Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 18

ตอนที่ 18 ทำการค้าแบบมีระบบบริหารภายใน

คนงานชายห้าคน คนงานหญิงแปดคน ไม่ต้องจ่ายค่าแรงงาน ต้องการเพียงแค่อาหารสามมื้อ คนทำกับข้าวสองสามคน จ่ายเงินเดือนๆ ละ 100 อีแปะ

ค่าตอบแทนต่ำเช่นนี้ หวังทงก็คิดว่ากดขี่มากพอแล้ว แต่จางซื่อเฉียงกับนางหม่ากลับเตือนเขาเสียยกใหญ่ว่าทำไมต้องให้เงินเดือน ให้เพียงแค่อาหาร ในเมืองหลวงก็ยังไม่รู้ว่าจะมีคนมากมายเท่าไรแย่งกันมาทำ

พอเก็บเงินโต๊ะสุดท้ายเสร็จ กวาดลงกล่อง ในหัวหวังทงก็เริ่มคิดคำนวน กล่าวขึ้นเบาๆ ว่าวันนี้ขายไป 120 ชุดหักค่าวัตถุดิบและแรงงานกำไรสุทธิ 600 อีแปะ

จางซื่อเฉียงเห็นใบหน้าหวังทงนิ่งไป ก็ได้เตรียมใจไว้แล้วว่าจะได้ยินว่าขาดทุน แต่พอได้ยินว่า 600 อีแปะก็ยังงงอยู่ พอรู้ตัวก็ดีใจสุดขีด ตอนพูดเสียงยังสั่นอยู่เล็กน้อย

“600 อีแปะ เดือนหนึ่งใช่ว่าเกือบ 20 ตำลึงหรอกหรือ ใต้เท้า…”

ตามที่ตกลงไว้ เขาจะได้ส่วนแบ่งราวสี่ตำลึง อยู่ๆ ทุกเดือนก็หาเงินเพิ่มได้อีกเท่าหนึ่ง จะไม่ดีใจสุดขีดได้อย่างไร หวังทงยิ้มพลางส่ายหน้าเอ่ยขึ้น

“เปิดกิจการวันแรก ยังแปลกใหม่อยู่ ต้องรอดูพรุ่งนี้!”

หาเงินเพียงเท่านี้สำหรับเขาแล้วยังไม่น่าสนใจเท่าไร เพียงแต่ว่าหาก ‘ไม่สะสมก้าวเดิน ไหนเลยจะถึงพันลี้’ หาเงินได้แม้ว่าจะน้อย แต่อย่างไรก็หาเงินได้ ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน

เปิดกิจการวันแรกก็แปลกใหม่อยู่บ้างสำหรับผู้คนโดยรอบ วันที่สองจำนวนการค้าก็อาจจะลดลง นี่เป็นหลักการปกติ แต่ที่ทำให้หวังทงคิดไม่ถึงก็คือ วันที่สองเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน หน้าประตูหอเลิศรสก็เริ่มมีคนเข้าแถวแล้ว

อาหารสะอาดและปริมาณพอเพียง รสชาติอาจจะไม่ได้ดีมากแต่กลับมีแรงดึงดูดผู้คนได้มากเช่นนี้ นับเป็นเรื่องน่าประหลาด หวังทงสวมชุดธรรมดาเดินไปมาอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เข้าแถวอยู่ ได้ยินคำพูดว่า

“สถานที่แถบนี้จะหาที่กินอาหารที่เหมาะสมสักที่ก็ยากยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าที่ถนนทักษิณจะมีร้านเช่นนี้ เดินมาไกลอีกหน่อยก็ลองกินสักมื้อว่าสมราคาหรือไม่”

เมื่อวานลูกค้าหนึ่งคนกระจายข่าวไป 10 คน 10 คนก็กระจายข่าวไป 100 คน ข่าวแพร่กระจายไปทั่วเขตทักษิณ ผู้คนต่างรู้ว่ามีร้านอาหารแปลกประหลาดมากร้านหนึ่ง รสชาติพอใช้ได้ และยังสะดวกมาก คนที่มีเวลาว่างก็จะมาชมความแปลกใหม่

ที่มาไม่ใช่แค่ผู้คนที่เดินผ่านไปมาบนถนนทักษิณเท่านั้น แต่ยังนำพาผู้คนในเขตพื้นที่อื่นๆ มาด้วยไม่น้อย

