Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 584

ตอนที่ 584 ระวังรอบด้านขั้นสุด สุดท้ายก็เกิดเรื่อง

หน้าประตูจวนรองแม่ทัพเมืองต้าถง ตั้งแต่หม่าต้งจากเมืองหลวงมาถึงที่นี่ ก็มีคนมาคำนับขอพบที่หน้าจวนไม่ขาดราวกับตลาดสด แต่เป็นเช่นนี้อยู่ 7 – 8 วัน ก็เงียบเหงาอย่างรวดเร็ว

รองแม่ทัพเป็นอะไรไป ไม่รักษาธรรมเนียมเมืองต้าถง ก็ไม่อาจอยู่ได้นาน ถึงตอนนั้นทุกคนจะรอหัวเราะใส่ก็เท่านั้น มีเรื่องอันใด แม่ทัพใหญ่สั่งการมา เจ้ากล้าไม่ฟังคำสั่งงั้นหรือ น่าเสียดายที่มีชาติกำเนิดตระกูลแม่ทัพใหญ่ ถึงกับไม่รู้หลักการธรรมเนียมสังคมเช่นนี้ได้

พฤติกรรมไม่รับน้ำใจเช่นนี้ของหม่าต้งไม่เพียงแต่งวงการขุนนางและพ่อค้าเมืองต้าถงจะไม่ถูกใจ แม้แต่ทหารคนสนิทของหม่าต้งเองก็ไม่เข้าใจ

หม่าต้งเป็นบุตรชายคนโตของหม่าฟาง แต่เพราะไม่โดดเด่นอันใด สถานะในตระกูลจึงไม่เท่ากับน้องชายเช่นหม่าหลิน หม่าหลินก้าวเดินกระโดดขึ้นตำแหน่ง เป็นถึงรองแม่ทัพเมืองเหลียวโจว แต่หม่าต้งยังคงเป็นขุนพลเฝ้าประตูเมืองเทียนเฉินทางตะวันออกของเมืองต้าถง ทหารติดตามคนสนิทไม่น้อยติดตามมาตั้งแต่อยู่ในจวนที่เมืองเซวียนฝู่ ติดตามหม่าต้งกับติดตามหม่าหลินย่อมคิดเปรียบเทียบ ในใจก็รู้สึกคับแค้นไม่น้อย

รอจนหม่าต้งได้รับการแต่งตั้งเป็นรองแม่ทัพเมืองต้าถง คนติดตามทั้งหมลายก็พากันยินดีไปด้วย ในใจคิดว่านายท่านตนดำรงตำแหน่งนี้แล้ว ก็ย่อมพลอยขึ้นตามน้ำไปได้วย ย่อมได้ผลประโยชน์ด้วยไม่น้อย

คิดไม่ถึงว่ามาถึงที่นี่ หม่าต้งกลับทำตัวเช่นนี้ ยังมีคำสั่งว่าว่าผู้ใดก็ห้ามรับของจากภายนอก ให้มัดรวมกันแล้วส่งกลับไปที่ป้อมจางเจียโข่ว ไม่เช่นนั้นจะตีให้ตาย

ของไม่ให้รับไว้ไม่ว่า แม้แต่จะออกไปหาความสำราญข้างนอกยังห้าม เมืองต้าถงรุ่งเรืองอู้ฟู่ หากถูกหม่าต้งทำราวกับอยู่ค่ายทหาร เข้าออกต้องแสดงป้ายประจำตัว ยังต้องรายงานก่อนเข้าออก

หากเป็นเช่นนี้มาตลอดก็แล้วไป ทว่าตอนหม่าต้งประจำอยู่ประตูเมืองเทียนเฉิง การหักเบี้ยหวัดอันใดก็ล้วนทำได้เก่งฉกาจอันดับหนึ่ง ยังเลี้ยงดูนางเล็กๆ ไว้ข้างนอกจวนอีกสามนาง เรื่องพวกนี้ผู้ใดบ้างไม่รู้ แต่พอมาถึงเมืองต้าถงก็กลับทำตัวเหมือนพวกขุนนางซื่อมือสะอาด

ในใจไม่พอใจ ส่งผู้ที่อาวุโสมากไปตักเตือนหม่าต้ง ยังต้องอาศัยทุกคนส่งเสริม ไยต้องควบคุมแน่นจนกระดิกตัวไม่ได้เช่นนี้ด้วย คิดไม่ถึงว่าคนที่ไปพูดถูกหม่าต้งด่าสาดเสียเทเสียกลับมา วันต่อมาส่งกลับจวนเดิมที่เมืองเซวียนฝู่

