Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 46

ตอนที่ 46 เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่อง

ตอนหวังทงอารมณ์ดี ผู้คนก็รู้สึกผ่อนคลายไปด้วย ลูกค้าในร้านหลายวันนี้เห็นเขาเอาแต่นั่งกลัดกลุ้มเหม่อลอยอยู่ที่มุมร้าน หากวันนี้กลับเห็นเถ้าแก่หวังยิ้มทักทายลูกค้า

หากเป็นเมื่อก่อน เมื่อเถ้าแก่หวังทักทาย บรรดาขันทีองครักษ์อย่างมากก็แค่พยักหน้ารับ หากตอนนี้ไม่เหมือนเดิม หวังทงเดินไปทักทายที่โต๊ะนั้น บรรดาขันทีองครักษ์ที่นั่งกินอยู่ที่โต๊ะนั้นก็จะรีบลุกชึ้นคารวะตอบ ไม่กล้าล่วงเกิน

เดินไปไม่กี่ก้าว หวังทงก็รู้สึกเคอะเขิน ดังนั้นจึงเดินไปที่ขันทีที่คุ้นหน้ากันผู้หนึ่ง สอบถามสภาพการเข้าออกวังของช่วงก่อนและหลังปีใหม่ เพื่อจะได้เตรียมซื้อของเข้าร้าน

ขันทีที่ว่าคุ้นหน้ากันนั้นก็คือหนึ่งในหกคนที่มาช่วยกระจายข่าวการค้าของหอเลิศรสในตอนแรก คนที่พามานั้นเพิ่มมากขึ้น พวกเขาก็ได้ประโยชน์ไปไม่น้อย

แต่ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกหวาดกลัวกันจนอยากจะเอาประโยชน์ที่รับไปกลับมาคืน หวังทงยิ้มกล่าวให้พวกเขาวางใจ กล่าวว่านี่เป็นเงินที่พวกเขาควรจะได้รับ ไม่ต้องกังวลสิ่งใด การวางตัวเช่นนี้ทำให้ขันทีทั้งหกรู้สึกเกรงและซึ้งในน้ำใจ ความสัมพันธ์สองฝ่ายก็สนิทกันมาก และก็มักจะบอกข่าวในวังให้ได้รู้บ้าง

ตามหลักแล้วผู้ที่หวังทงคุ้นเคยสนิทสนมนั้นเป็นขันทีระดับสูง สามารถสืบถามข่าวคราวในวังได้สบายมาก แต่หวังทงรู้สถานะตนเองดี หลายเรื่องอย่างไรหากแตะต้องน้อยหน่อยจะเป็นการดี

กำลังคุยกันอยู่ ก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากด้านนอก ผ้าม่านเปิดออก จางซื่อเฉียงก้าวเท้ายาวเข้ามาอย่างรวดเร็ว สีหน้าประหวั่นใจ มาหยุดตรงหน้าพลางกระซิบว่า

“พวกซุนต้าไห่จากถนนหนิวหลันมาอีกแล้ว แต่…พวกเขาคุกเข่าอยู่อีกฝั่งถนน ไม่รู้ว่าทำไม ให้ใครไปเชิญพวกใต้เท้าเถียนมาไหม?”

วันนั้นนายกองร้อยเถียนกล่าวว่าจะลองไปขอปรับย้ายให้ หวังทงก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย และทุกคนก็กำลังยุ่งอยู่กับการฉลองตรุษจีน เดิมคิดว่ารอถึงเดือนหนึ่งค่อยมาคิดเรื่องนี้ คิดไม่ถึงว่าจะมากันวันนี้เลย

พอเห็นท่าทางลนลานของจางซื่อเฉียง หวังทงก็ควักป้ายคำสั่งออกจากอกเสื้อมาแขวนแล้วก็ก้าวเดินออกไป เดินไปได้สองก้าว ก็ได้ยินเสียงสั่นๆ ของจางซื่อเฉียงดังขึ้นว่า

“น้องหวัง นี่เป็นป้ายประจำตัวนายกองธงใหญ่ นี่มันเรื่องอะไรกัน…”

