเหมือนเด็กน้อยเช่นเดิม แต่คำพูดและการกระทำราวกับผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์มาก บรรดาเถ้าแก่ร้านค้าต่างๆ ที่อายุ 30-40 ปีก็รู้สึกว่าน่าสนใจ จะหัวเราะออกมานั้นก็ไม่กล้า หากยังต้องลุกขึ้นกล่าวตอบรับอย่างสุภาพว่า

“ต่างก็เป็นพ่อค้าด้วยกัน ใต้เท้าหวังไยต้องเกรงใจเช่นนี้”

หวังทงกล่าวจบก็พลันมองเห็นใบหน้าเถ้าแก่เซี่ยหอรุ่งเรืองสีหน้าเปลี่ยนไป ที่ตนเองเปิดร้านอาหารนั่นไม่ใช่ว่าคิดจะแย่งการค้าของหอรุ่งเรืองหรือ?

ตามคาด เถ้าแก่เซี่ยลังเลอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก็กล่าวขึ้นด้วยท่าทีนอบน้อมว่า

“ใต้เท้าหวัง เจ้าของร้านหอรุ่งเรืองของเราก็คือญาติสนิทของใต้เท้ากรมเวียง ยามปกติแม้ว่าไม่ค่อยได้มาที่นี่…”

คำพูดมีความลังเลอยู่บ้าง แต่ความนัยกลับไม่ใช่เช่นนี้ เบื้องหลังหอรุ่งเรืองของเรานั้นมิใช่ธรรมดา หากหวังทงเจ้าต้องการแย่งการค้าแล้วล่ะก็ ควรจะชั่งน้ำหนักตรึกตรองให้มาก

“เถ้าแก่เซี่ยคงกังวลว่าข้าจะมาแย่งการค้าท่านสินะ!”

หวังทงพูดออกไปอย่างตรงไปตรงมา เสียงหัวเราะ ‘กึก’ ดังขึ้น บรรดาที่นั่งอยู่นั้นก็อดขำขึ้นมาไม่ได้ นายท่านผู้นี้ยังเป็นเด็กจริงๆ มีอะไรก็พูดอย่างนั้น หวังทงไม่สนใจสีหน้าอึกอักของเถ้าแก่เซี่ยก็ยิ้มพลางกล่าวว่า

“อาหารโต๊ะนี้กี่ตำลึง?”

“คนกันเองทั้งนั้น คิดแค่ต้นทุน และคิดค่าสุราน่าจะราว 6 ตำลึง”

“เถ้าแก่เซี่ย ร้านอาหารที่ข้าเปิดนั้นไม่ขายสุรา ไม่มีโต๊ะที่นั่งสี่คนขึ้นไป อาหารก็ไม่มีราคาเกิน 100 อีแปะ ไม่รับจัดงานเลี้ยงใด และไม่มีให้เหมาเลี้ยง”

พอพูดจบ สีหน้าเถ้าแก่เซี่ยผ่อนคลายลง แต่ใบหน้ายังคงฉงนเล็กน้อย หวังทงยิ้มพลางเอ่ยต่อว่า

“ข้าน้อยอายุยังน้อย แต่การทำงานทุกท่านก็ได้เห็นกับตาแล้ว ทุกท่านที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นพยาน ร้านอาหารของข้าน้อยหากวันหน้าไม่เหมือนที่พูดวันนี้ ข้าหวังทงก็จะลาออกจากการเป็นองครักษ์เสื้อแพร ย้ายออกจากถนนทักษิณแห่งนี้”

วาจากล่าวหนักรุนแรงนี้ทำเอาบรรดาผู้คนในห้องพากันหุบยิ้มลง แต่เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่เซี่ยผ่อนคลายลง หากยังมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เมื่อสักครู่อ้างผู้มีบารมีมากดดัน ตอนนี้ก็รู้สึกกว่าดาบชักออกไปแล้วไม่รู้จะเรียกคืนอย่างไร ไม่รู้ว่าจะกล่าวอย่างไรต่อดี

ไม่ขายสุรา ไม่รับจัดเลี้ยง ไม่ขายอาหารเกิน 100 อีแปะ เช่นนี้ไม่กระทบต่อหอรุ่งเรืองแต่อย่างใด เพียงแต่คนมีเงินมีครัวของตนเอง คนที่ไม่มีเงินก็จะไม่ค่อยพิถีพิถัน ร้านอาหารเล็กๆ อย่างนี้จะทำกิจการอันใด เถ้าแก่เซี่ยคิดเช่นนี้ แต่ที่พูดออกมากลับเป็นคำพูดที่ว่า

