ตอนที่ 421 จิตใจสับสน กองกำลังออกเดินทาง
ยามปกติกลุ่มหวังทงก็สงบนิ่งมั่นคง ทุกอย่างที่เทียนจินล้วนดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เหตุผลคือผู้คนทำงานกันจนไม่มีเวลาคุย ธรรมเนียมต่างๆ กำหนดไว้ชัดเจน
แต่การดำเนินการที่เป็นไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกคนล้วนอยู่ในระบบจนไม่รู้สึกถึงบทบาทของผู้ปฏิบัติงานและหัวหน้างาน ไม่รู้ว่ามีคนเท่าไรที่ถอนหายใจว่าหวังทงโชคดี ได้พื้นที่เทียนจินไป จับผลัดจับผลูจึงได้สร้างความชอบใหญ่ แต่หากเปลี่ยนเป็นตนเอง ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ดีกว่า
หากเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 เดือนสิบสอง รัชสมัยว่านลี่ที่ 7 ที่ทำการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรเทียนจินก็เริ่มปฏิบัติการ ทุกคนรู้ว่ากองกำลังหู่เวยที่ฝึกขึ้นมาใหม่จะไปฝึกซ้อมที่เมืองเซวียนฝู่ กำลังเตรียมการด้านต่างๆ เพื่อออกศึก
กองกำลังเคลื่อนไหว ย่อมส่งผลต่อสถานการณ์ในภาพรวม การงานทุกอย่างเริ่มวุ่นวายอย่างมาก ที่ทำการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรเทียนจินยุ่งชุลมุน หากไม่วุ่นวาย เป็นระเบียบอย่างยิ่ง ไม่มีเรื่องชั่วร้ายอมเงินอันใด เงินแต่ละก้อนจ่ายออกไป ร้านไหนมีสินค้าใด ดูเหมือนจะรู้ก่อน ที่ไหนควรเตรียมตัวใด ดูเหมือนก็จะเตรียมตัวกันล่วงหน้าแล้ว
เจ้าหน้าที่ทางการและชาวบ้านทั้งเทียนจิน แม้กระทั่งกองกำลังหู่เวยที่กำลังจะออกเดินทาง นอกจากบรรยากาศจะเคร่งเครียดแล้ว งานการที่ต้องยุ่งทำกันในเดือนสิบสองนี้ไม่ได้รับผลกระทบอันใด บรรยากาศแห่งเทศกาลแห่งความสุขปีใหม่ยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ
กองทัพเตรียมความพร้อมได้อย่างราบรื่น ไม่รบกวนชาวบ้าน กองกำลังองครักษ์เสื้อแพรเทียนจินเตรียมการได้ประสิทธิภาพเยี่ยมยอดเช่นนี้ ทำเอาคนที่สังเกตดูอยู่มากมายพากันแปลกใจและชื่นชม
เจ้าหนุ่มหวังทงผู้นี้สามารถสร้างผลงานออกมาได้เช่นนี้ นับว่าไม่ใช่อาศัยแค่โชคอย่างเดียวแล้ว……
***********
อาวุธยุทโธปกรณ์และอุปกรณ์ชุดเกราะต่าง ๆ ของกองกำลังหู่เวยนั้นมีเพียงแค่ใช้ประจำในการฝึกประจำวันเท่านั้น การออกลองสนามศึกครั้งนี้นับเป็นสถานการณ์รบที่แท้จริง ข้าวของทุกสิ่งอย่างก็ต้องเพิ่มจำนวนเพิ่มปริมาณ
อย่างไรก็ตามก็เป็นเรื่องไม่ยากของกองกำลังหู่เวย สำนักปืนไฟอยู่ที่เทียนจิน ที่นี่ก็มีความสามารถในการผลิตอาวุธอื่น หวังทงก็เป็นหัวหน้าดูแลอยู่ จะนำมาใช้ก็ย่อมสะดวกไม่น้อย