เรื่องนายกองร้อยเถียนมามอบป้ายคำสั่งให้หวังทงนั้น ข้างนอกยังไม่เป็นข่าว และจางซื่อเฉียงหลายวันนี้ก็ยุ่งแต่ออกไปซื้อของข้างนอก เวลาที่กลับเข้ามาที่ร้านก็น้อย หวังทงก็ไม่อยากให้เรื่องที่ขุนนางในและนอกวังนี้กับเรื่องป้ายคำสั่งแต่งตั้งเป็นนายกองธงใหญ่เมื่อหลายวันก่อนหน้าแพร่กระจายออกไป

สถานะนายกองธงใหญ่เอาไว้ข่มขู่ประชาชนได้ แต่สำหรับกลุ่มคนที่มาหอเลิศรสก่อนหน้านี้ ก็ไม่นับว่ากระไรได้ ผลก็คือผิดพลาดกันไปมาจนจางซื่อเฉียงที่เป็นคนสนิทกลับเพิ่งรู้เรื่องนี้

หวังทงหันมายิ้มกล่าวว่า

“วันนั้นนายกองร้อยเถียนมา ก็เพื่อเลื่อนตำแหน่งให้ข้าเป็นนายกองธงใหญ่ พี่จางอย่าได้ตกใจไป ออกไปดูด้วยกันเถอะ!!”

จางซื่อเฉียงสีหน้ายังสับสน อึ้งอยู่ครู่หนึ่งก็ตามออกไป

ที่ถนนฝั่งตรงข้ามหน้าประตูหอเลิศรส ซุนต้าไห่และบรรดาองครักษ์เสื้อแพรคุกเข่าอยู่ตรงนั้น หากไม่ใช่ว่าหวังทงเคยพบมาก่อน คงคิดว่าตรงนั้นเป็นพวกขอทาน

ซุนต้าไห่กับพวกสวมชุดองครักษ์เสื้อแพรเก่าๆ ขาดๆ ปะชุนอยู่หลายแห่ง หากไม่ใช่เหน็บดาบปักวสันต์กับสวมหมวกแพร ก็คงดูไม่ออกว่าเป็นองครักษ์ที่มีบารมีเกรียงไกร

นอกประตูมีคนไม่น้อยพากันมามุงดู บรรดาขันทีองครักษ์ในวังยามนั้นก็จัดการงานที่รับผิดชอบกันเสร็จแล้ว พอมีเวลาว่างอยู่บ้าง ก็มาร่วมวงมุงอยู่ด้วย

หวังทงเดินออกมา กลุ่มคนก็แหวกทางให้เดิน เห็นซุนต้าไห่กับพวกคุกเข่าหน้าตาหมองคล้ำอยู่ตรงนั้น หวังทงก็เข้าไปกล่าวว่า

“อากาศหนาวเช่นนี้ คุกเข่ากันทำไม รีบเข้าไปคุยกันในร้าน!”

ซุนต้าไห่หนาวจนสั่น เห็นหวังทงออกมาก็โขกศีรษะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เสียงดังกล่าวว่า

“ใต้เท้าหวัง ท่านเสียเวลามากมายย้ายพวกเราพี่น้องจากถนนหนิวหลันมาที่ถนนทักษิณใกล้พระราชวังนี้ น่าจะเป็นเพราะโกรธแค้นพวกเราที่มาก่อกวนการค้าใต้เท้าในวันนั้น ขอใต้เท้าเมตตา มีความแค้นใดให้มาลงที่ข้าซุนต้าไห่เพียงผู้เดียว อย่าได้ทำให้พี่น้องข้าพลอยลำบากไปด้วย ครอบครัวพวกเขามีภรรยาและลูกต้องดูแล จะฆ่าจะแกงอย่างไร ข้าจะไม่ร้องสักคำ”

พอพูดจบ ก็โขกศีรษะ คนข้างกายเขาล้วนคุกเข่าอยู่ที่นั้นไม่กล้าเอ่ยคำใด

เสียงซุนต้าไห่ดังไม่น้อย เขาตะโกนเช่นนี้ คนที่มุงดูเรื่องสนุกก็ต่างได้ยินชัดเจน มีเสียงตกใจดังเล็ดลอดขึ้นมาว่า

“…ยิ่งใหญ่จริง…”

“…ยิ่งใหญ่อะไรกัน เถ้าแก่น้อยนี้ก็เป็นแค่หลานกงกงคนหนึ่งไม่ใช่หรือ ดังนั้นเบื้องบนจึงได้ให้พวกเรามาเยี่ยมเยือน …จะว่าไป นายกองธงใหญ่จะไปมีอะไร!”

