Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 19

ตอนที่ 19 แขกร้ายมาเยืยน

พอเห็นองครักษ์เสื้อแพรที่นั่งอยู่มุมร้านลุกขึ้นยืน เจ้าหน้าที่ในวังเหล่านั้นก็รู้สึกขึงเครียดขึ้น หากสีหน้ายังคงสงบนิ่งเย็นชา หวังทงก้าวเข้าไปคารวะก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ร้านนี้เป็นของข้าน้อย กงกงทุกท่านพอใจ ข้าน้อยก็รู้สึกภาคภูมิใจ จะเก็บเงินพวกท่านได้อย่างไร เสี่ยวซาน คืนเงินให้กงกงทุกท่าน”

คนเก็บเงินรีบส่งเงินคืน ขันทีที่เป็นคนเลี้ยงก็รับเงินมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย น้ำใจแค่นี้นับว่าน้อยเกินไป ไม่ควรค่าแก่การเกรงใจ รอดูว่าองครักษ์เสื้อแพรอายุน้อยจะกล่าวอะไรต่อ

“ร้านอาหารเล็กๆ การค้าไม่ใหญ่นัก ก็อยากจะได้แขกมามากๆ ร้านนี้ห่างจากประตูด้านข้างของวังหลวงทิศใต้ไม่ไกล บรรดากงกง[1]ก็มาสะดวก รบกวนกงกงทุกท่านกลับไปช่วยกระจายข่าว ให้กงกงในวังทุกท่านมาลองชิม…หากกงกงพาคนมาก็จะได้กินฟรีไม่คิดเงิน ใครพามาหนึ่งคน ก็จะมอบให้อีก 1 อีแปะ…”

“เห็นเราเป็นขอทานหรืออย่างไร?”

ขันทีที่รับเงินคืนไปผู้นั้นกล่าวเสียงเย็นชา เอาเงินใส่เข้าพก ก่อนจะหันกายนำพาทุกคนจากไป

หนึ่งอีแปะนี้แม้ว่าน้อย หากสะสมเข้าก็มากอยู่ น้ำน้อยกลายเป็นแม่น้ำ หวังทงจำไม่ได้ว่าได้ยินมาจากบิดาของตนหรือเสียงวิจารณ์รอบข้าง เสียงวิพากษ์วิจารณ์บรรดาพวกถูกตอนอวัยวะพวกนี้มีมากมาย ความละโมภเงินทองเล็กๆ น้อยๆ นั้นเป็นเรื่องจริง ทุกคนล้วนกล่าวเช่นนี้

ลองคิดดูเมื่อสักครู่ที่คืนเงิน ขันทีผู้นั้นหลังจากนับจนละเอียดแล้วก็บรรจงเก็บใส่พกใส่ห่อ หวังทงในใจก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น

“พี่จาง พรุ่งนี้เตรียมเพิ่มอีก 20 ชุด ถึงเวลาจะได้พอขาย”

เขากำชับเสียงเรียบ

ตอนนี้หวังทงก็ยังตื่นเช้าทุกวันเช่นเดิม ชายชรากวาดพื้นประตูหน้าจวนนายกองร้อยเถียนผู้นั้นได้กลายคู่สนทนาของเขาไปแล้ว แม้ว่าไม่ได้พูดไปทุกเรื่อง แต่มีคนสามารถคุยระบายความในใจได้ ก็มีผลดีต่อจิตใจมากเช่นกัน

ในเรื่องที่เขามีร้านอาหารเล็กๆ การค้ารุ่งเรืองนั้น ชายชราผู้นั้นกลับนิ่งเฉย นอกจากรู้สึกแปลกใจกับวิธีการแปลกประหลาดของหวังทงแล้ว ท่าทีก็ยังคงเป็นเช่นปกติ

ทว่าทุกวันตอนรายงานตัว ท่าทีเพื่อนร่วมงานที่ประจำการบนถนนสายอื่นๆ กลับไม่เหมือนเดิม หวังทงสามารถอัดเจ้ากั๋วต้ง ทำให้นายกองหลิวไส้แห้ง ยังสามารถเปิดร้านอาหารให้ขายดีเช่นนี้ได้ ย่อมต้องมีความสัมพันธ์หรือมีบุคคลหนุนอยู่เบื้องหลัง ผู้มีความสามารถเช่นนี้ วันหน้าจะต้องมีอนาคตไกลแน่นอน เข้าไปทักทายเสียหน่อยก็คงไม่เสียหายอันใด