ผู้อาวุโสผู้นั้นเป็นขุนพลเก่าแก่ที่รับใช้แม่ทัพใหญ่หม่าฟางมา 15 ปี ปกติแม้แต่หม่าต้งยังต้องเรียก ‘ท่านอา’ ในเมื่อไม่ไว้หน้ากันเช่นนี้ ทุกคนก็ย่อมทนเงียบไปก่อน

ขับไล่คนเก่าคนแก่ไปเช่นนี้ ยังโบยคนสนิทของนางเล็ก ๆ ที่เลี้ยงไว้ข้างนอกสองคน คนข้างกายหม่าต้งยังได้เงินเดือนสองเท่า นับเป็นเงินก้อนโตพอควร ทุกคนที่คับแค้นใจอยู่ก็รู้สึกเบาลงไม่น้อย

แต่การกระทำเข้มงวดเช่นนี้ ในใจทุกคนก็ล้วนสงสัย แท้จริงเกิดเรื่องใดกัน ทำให้นายท่านระมัดระวังรอบคอบเพียงนี้ ทุกคนอย่างไรก็ฟังคำนายไว้ก่อนดีกว่าจะได้ไม่มีภัยมาถึงตัว

คนงานทหารคนสนิทในบ้านไม่เหมือนคนนอก หากนายตนตกต่ำ คิดจะโงหัวขึ้นใหม่ก็ย่อมยาก ได้เพียงติดตามร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยเท่านั้น ทุกคนยังไม่กล้ากล่าวหรือทำการอันใดนอกคำสั่งนาย

นอกจากข้อจำกัดพวกนี้แล้ว หม่าต้งยังขอตัวรองหัวหน้าที่อารักขาหม่าฟางจากเมืองเซวียนฝู่มาด้วย เป็นทหารที่ร่วมสมรภูมิรบมาหลายปี พอมาถึง ก็ให้จัดการป้องกันรักษาความปลอดภัยในจวนใหม่ทั้งหมด การกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้คนรู้สึกหนาววาบ หรือว่าในเมืองต้าถงมีภัยอันตรายอันใดใกล้ตัว เช่นนั้นเหตุใดนายท่านจึงต้องระมัดระวังเพียงนี้

แต่ก็ไม่น่าใช่ เมื่อก่อนหม่าต้งก็เคยนำคนหามาความสำราญกันที่เมืองต้าถง หลายวันก่อนพวกที่มาส่งของขวัญพวกที่มาสร้างสัมพันธ์ก็ไม่เหมือนว่าเป็นพวกจะมาทำร้ายแต่อย่างใด เมืองเซวียนฝู่ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

ไม่ว่าอย่างไร หม่าต้งก็ยังคงเข้มงวดกับคนของตนอย่างไม่ยอมผ่อนปรน เขายิ่งเข้มก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าตัดขาดจากภายนอก ชาวเมืองต้าถงทุกระดับต่างมองดูเรื่องด้วยความรู้สึกว่ารอดูเรื่องสนุกกัน

หัวหน้ากองผู้หนึ่งในเมืองต้าถง ซุนต้าอิงเดิมคิดจะดึงหม่าต้งมาเป็นพวก ในใจคิดว่าเป็นตระกูลทหารมา ยังเป็นรองแม่ทัพที่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งเอง อย่างไรก็ต้องสานสัมพันธ์ แต่เห็นหม่าต้งทำตัวบ้าบอไปเองเช่นนี้ ก็ขี้เกียจจะสนใจ ซุนต้าอิงเป็นเช่นนี้ ขันทีตรวจสอบก็เช่นนี้ ทุกฝ่ายจึงเย็นชาใส่กันอย่างรวดเร็ว

พอพ้นเดือนหนึ่ง รองแม่ทัพหม่าต้งก็ว่างงานอย่างที่สุด รอเวลาเคลื่อนย้ายกำลังพลเมืองต้าถง สะสมเสบียง เลื่อนตำแหน่งอันใดเหล่านี้ ค่อยมาหาเขาหารือสักหน่อยก็แล้วกัน ก็แค่รองแม่ทัพ หารือตัดสินอย่างไรก็ไม่ต้องสนใจเขา