คำสั่งให้กองกำลังหู่เวยออกฝึกซ้อมทางตอนเหนือ ไม่ใช่ความลับ ทุกคนรู้ดี ช่างที่โรงตีเหล็กตอนนี้ไม่ได้ทำงานเหมือนเมื่อก่อน ประการที่หนึ่งเพราะกินอิ่มและยังมีค่าตอบแทน ประการที่สองเพราะมีหัวหน้าจับตาดู ย่อมไม่ผลิตชิ้นงานแย่ๆ ออกมา เมื่อมีประการแรกที่กล่าว ประการที่สองที่ว่าก็ไม่ต้องสนใจอีก
พอเดือนสิบสอง ทุกคนคิดจะยุ่งฉลองปีใหม่ ในใจไม่อยากทำงานกัน หวังทงจึงได้แจกเงินก้อนใหญ่เพื่อการนี้ เพื่อให้ทุกคนมีสมาธิในการทำงาน
เรื่องที่ทุกคนรู้ ชาวต่างชาติที่เริ่มออกจากสถานกักกันมาทำงานก็ย่อมรู้ ตอนนี้ล่ามไม่ค่อยพอใช้ เงินทองได้มากกว่าตอนอยู่เมืองหลวงถึงสี่เท่า ยังมีที่กินที่อยู่ให้ ปีใหม่ยังมีเงินแจก หากเพราะล่ามแปลกันติดๆ ขัดๆ
ทำให้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็คือ ใต้เท้าหวังที่สูงส่งกำลังจะออกไปซ้อมรบที่ตอนเหนือ เป้าหมายคืออนารยชนบนหลังม้าที่เชี่ยวชาญเรื่องธนู พอรู้ข่าวนี้ บรรดาช่างโปรตุเกสก็เริ่มซุบซิบกัน ตอนอยู่บ้างเกิด ศัตรูของพวกเขาในยุโรปก็คือจักรวรรดิออตโตมันจากทางใต้ ศัตรูแผ่นดินหมิงมาจากทางเหนือ
แต่โอกาสมีเพื่อคนที่เตรียมตัวพร้อมนั้น บางคนซุบซิบเสร็จก็ทำงานกันต่อ หากมีช่างบางคนเริ่มไตร่ตรองอย่างละเอียด จากนั้นก็ให้ล่ามไปขอพบหวังทง
การให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีของหวังทงทำให้ทั้งช่างฝีมือชาวฮั่นในเทียนจินและช่างต่างชาติมีสิทธิพิเศษ ก็คือสามารถขอพบหวังทงได้ตลอดเวลา
อธิบายเหตุผลในการขอพบ เหตุผลนี้จะถูกแจ้งไปยังหวังทงในเวลาที่เร็วที่สุด หวังทงจะตัดสินใจว่าจะพบหรือไม่
เรื่องช่างฝีมือผู้นั้นขอพบได้รับอนุญาตอย่างรวดเร็ว คุยกันราวครึ่งชั่วยาม ก็ได้เงิน 600 ตำลึงออกมาจากที่ทำการนายกองพันหวัง และยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเฉียวต้า ตอนนี้โรงช่างทางการและส่วนตัวอยู่ในการดูแลของเขา ซุนต้าไห่และจางซื่อเฉียงได้รับคำสั่งมา ไม่ว่าใช้คนหรือเงินทองเท่าใดก็ให้จัดหาไปเต็มที่
***********
ความตึงเครียดและประสิทธิภาพในการเตรียมตัว ตลอดจนเรื่องรายละเอียดเล็กน้อยต่างๆ ไม่ต้องพูดถึง เพราะตอนนี้วงการขุนนางในเมืองหลวงกับบรรดาพ่อค้าในเทียนจินต่างพากันเครียดกับข่าวที่กองกำลังหู่เวยต้องไปเมืองเซวียนฝู่
หวังทงบอกว่า ไฟหลอมทองแท้ วาจานี้ไม่ผิด ในฐานะทหารราชสำนัก ย่อมต้องทำตามคำสั่งเบื้องบน นี่เป็นโอกาสอันดีในการฝึกซ้อมกองกำลัง วาจานี้ไม่ผิด
แต่ใต้หล้าล้วนรู้สึกว่ากองกลังที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยเช่นนี้ควรจะเสวยสุขในเทียนจิน ไปเมืองเซวียนฝู่นี้น่าจะถูกกลั่นแกล้งเข้าแล้ว
การเคลื่อนไหวนี้หรือว่าเพราะนายกองพันหวังไม่เป็นที่โปรดปรานแล้ว ดังนั้นในวังจึงให้สำนักอาชาหลวงจัดการกองกำลังหู่เวยเช่นนี้?