นอกจากนี้หวังทงที่ดูเหมือนเด็กน้อยก็มิได้อารมณ์ดุร้ายดังที่ได้ยินมา ปฏิบัติต่อผู้อื่นก็นุ่มนวลอ่อนโยน ใบหน้ายิ้มแย้ม ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ

ทุกวันก่อนรายงานตัว คนที่มาก็จะเข้ามาทักทายราวกับหวังทงเป็นศูนย์กลางอย่างไม่ได้นัดหมาย

หวังทงทักทายกับองครักษ์ร่วมสังกัดพลางก็คิดถึงขันทีหกคนเมื่อวานว่าจะพาลูกค้ามาร้านของตนเท่าไร

หลังรัชสมัยเจียจิ้งก็มิค่อยได้เลือกขันทีเข้าวัง พอรัชสมัยหลงชิ่งเวลาก็สั้นจนไม่ทันได้คัดเลือกขันทีเข้าวัง ดังนั้นพอถึงรัชสมัยว่านลี่ ขันทีในวังก็อายุถึงวัยกลางคนราว 40 กว่าปี เพื่อให้งานการในวังราบรื่น ปีที่สองในรัชสมัยว่านลี่ก็ต้องคัดเลือกขันทีเข้าวังขนานใหญ่

วังต้องห้ามมีขันทีเข้ามาใหม่ราว 6,000 กว่าคน ขันทีผู้ใหญ่แน่นอนย่อมต้องมีเสื้อผ้าอาภรณ์อาหารอย่างดี แต่ที่เหลืออาหารการกินก็ย่ำแย่เต็มที หากพวกเขาพอมีเศษเงินอยู่ในมือบ้าง แต่ในวังไม่มีที่สำหรับทำอาหารเอง ถ้าเลยเวลาอาหารไปแล้ว ก็ต้องกินอาหารเย็นชืด ไม่ก็ต้องหิ้วท้องกันไป เมื่อออกมาปฏิบัติหน้าที่นอกวัง ที่อื่นไม่รู้ แต่ประตูข้างทิศใต้นี้ มีภัตตาคารหลายร้าน แต่ไม่รับแขกจร หรือไม่ก็ราคาแพงเกินไป

พูดไปพูดมา หอเลิศรสราคาถูกรสดี ตรงกับความต้องการของพวกเขาพอดี

ขณะคิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบข้างก็ดังเข้ามากระทบโสตประสาท หวังทงเพิ่งสังเกตว่าวันนี้วงสนทนาเล็กแต่ละวงมารวมตัวกันไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไร

ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยกีดกันตนเองนัก หวังทงได้ยินกระท่อนกระแท่นว่า “…เมื่อวานใต้เท้าเถียนด่าหลิวซินหย่ง…” “ได้ยินว่าเรื่องอมเงินถูกใต้เท้าจับได้…” “…สมน้ำหน้า อมเงินพวกเราไม่พอ ยังอมส่วนเบื้องบน…” “…คืนก่อนหลิวซินหย่ง หอบเงินที่อมไปเข้าไปในจวนใต้เท้าเถียน…”

หวังทงแค่นยิ้มในใจ เป็นขุนนางก็เพื่อเงิน เรื่องที่หลิวซินหย่งอมเงินผู้บังคับบัญชาถูกเปิดโปงออกมา ยังมีที่ยืนต่อไปได้อีกก็แปลกแล้ว

ไม่นานนัก หลิวซินหย่งก็นำเจ้ากั๋วต้งมาถึง สีหน้าสองคนไม่สู้ดีนัก เสียงทักทายพวกเขาก็ซบเซาลงมาก

หวังทงมองไป หลิวซินหย่งก็มองมาพอดี ได้เห็นปากแหลมแก้มตอบของนายกองผู้นั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย หวังทงก้มหน้าลง ในใจก็แอบคิดว่า ‘พวกละโมบอาฆาตมาดร้ายเห็นเงินสำคัญเป็นที่สุดผู้นี้ ต้องมาเสียไปเช่นนี้ ในใจไม่รู้ว่าจะโกรธแค้นเพียงใด ระวังไว้เป็นดี’