ดีที่หม่าต้งบ้าบอไปเอง ไม่เกี่ยวกับคนนอก ไม่ไปยุ่งกับคนอื่น ไม่เลียนแบบพวกขุนนางมือสะอาดไปสืบความผิดผู้อื่น ทำหน้าที่ของตนไปอย่างเดียว ควรทำสิ่งใดก็ทำไป ไม่ทำน้อยและไม่ทำมาก ไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น ไม่ทำให้คนอื่นต้องลำบากใจ

ไม่สานสายสัมพันธ์กับผู้อื่น แปลกก็ส่วนแปลก พอเข้าเดือนสอง ทุกคนก็เลิกสนใจเขา

************

“วันเวลาบัดซบนี้น่าอึดอัดจริง แต่เล็กติดตามเขามา ลำบากมาเกือบ 20 ปี มาถึงเมืองต้าถงคิดจะเคล้านารีสักหน่อยก็ไม่ได้ ทั้งวันได้แต่อัดอั้นอยู่ในนี้นั่งกินลมไปงั้น!”

ในจวนหม่าต้ง ทหารติดตามสองนาย เดินฟาดดาบไปมาริมกำแพงในจวน เดินไปก็ก่นด่าไป คนหนึ่งกล่าวจบ อีกคนก็กล่าวต่อว่า

“พูดน้อยหน่อยเหอะ เหล่าหวังถูกไล่กลับเมืองเซวียนฝู่ไป เจ้าใช่ว่าไม่รู้ ได้เงินเดือนสามเดือนมา ทุกวันกินดีอยู่ดี รู้จักพอเหอะ!”

“เจ้าพอใจ? ข้าไม่พอใจ พี่น้องเราที่เหลียวโจวมีจดหมายมาถึงข้า เขาไปได้ไม่กี่เดือน ได้รับเงินใต้โต๊ะกัน 800 กว่าตำลึง ไปสร้างโรงบ้านที่นอกเมืองเหลียวโจวสองแห่งแล้ว มารดามันสิ เจ้าดูพวกที่มาขอพบนายท่านพวกนั้น รู้งานกันขนาดไหน ของส่งมาถึงที่แท้ๆ ……”

“จะว่าไปก็แปลก ใต้เท้าเราไม่ใช่คนที่ไม่รับน้ำใจผู้อื่น เมื่อก่อนตอนอยู่ประตูเมืองเทียนเฉิง ก็รับสนุกสนานไม่เข้มงวดเช่นตอนนี้นี่นา!”

สองคนซุบซิบก่นด่ากันไป สำรวจรอบๆ กันไป คนที่มีพี่น้องอยู่เหลียวโจวยกโคมไฟขึ้นส่อง ก่อนจะเก็บกลับไป กล่าวว่า

“ในและนอกเมืองต้าถงมีทหารหลายแสน ในเมืองก็มีทหารติดตามตนเองมากมาย ยังมีเจ้าหน้าที่ทางการอีก พวกเราเองต้องมาระมัดระวังบ้าอะไรกันนี่……”

“ทำไมเจ้าไม่คิด ระวังเช่นนี้ย่อมมีเหตุ……”

กล่าวไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เป็นเสียงเสียดสีกับกำแพง นิ่งฟังก็รู้ว่ามีคนคิดปีนกำแพงเข้ามา

พวกพลเฝ้ายามก็ย่อมเฝ้าในพื้นที่ตน สองคนมาเดินตรวจตราก็ย่อมอยู่ในพื้นที่เรือนข้าง ได้ยินเช่นนี้ สองคนย่อมสบตากันก่อนจะคิดว่า มีคนลอบเข้ามายามวิกาลจริงด้วย

ด่าก็ด่าไป อย่างไรทั้งวันก็ฝึกซ้อมกันมา สองคนสบตา พยักหน้าให้กัน คนถือโคมยกขึ้นเป่าดับ ค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้

พวกเขาหลบอยู่ตีนกำแพง ได้ยินเสียงด้านนอกเคลื่อนไหว บนกำแพงมีคนโยนของเข้ามา การเคลื่อนไหวเบายิ่ง ไม่นานก็มีคนหนึ่งปีนข้ามมา

พอเท้าแตะพื้น เดินไปได้สองก้าว ทหารสองนายที่หลบอยู่ตีนกำแพงเห็นว่าไม่มีผู้ใดตามเข้ามาด้วย ก็ปรี่ออกไปทันที ไล่ตามมาด้านหลัง ลงมือไม่เกรงใจ คมดาบประทับคอคนผู้นั้นทันที แรงกำลังไม่น้อย คนที่เข้ามายังไม่รู้ว่าเรื่องอันใด ก็ถูกจับคว่ำลง