วันนี้ทั้งวันข้าวกล่องที่ขายออกไปมากกว่าวันที่เปิดกิจการถึงสี่เท่า คนงานชายหญิงในร้านไม่มีอาหารเหลือให้กิน ยังต้องทำเอาเองใหม่ กระแสที่เพิ่มมากขึ้นเช่นนี้ยาวต่อเนื่องไปจนถึงวันที่หกจึงได้คงที่ มื้อกลางวันของทุกวันขายได้ราว 300 ชุด ถึงกับมีลูกค้าจากถิ่นอื่นแวะมากินที่นี่โดยเฉพาะ

สถานการณ์เช่นนี้ทำให้หวังทงได้แต่อุทานในใจ คนสมัยนี้เห็นของแปลกใหม่น้อยมาก ลูกค้าที่ทยอยมาทำให้หอเลิศรสเล็กๆ นี้กำไรดีขึ้น เพราะว่าซื้อวัตถุดิบแต่ละอย่างมากขึ้น แน่นอนราคาย่อมถูกลง ทำให้ผลกำไรเพิ่มตามไปด้วย

แต่ที่นี่อย่างไรก็เป็นเพียงแค่ร้านอาหารเล็กๆ ผ่านไปสองสามวันการค้าทุกวันก็คงที่ ขายได้ราว 240 ชุดต่อวัน แต่ปริมาณเช่นนี้ก็ต้องเพิ่มคนงานแล้ว

ทุกอย่างในร้านล้วนให้จางซื่อเฉียงคอยสอดส่อง เขาลำบากมาหลายปีกว่าจะมีโอกาสหาเงินได้ง่ายเช่นนี้ แน่นอนย่อมต้องรักษาเอาไว้ให้ดี ทั้งร้านตั้งแต่อาหารการกินไปจนถึงสุขอนามัยต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด คนงานชายหญิงเหล่านั้นไม่กล้าแอบขี้เกียจแม้แต่น้อย จางซื่อเฉียงผู้นี้ราวกับเถ้าแก่ใหญ่

ผักในฤดูหนาวก็เป็นแค่ผักกาดขาวกับหัวไชเท้า หากกับข้าวปรับเปลี่ยนไปตลอด ไม่ว่าเป็ดไก่เนื้อวัวหรือแพะ ก็เริ่มมีให้เห็น แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือหมูสามชั้นน้ำแดง

ในยุคสมัยนี้น้ำตาลราคาค่อนข้างแพง รสหวานไม่ใช่รสชาติของสามัญชน ความหอมหวานของหมูสามชั้นน้ำแดงเป็นสิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้รู้สึกอยากกิน ต่างพากันยกนิ้วให้

เพื่อจะดึงลูกค้า หวังทงจึงให้ทำอย่างสุดฝีมือ ไม่ลดวัตถุดิบใด หอเลิศรสเปิดได้ 10 กว่าวัน รูปแบบอาหารจานด่วนเช่นนี้กลับมีอาหารจานเด็ดขึ้นชื่อแล้ว นั่นก็คือหมูสามชั้นน้ำแดงหม้อใหญ่

มักมีผู้คนตรงมาที่นี่โดยเฉพาะเพื่อซื้อหมูสามชั้นน้ำแดงกลับบ้าน รสอร่อยกินกับข้าวได้มาก หากซื้อเดี่ยว ปริมาณหนึ่งชามก็มากพอดู ราคาแค่ 15 อีแปะ หากก็ไม่กระทบต่อการขาย สามารถขายเดี่ยวได้โดยไม่สนใจราคาด้วย

ทุกวันน่าจะขายได้ราว 230 – 240 ชุด ตอนเช้าหวังทงไปรายงานตัว กลับมาถนนทักษิณก็อยู่ที่ร้านรวบรวมข้อมูลต่างๆ

รู้จำนวนกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงแล้ว ถึงจะวางแผนได้ กิจการแม้จะเล็ก แต่ก็ต้องตั้งใจทำ หวังทงรู้สึกว่าตัวเองย้อนกลับไปสู่บริษัทในยุคปัจจุบัน วิเคราะห์อย่างละเอียดพร้อมกับออกโปรใหม่ๆ

รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ ตั้งแต่เปิดร้านพร้อมกับรายรับในแต่ละวัน คาดว่าก่อนเดือนสามปีหน้าก็จะคืนทุนได้ หากพอนึกได้ว่าตอนนี้ใกล้จะสิ้นปี ผู้ที่อาศัยในเมืองหลวงที่มาจากต่างเมืองก็เริ่มทยอยกลับบ้านไปฉลองตรุษจีน ลูกค้าที่พอมีกำลังใช้จ่ายก็จะลดลง รอจนหลังตรุษจีนรายได้ถึงจะเพิ่มขึ้น ทุนถึงจะคืนเร็วขึ้นอีกหน่อย