“ในเมื่อใต้เท้าหวังประสงค์ทำการค้านี้ หากมีเรื่องใดก็ถามข้าน้อยได้ อย่างน้อยก็พอให้คำปรึกษาได้”

หวังทงกล่าวขอบคุณเสียงเรียบ เห็นอีกฝ่ายถูมือกันยิ้มแห้งๆ มองก็รู้ว่าค่อยจริงใจนัก

หลายคนรอหัวเราะเยาะตอนหวังทงเปิดกิจการ คิดจะต่อเติมร้านเปิดกิจการอย่างไรก็ต้องเดือนสิบสอง เดือนสิบสองทุกคนก็ต้องวุ่นวายกับตรุษจีน ใครจะไปกินร้านอาหารที่ขายอาหารพื้นๆ กัน

คิดไม่ถึงว่าวันที่ห้าหลังจากหวังทงจัดเลี้ยง ก็คือวันที่ 15 เดือนสิบเอ็ดก็เปิดกิจการแล้ว

เขตทักษิณในเมืองหลวง ถนนทักษิณนับว่าเป็นศูนย์กลางย่อยๆ ทุกวันจะมีผู้คนเดินทางผ่านไปมา ผู้มีเวลาว่างมาเดินเที่ยวซื้อของล้วนแต่มีฐานะร่ำรวย

แต่ถนนทักษิณเส้นนี้ สถานที่ที่พอจะกินข้าวดีๆ สักมื้อก็มีเพียงหอรุ่งเรืองเท่านั้น ผู้มีสถานะร่ำรวยก็ใช่ว่าจะเข้าไปใช้จ่ายที่หอสุราตามอำเภอใจได้ ข้างทางนั้นมีคนถือตระกร้าขายอาหารห่อ คนที่พิถีพิถันหน่อยหากไม่รู้สึกว่าอาหารรสชาติแย่ ก็จะรู้สึกว่าไม่ค่อยสะอาด

ถนนทักษิณเส้นนี้ใกล้กับวังหลวง แต่บ้านเรือนมากมายก็ล้วนแต่สร้างเมื่อ 20-30 ปีมานี้เอง คนเดินเที่ยวเล่นนี้ก็พักอาศัยห่างจากที่นี่มากนัก หากจะหิ้วท้องกลับไปกินที่บ้าน ก็ลำบากเท้าที่ต้องเดินทางกลับ

ใกล้ช่วงเวลาอาหารกลางวัน ก็มีผู้ชายสองสามคนยืนอยู่บนหัวท้ายถนนทักษิณ ในมือของทุกคนถือกระดาษปึกหนึ่ง มองการจากแต่งกายก็ใช้ได้ ผู้ชายอายุ 20-50 ปีแจกแผ่นกระดาษในมือพร้อมรอยยิ้มสุภาพ ยังมีเสียงแนะนำดังว่า

“หอเลิศรสวันนี้เปิดกิจการ 10 อีแปะกินอิ่ม 20 อีแปะกินดี สะอาดวางใจ เรียนเชิญทุกท่านให้เกียรติไปเยือนขอรับ”

กระดาษแผ่นนั้นเป็นเพียงกระดาษสีเหลืองปกติ ข้างบนวาดภาพอาหารด้วยลายเส้นง่ายๆ ไม่มีอักษรอันใด

ขณะที่ผู้ชายตรงปากทางเริ่มตะโกนแจกใบปลิว ถนนทั้งสายก็เริ่มอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของอาหาร

ในเวลานั้นทุกคนก็พลันรู้สึกหิวขึ้นมา พอได้กลิ่นอาหารหอมกรุ่นเช่นนี้ ประกอบกับกระดาษใบนี้และเสียงเรียกร้องเชิญชวนแปลกใหม่ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้มาเดินเที่ยว ล้วนไม่มีงานทำ ไปดูสักหน่อยก็ไม่เสียหายอันใด

หอรุ่งเรืองไม่รับแขกจร แขกเหรื่อหลากหลายที่มากินเลี้ยงทั้งโต๊ะก็ล้วนใส่ใจภาพลักษณ์ หากอาหารจากห้องครัวรสชาติแย่ แน่นอนย่อมต้องทำให้รู้สึกแย่ไปด้วย แต่ครัวของเขานั้นได้ผ่านการบริหารจัดการมาเป็นพิเศษ ทำให้รสชาติไม่แย่เกินไปนัก นอกจากนี้การจะปรุงอาหารในครัวเรือนก็เป็นแค่งานเล็กน้อยที่ไม่ควรเปลืองแรง