“….มีอะไร เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลย ถนนหนิวหลันกับถนนทักษิณไม่ใช่องครักษ์เสื้อแพรกองพันเดียวกัน การโยกย้ายคน ขั้นตอนพวกนั้นต้องให้กรมทหารอนุมัติ ดีไม่ดีมหาอำมาตย์และสำนักส่วนพระองค์ก็ต้องลงมาข้องเกี่ยวด้วย เถ้าแก่น้อยผู้นี้กลับทำเรื่องเช่นนี้ได้ ยังไม่นับว่ามีอะไรอีกหรือไง!”

“นายกองหลี่ นายกองลงทัณฑ์จากสำนักบูรพาจะย้ายลูกชายบุญธรรมจากกองพันองครักษ์เสื้อแพรจากเมืองต้าถงมาเมืองหลวง แบกหน้าออกไปขอร้องหลายฝ่าย เงินทองก็ใช้จ่ายไปไม่น้อย สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ…”

คนที่มามุงดูเรื่องสนุกพากันแอบวิจารณ์ นี่เป็นเรื่องที่บรรดาขันทีองครักษ์ที่พอจะมีลำดับขั้นถึงจะพอเข้าในขั้นตอน รู้ว่าการปรับย้ายเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ ดังนั้นที่เห็นอยู่คือเรื่องใดกัน

จางซื่อเฉียงที่สังกัดสำนักองครักษ์เสื้อแพรได้พบเรื่องน่าตกใจติดต่อกันหลายเรื่อง ยามนี้มองหวังทงเติบใหญ่แล้วก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ สีหน้าตกใจอย่างมาก ราวกับกำลังพบเจอกับภูติผีปีศาจ

ซุนต้าไห่ที่มีนิสัยมุทะลุดุดัน ตอนนี้กลับมาคุกเข่าเรียบร้อยขอร้องอยู่หน้าประตูร้าน คิดแล้วก็คงเป็นเพราะว่าคนอยู่ในสำนักองครักษ์เสื้อแพรย่อมรู้ว่าการย้ายกองพันนี้หมายถึงสิ่งใด จึงทำให้ตกใจอย่างยิ่ง

หวังทงหันไปทางบรรดาขันทีองครักษ์ที่มุงดูกันอยู่ประสานมือกล่าวเสียงดังกังวานว่า

“พี่น้องทุกท่าน หวังทงกับพี่น้องต้องการคุยธุระสักครู่ เชิญทุกท่านตามสบาย”

คำพูดนี้มีน้ำเสียงออกคำสั่งอยู่บ้าง บรรดาขันทีองครักษ์ที่ปกติเป็นพวกหยิ่งยะโส แม้เป็นขุนนางธรรมดาในวังก็อาจจะอยู่ในสายตาคนเหล่านี้

ซุนต้าไห่กับพวกเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ รอดูหวังทงที่อวดดีจะต้องยอมแพ้ ไม่คิดว่าพอหวังทงกล่าวจบ บรรดาคนมุงบนถนนก็สลายตัวกันไปอย่างเงียบๆ

สถานการณ์เช่นนี้ทำเอาจางซื่อเฉียงและพวกซุนต้าไห่ถึงกับจ้องมองอย่างเป็นใบ้ ในใจซุนต้าไหรู้สึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไปมาก ชาติก่อนตนเองทำผิดอะไรไว้นักหนา ถึงต้องถูกไอ้บัดซบหลิวซินหย่งหลอกให้มาล่วงเกินผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้

“ซุนต้าไห่ ตอนนี้ท่านเป็นคนของข้า หากต้องการคุกเข่าก็เข้าไปคุกเข่าข้างใน อย่าได้ทำให้เราต้องขายหน้ากันบนท้องถนนนี่!”

เปรียบเทียบกับจางซื่อเฉียงและซุนต้าไห่แล้ว ใบหน้าหวังทงยังมีความเป็นเด็กน้อยอยู่มาก เป็ยเพียงเด็กน้อยกำลังโตเท่านั้น แต่น้ำเสียงสั่งสอนเย็นเยียบ กลับทำให้พวกซุนต้าไห่พากันตัวสั่น เงียบไปอึดใจก็ลุกขึ้น เดินก้มหน้าก้มตาตามจางซื่อเฉียงเข้ามาในบ้าน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version