นอกจากพวกขุนนางที่อิจฉาตาร้อนกับเงินทองตาเป็นมันแล้ว ทุกคนคนในเทียนจิน ผู้ใดล้วนเข้าใจ ความรุ่งเรืองของเทียนจินตอนนี้สัมพันธ์กับข่าวของหวังทง หากหวังทงเกิดเรื่อง เช่นนั้นความรุ่งเรืองที่นี่คงราวกับฝันที่พังทลาย
ทุกคนรู้สึกใจเต้นตุ๊มต่อม ล้วนพากันแอบเตรียมการเงียบๆ หากเกิดเรื่องขึ้นจริง อย่างไรก็ไม่ควรให้ของที่หากำไรมาอย่างยากลำบากทั้งปีต้องมลายหายไป
ความตึงเครียดและความตื่นกลัวนี้จบลงเมื่อราชโองการปูนบำเหน็จมาถึงเทียนจิน ทุกคนจึงวางใจ หวังทงและไช่หนานแห่งกองกำลังหู่เวยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความภักดี แข็งขันไม่ย่อท้อ ทุกคนล้วนได้รับการปูนบำเหน็จรางวัล รอกลับจากเมืองเซวียนฝู่ จะพระราชทานปูนบำเหน็จหนัก เช่นนี้จึงทำให้ทุกคนรู้สึกสบายใจ
แต่ทุกคนต่างก็สงสัยกันว่าถ้าฮ่องเต้มีใจเช่นนี้จริง ไยต้องทำให้กองกำลังหู่เวยต้องทนลำบากด้วย เมืองเซวียนฝู่หนาวเหน็บเช่นนั้น ฤดูหนาวยังมีพวกอานารยชนนอกด่านเข้าปล้นชิง ไปรับโทษที่นั่นทำไมกัน
***********
เดิมสำนักอาชาหลวงดูแลห้ากองร้อย กองรบ และกองกำลังองครักษ์ฝ่ายขวา กองกำลังมังกรฝ่ายซ้าย ตอนนี้เพิ่มกองกำลังหู่เวยมาอีกกอง สำนักอาชาหลวงกุมแสนยานุภาพเข้มแข็งที่สุดในวังผฝ่ายใน นี่เป็นความร้ายกาจที่สุดของราชวงศ์ แม้ว่ามีสามขันทีดูแล แต่การจะเคลื่อนกำลังหรือเรื่องใหญ่อื่นใดก็ต้องให้ไทเฮาทรงมีพระราชานุญาต ให้ฮ่องเต้ออกราชโองการ
หากใครไม่ปฏิบัติตามกฎนี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาก็จะสามารถตัดหัวคนที่ออกคำสั่ง จากนั้นก็ค่อยรายงานเบื้องบน ย่อมมีความดีความชอบมากกว่าความผิด
ในรัชสมัยว่านลี่ปีที่ 7 เกิดเรื่องราวไม่น้อย เทียนจินเปลี่ยนแปลงไปทุกที่ ส่งมอบเงินเข้าวังมาเป็นระลอก ท่านจางเป็นห่วงแผ่นดิน เร่งให้แต่ละมณฑลจัดการภาษีที่ดิน และกำหนดธรรมเนียมการเก็บภาษีอื่น สำนักอาชาหลวงก็เหมือนมีผงานเช่นกัน ถึงกับส่งทหารออกซ้อมรบที่ชายแดน
สี่กองกำลังและกองรบล้วนออกไปปฏิบัติหน้าที่มารอบหนึ่ง ไปเมืองเซวียนฝู่บ้าง จี้โจวบ้าง ไปถึงเขตทหารมี่อวิ๋นทางตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลป๋อไห่กันก็มี
ตอนนี้ในวังมีเงิน สำนักอาชาหลวงเดิมก็เป็นผู้ดูแลเงินทองและเสบียงในวัง ให้กกองกำลังออกปฏิบัติการนั้น ย่อมใช้จ่ายเงินไปไม่น้อย
แม้ว่าทั้งห้ากองจะมีเสียงบ่น อากาศหนาวเหน็บ ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงที่แสนจะรุ่งเรือง ต้องออกนอกเมืองไปทนทรมาน ผู้ใดอยากกัน
แต่ก็ได้ผลไม่เลว หนึ่ง อยู่ในเมืองหลวงกันมานาน ออกไปซ้อมรบสักหน่อย ทหารก็เริ่มมีชีวิตชีวาคึกคักขึ้นหลายส่วน ภาพลักษณ์เปลี่ยนไป ไทเฮาหลี่กับฮ่องเต้ว่านลี่ย่อมพระเนตรพระกรรณกว้างไกล กองกำลังมังกรฝ่ายซ้ายที่ออกไปกองแรกกลับมาถึงก็ส่งคนไปจับตาดู กลับมารางานว่าไม่เหมือนเมื่อก่อน หากมีความองอาจมากกว่าอีกหลายส่วน ได้ผลเช่นนี้ได้ ความปลอดภัยวังหลวงก็ย่อมมากขึ้นอีกหลายส่วน ไทเฮาและฮ่องเต้ย่อมดีพระทัย
อีกสิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ หลายกองกำลังของสำนักอาชาหลวงไปยังเมืองเซวียนฝู่และจี้โจวกับเขตทหารตอนเหนือของเมืองหลวงพบว่า ทุกปีเงินทองที่ราชสำนักจ่ายออกไปเป็นเบี้ยหวัดก้อนโตไปยังชายแดนสำคัญทั้งหมด ทหารมีสิทธิทำการค้ากับพวกนอกด่านแต่ละชนเผ่า มีอาวุธมีเงิน ก็ยิ่งเป็นดำรงตนเป็นอิสระเข้มแข็ง มีคนเห็นว่า พื้นที่ชายแดนนับว่าเข้มแข็งที่สุด ที่อื่นๆ สู้ไม่ได้ นานวันเข้า ความเย่อหยิ่งของทหารชายแดนก็ย่อมเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่ราษฎรชายแดนเองก็คิดว่าเมืองชายแดนนั้นใหญ่ที่สุด
การไปของสำนักอาชาหลวงครานี้ ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป กองกำลังสำนักอาชาหลวงเลือกใช้ทหารหนุ่มที่หนีมาจากชายแดน ไม่ได้มีฐานะทางบ้านอันใด ส่วนใหญ่ตั้งใจฝึกฝน และชุดเกราะยุทโธปกรณ์ก็ดีกว่าที่อื่นมาก
เมื่อเคลื่อนกำลังไป ชาวบ้านและทหารชายแดนได้เห็น ก็พากันตะลึงคิดว่าตทหารเมืองหลวงนั้นแข็งแกร่งกว่าทหารในพื้นที่ตนมาก จึงได้รู้ว่าคนเองหลงผิดไปแล้ว
แน่นอน ชีจี้กวงที่จี้โจวนั้นไม่เหมือนกัน ทหารที่ฝึกขึ้นมาเป็นหนึ่งในใต้หล้า และยังเป็นพื้นที่สำคัญ ทว่าชีจี้กวงแต่ไรก็ภักดี เรื่องนี้ไม่ต้องกล่าวถึง
ไม่ว่าอย่างไร แต่ละกองกำลังฝึกซ้อมกลับมาเมื่อใกล้ปลายปี ชายแดนแต่ละแห่งก็ส่งเงินเข้ามาวังหลวงมืองหลวงแสดงความกตัญญูกันมากกว่าปีที่ผ่านมา ฎีการ้องเรียนก็มีวาจาสุภาพขึ้นมาก เมื่อก่อนมีเรื่องที่กัดไม่ปล่อย ตอนนี้ก็ยอมอ่อนข้อมากขึ้น
แต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้หลายเรื่องล้วนรู้สึกกันได้ตอนเดือนสองและสามของปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 8 ตอนนี้กองกำลังมังกรฝ่ายซ้ายออกไปฝึกซ้อมกลับมาแล้ว
ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ไทเฮา ฮ่องเต้และมหาขันทีในวังล้วนเห็นกันอยู่ หกกรมกองก็เข้าใจดี ฉู่เจ้าเหรินที่เสอนความเห็นนี้ก็พลอยถูกมองต่างไปจากเดิมในทันที
เดิมถูกหวังทงจมเรือลงคลองส่งน้ำที่เทียนจินไป ฉู่เจ้าเหรินแม้ว่าจะตำแหน่งสูงในสำนักอาชาหลวง ก็ถูกผู้คนพากันหัวเราะเยาะ หากเมื่อเกิดปฏิบัติการซ้อมรบ ทุกคนก็ล้วนเห็นต่างไปจากเดิม สามารถทำงานได้ สามารถทำงานที่มีประโยชน์ได้ และยังมีประสิทธิภาพ นี่เป็นบุคคลที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง
หลังจากทุกคนมองเขาว่าเป็นคนเก่ง การทำงานก็สะดวกมากขึ้น หลินซูลู่ที่ไม่เคยเห็นแก่หน้าผู้ใดยามนี้ก็สนับสนุนฉู่เจ้าเหรินไปทุกเรื่อง ทำให้เขาสามารถปฏิบัติงานได้อย่างสะดวกราบรื่นอย่างมาก
กองกำลังมังกรฝ่ายซ้ายกลับถึงเมืองหลวง ฉู่เจ้าเหรินกำหนดให้กองกำลังรบฝ่ายขวาเตรียมออกเดินทาง และยังยื่นฎีกากราบทูลให้กองกำลังหู่เวยไปเมืองเซวียนฝู่อีกด้วย
ไม่มีใครเป็นคนโง่ ในวังก็เช่นกัน ฉู่เจ้าเหรินไปที่กราบทูลที่พระตำหนักฉือหนิงกง เหตุผลมากมาย ผู้ใดบ้างจะไม่รู้ ไทเฮายิ้มเย็นชาตรัสขึ้น
“ฉู่เจ้าเหริน เสียเวลาสร้างเรื่องมากมาย ก็เพื่อส่งเด็กน้อยหวังทงนั้นไปรับทุกข์ทางเหนือ คิดว่าเราไม่รู้งั้นหรือ?”
จางจิงที่ยืนอยู่ข้างๆ แค่นยิ้มมุมปาก ฉู่เจ้าเหรินทำเป็นฉลาด สมน้ำหน้า หากคิดไม่ถึงว่าหลินซู่ลู่จะคุกเข่าลง กราบทูลหนักแน่นว่า
“ทูลไทเฮา กระหม่อมมีเรื่องกราบทูล”