ดังนั้นบนถนนทักษิณจึงไม่เคยได้กลิ่นอาหารหอมอบอวลเช่นนี้ หลายคนตอนรับกระดาษไป เริ่มแรกก็เพียงแค่อยากรู้ อยากลองไปดู เดินไปเดินไปท้องก็เริ่มหิว เลยเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น

ชายที่แจกใบปลิวอยู่ตรงหัวถนนก็ชี้บอกทางคร่าวๆ มีบางคนกังวลว่าหาทางไปไม่ถูก หากเดินไปสองสามก้าว ก็อึ้งและหลุดหัวเราะออกมา

บนถนนทักษิณทั้งเส้นมีเสาไม้ปักเด่น บนไม้ยังมีธงปลิวไสว บนธงมีภาพอาหารที่วาดอย่างง่ายๆ เหมือนกับบนแผ่นใบปลิวสีเหลือง เป็นที่สะดุดตาอย่างมาก

หลังจากเดินผ่านเข้าไป ก็ไม่เห็นนั่งร้านผ้าใบที่ล้อมไว้หลายวันก่อนแล้ว เหลือแต่ประตูทางเข้ากว้างขวางใหม่เอี่ยมต่างจากที่อื่น ห้องครัวของ ‘หอเลิศรส’ ตั้งติดกับถนน แม้ในวันที่ลมหนาวพัดเข้ามา แต่คนข้างนอกก็จะเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะหน้าต่างใช้ไม้ไผ่กั้นเป็นซี่

ผู้คนล้วนกล่าวว่า “บัณฑิตพึงห่างไกลครัว” ในความเป็นจริงก็คือหากได้เห็นขั้นตอนการทำอาหารก็จะกินข้าวไม่ลง ความวุ่นวายสกปรกในห้องครัวเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนรู้กันดี

แต่ครัวของหอเลิศรสนี้กลับเก็บกวาดได้สะอาดกว่าห้องรับแขกของหลายบ้านเสียอีก มีผู้หญิงสองสามคนผูกผ้ากันเปื้อนสีขาวกำลังวุ่นวายเช็ดถูอยู่

หม้อที่ตั้งอยู่บนเตาเดือดปุดๆ อาหารก็ส่งกลิ่นหอมอบอวลขึ้น คนงานหน้าประตูท่าทางคล่องแคล่วผู้หนึ่งทักทายเชื้อเชิญแขกไม่หยุด

จากข้างนอกมองเข้าไป ทางขวาของประตูเป็นเตาไฟ บนเตายังมีหม้อนึ่งสองหม้อใหญ่ หม้อหนึ่งเต็มไปด้วยอาหารจานใหญ่ๆ อีกหม้อหนึ่งเป็นเพียงข้าวสวยร้อนๆ

ไอน้ำด้านล่างเดือดพุ่งขึ้นมาไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าเพื่อรักษาอุณหภูมิของอาหาร มีหญิงท่าทางแคล่วคล่องสองคนคอยกวาดเช็ดในร้านไม่หยุด สถานที่กินข้าวเช่นนี้ทั้งสะอาดและสะดวก

ลูกค้าจ่ายเงินซื้อป้ายไม้สองสามอัน จากนั้นก็เอาป้ายไม้ส่งให้กับคนที่อยู่หน้าหม้อนึ่ง พ่อครัวก็จะจัดอาหารใส่ในชามตามสีและจำนวนของป้ายไม้ หยิบใส่ถาดสี่เหลี่ยมยกไปให้ที่โต๊ะ

วันอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ อาหารไม่ว่าจะเป็นหัวไชเท้า ผักกาดขาวสองสามอย่าง แค่มองดูก็รู้ว่าทำอย่างตั้งใจไม่ใช่อาหารตุ๋นหม้อใหญ่ๆ ที่จืดชืดพวกนั้น

ที่สุดยอดไปกว่านั้นก็คือ อาหารจานเนื้อสองอย่างนั้น อย่างแรกก็คือลูกชิ้นเปรี้ยวหวาน กลิ่นเปรี้ยวหวานโชยมาชวนให้รู้สึกอยากอาหาร อีกอย่างหนึ่งที่ยิ่งดึงดูดผู้คนก็คือ หมูสามชั้นน้ำแดงมันวาววับด้วยน้ำราดสีแดงของซีอี๊ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version