ต้นฤดูใบไม้ผลิ ร้านที่สร้างขึ้นง่ายๆ อย่างรวดเร็วก็ต้องทำให้มั่นคง หากการค้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังต้องเพิ่มลูกเล่นบ้าง บางทียังต้องขยายร้านสองด้านออกไป…

ลูกค้าในร้านน้อยลง หวังทงถอดหมวกออก หยิบดินสอถ่านกับกระดาษสองสามแผ่นวาดไปวาดมาอย่างตั้งใจบรรดาลูกจ้างในร้านต่างพอใจที่เห็นวันนี้ยังมีหมูสามชั้นน้ำแดงและเนื้อแพะตุ๋นไชเท้าเหลือ ในใจก็คิดว่าอย่าได้มีลูกค้ามาอีกเลย อาหารที่เหลือทุกคนก็จะได้จัดการกินกันพอดี หากขายหมดก็ต้องทำใหม่ นางหม่าเป็นคนจู้จี้จุกจิกก็จะไม่ใส่เนื้อเพิ่มให้ทุกคน

“เถ้าแก่ เอา 20 อีแปะหกชุด”

เดิมหวังทงก็คิดจะไม่สนใจ แต่เสียงแหลมเล็กค่อนไปทางอ่อนหวานเหมือนสตรี ในยุคสมัยที่ขนบประเพณีโบราณเช่นนี้ แม้ว่าไม่ได้โอเวอร์เหมือนที่พูดถึงอยู่ในหนังสือ แต่นอกจากพวกยากจนข้นแค้นที่ต้องออกมาหาทำมาหาเลี้ยงชีพ สตรีในบ้านทั่วไปจะไม่ออกมาเฉิดฉายในเมืองเช่นนี้

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ ก็เห็นขันทีอายุน้อยสวมชุดยาวสีเขียวครามหกคนยืนอยู่ตรงประตู หนึ่งในนั้นกำลังควักเงิน

หวังทงเหลือบมองแวบหนึ่งก็ก้มหน้าลงวางปากกา ได้ยินคนที่ควักเงินส่งเสียงหัวเราะกล่าวว่า

“วันก่อนมากินที่นี่กับอาหลี่ ราคาไม่แพง กวาดกันเรียบ อร่อยกว่าอาหารหม้อใหญ่ในวังไม่รู้ตั้งเท่าไร ร้านสะอาด กินได้อย่างวางใจ…”

ทุกคนหาที่นั่ง จากนั้นก็เริ่มกินไปพลางคุยหัวเราะไปพลาง ที่คุยกันนั้นก็เป็นเรื่องสัพเพเหระในวัง ไม่พูดถึงเรื่องเจ้านายในวัง เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวของขันทีนางกำนัลในวังหลวงเท่านั้น

หวังทงนิ่งอึ้งไป ทันใดนั้นก็ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเบาๆ

ข้าช่างเลอะเลือน ร้านนี้อยู่ในตำแหน่งข้างวังหลวง กลับเอาแต่สนใจคนเดินไปมาบนท้องถนน แต่ลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุดอยู่ที่ไหน ก็อยู่ในวังหลวงนี่เอง

อาศัยอยู่บนถนนทักษิณมาหลายปีเช่นนี้ ทุกวันล้วนมีขันทีออกมาจากวังหลวง ประตูเล็กสองข้างของประตู อู่เหมินที่เปิดให้คนเหล่านี้ออกมาปฎิบัติหน้าที่นอกวัง ประตูหนึ่งในนั้นก็เปิดอยู่ตรงถนนทักษิณ

เจ้าหน้าที่ในวังหลวงไปไหนมาไหนค่อนข้างอิสระ ที่พอมีตำแหน่ง ในมือก็พอมีเงินอยู่บ้าง ในวังแม้มีห้องเครื่องหลวงและห้องเครื่องเล็ก แต่นั่นก็เอาไว้สำหรับฮ่องเต้นางสนมและบรรดาขันทีใหญ่ ผู้น้อยระดับล่างเหล่านี้อยากจะกินดีสักมื้อก็หาที่ไม่ได้ หอเลิศรสไยไม่ทำการค้านี้!

“รสชาติไม่เลวจริงๆ เด็ดกว่าอาหารเละเทะเย็นชืดในวังมากเลย…”

“สามชั้นน้ำแดงนี่เข้าปากก็ละลายได้เลย อร่อย…”

รอจนขันทีเหล่านั้นกินกันเสร็จ พูดคุยหัวเราะเสียงดังกำลังจะจากไป หวังทงก็ยืนขึ้นกล่าวอย่างสุภาพว่า

“กงกงทุกท่าน โปรดหยุดก่อน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version