แต่เขาไม่คิดว่าเรื่องราวจะมาถึงเร็วเพียงนี้ ตอนกลางวัน หวังทงนั่งอยู่ที่หอเลิศรส มีงานมากมาย คนงานชายหญิงในร้านได้รับการฝึกฝนก่อนเปิดร้านไม่มากนัก จึงต้องคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด จะได้ไม่เกิดความผิดพลาด ร้านเปิดใหม่กิจการไม่เลว แต่อย่างไรก็เปิดไม่ถึงหนึ่งเดือน หากไม่ดูแลใกล้ชิดก็จะเกิดเรื่องได้ง่าย

ทว่าตอนที่แขกเหรื่อเพิ่งนั่งกันเต็มร้าน ก็มีองครักษ์เสื้อแพรเจ็ดคนยังไม่ทันเข้ามาในร้านก็ตะโกนเสียงดังว่า

“ใกล้วังหลวงเช่นนี้ พวกเจ้ามาซ่องสุมกันที่นี่ คิดจะทำเรื่องมิดีมิร้ายรึ รีบไสหัวไป!!”

คำพูดหนักหนาสาหัสเช่นนี้ ลูกค้าที่มุ่งตรงมาก็พากันหลบไป ที่นั่งอยู่ในร้านแล้วก็มีสีหน้าก็ตกใจซีดเซียว ร้านเล็กๆ ในเมืองหลวงมักจะมีองครักษ์มารีดไถ ทุกคนเดิมคิดว่าหอเลิศรสนี้เปิดโดยองครักษ์เสื้อแพร ก็น่าจะกินได้อย่างสบายใจ

ใครจะคิดว่าจะมีคนมาหาเรื่องเช่นกัน เรื่องนี้ทุกคนล้วนได้เห็นกับตา ต่างรู้ว่าเป็นการประลองกำลัง หากมีเรื่องกันขึ้นมา แขกที่นั่งอยู่ส่วนใหญ่ก็ต้องพลอยโดนกันไปด้วย

ที่กินกันอยู่ก็ไม่กล้ากินแล้ว พากันวางชามลงรีบออกไป จางซื่อเฉียงรีบปิดม่านประตู หันไปมองแล้วกล่าวกับหวังทงว่า

“น้องหวัง ดูหน้าไม่คุ้น ไม่ใช่คนกองร้อยเรา”

ขณะที่พูด เจ้าเจ็ดคนนั้นก็เดินส่ายอาดๆ เข้ามาในร้าน เห็นท่าทางหลายคนดุดัน คนงานในร้านล้วนไม่กล้าส่งเสียงทักทาย หวังทงค่อยๆ ยืนขึ้น ถามเสียงเรียบว่า

“ไม่ทราบว่าพี่ชายทั้งหลายมีธุระใดให้รับใช้?”

หัวหน้าคนกลุ่มนั้นที่เอวเหน็บป้ายตำแหน่งนายกองธงเล็ก รูปร่างอ้วนเตี้ย พอได้ยินคำพูดนี้ก็ถลึงตามองหวังทง ก่อนจะเอ่ยวาจาหยาบกระด้างขึ้น

“มาร้านอาหารของเจ้าจะมาทำอะไร ก็ต้องกินข้าวสิวะ เอามาเจ็ดชุด เอาชั้นดีที่สุดของเจ้ามา”

องครักษ์เสื้อแพรอีกหกคนที่เหลือสวมชุดมัจฉาเวหาที่เก่าขาดอยู่บ้าง วางท่าทางนักเลงโตนั่งลงส่งเสียงหัวเราะดังโหวกเหวก

ในร้านนี้ หวังทงที่อายุน้อยที่สุดกลับสงบนิ่งที่สุด จางซื่อเฉียงที่อายุ 30 กว่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงบรรดาคนงานชายหญิงในร้าน

“จัดชุด 30 อีแปะให้พี่น้องทุกท่าน ใส่เนื้อให้มากหน่อย”

หวังทงกล่าวจบ พ่อครัวที่ยืนอยู่หลังหม้อนึ่งก็ตักกับข้าวอย่างระมัดระวัง ยกไปให้พวกเขา

องครักษ์เสื้อแพรเจ็ดคนนั่งอยู่ที่โต๊ะเจ็ดตัว และยังอยู่ในตำแหน่งปิดประตูทางเข้า แต่การทำเช่นนนี้หวังทงก็ไม่อาจกล่าวว่าอะไรได้ อีกฝ่ายเป็นลูกค้ามากินข้าว นั่งที่ไหนก็ไม่อาจไปยุ่งเกี่ยวได้

……………

[1] คำเรียกขานขันทีในวังหลวง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version