พอจับคว่ำลงได้ก็รีบตะโกนเรียกคน เอาเชื่อมามัดไว้ มัดไว้แน่นหนาหลายชั้น ดูว่ายังมีลมหายใจไหม ก่อนจะแบกไปยังเรือนด้านใน

คนรับใช้รีบวิ่งเหยาะๆ เข้าไปรายงาน ไม่นานหม่าต้งในชุดเกราะก็รีบรุดมาถึง แม้ว่าเป็นยามวิกาลดึกดื่น แต่หม่าต้งก็ยังคงพร้อมในชุดเกราะ เหน็บดาบไว้ที่เอวเตรียมพร้อม บรรดาทหารเห็นแล้วก็รู้ในใจได้ว่า นายท่านตอนนอนกลางคืนดีไม่ได้ก็มิได้ปลดเกราะออก แท้จริงแล้วเผชิญเหตุใดอยู่กัน ถึงกับต้องระวังเพียงนี้

ไปยังโถงกลาง ตามทหารที่นอนอยู่ให้ตื่นมากันหมด ด้านนอกป้องกันสองชั้น จากนั้นจึงให้นำคนผู้นั้นเข้ามา

เข้ามาในยามวิกาลเช่นนี้ กลับแต่งกายแหมือนเพียงชาวบ้านในชุดครามสามัญ ตามตัวไม่สะอาดนัก ทาผิวดำไปหมด ผมเผ้ารุงรัง รูปร่างไม่เตี้ยง การแต่งกายเช่นนี้น่าจะเป็นพวกใช้แรงงานในเมืองต้าถง แต่คนเช่นนี้ปีนเข้ามาในจวนรองแม่ทัพเพื่อการใดกัน?

หม่าต้งจ้องมอง ทหารข้างกายก้าวขึ้นหน้าไปถามก่อนแล้วว่า

“ที่ตัวมีอาวุธซุกซ่อนไหม?”

“ไม่มีขอรับ พวกข้าน้อยจับมาก็ค้นตัวมาแล้วรอบหนึ่ง!”

หัวหน้าทหารพยักหน้า นั่งลงยองใช้มือยันไว้ สั่งการให้คนถอดเสื้อออก ตรวจสอบรอบหนึ่ง จึงได้หันไปคำนับรายงานหม่าต้งว่า

“นายท่าน เจ้านี่เมื่อก่อนน่าจะเคยอยู่ในกองทัพมาก่อน และยังมีร่องรอยคมดาบหลายแห่งตามร่างกาย ดีไม่ดีเป็นทหารชายแดน แต่ดูรอยบนฝ่ามือแล้ว อย่างน้อยสามปีน่าจะไม่เคยจับอาวุธอีก”

หม่าต้งไม่ได้ถามอันใด ทหารติดตามหลายคนล้วนเป็นผู้มากสามารถที่ตนนำมาจากจวนบิดาเดิมด้วย พวกมีความสามารถ กล่าวเช่นนี้ ก็ย่อมเป็นเช่นนี้ หม่าต้งพยักหน้ากล่าวว่า

“ปลุกมันขึ้นมา ถามความ!”

มีคนรีบนำอ่างน้ำเข้ามาราด พอราดลงไป คนผู้นั้นก็สะดุ้ง ตื่นขึ้นทันที พอเห็นไฟในห้องสว่าง รอบด้านมีทหารถืออาวุธพร้อม ก็ขยับตัวดู รู้ว่าถูกจับมัดไว้แน่นหนา ไหนเลยจะขยับตัวได้ คนข้าง ๆ เห็นเขาคิดขยับตัว ก็เข้าไปเตะไปสองสามี ด่าไปว่า

“เจ้าตาบอดหรือไร จวนแม่ทัพหม่าเรา เจ้าก็กล้าบุกเข้ามา!”

แม้ว่าเป็นรองแม่ทัพ แต่คนใต้บังคับตน ก็มักชินกับการตัดคำว่า รอง ทิ้ง คนผู้นั้นส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ได้ยินเสียงกล่าวเช่นนี้ ก็ฝืนความเจ็บปวดถามว่า

“ที่นี่เป็นจวนขุนพลหม่าต้งหรือ?”

“เจ้าคิดว่าบ้านใครล่ะ ถึงได้กล้าเช่นนี้……”

ทหารติดตามสบถด่าไม่ทันจบ ชายที่ถูกมัดก็รีบดิ้นรน คนรอบๆ ก็รีบเข้าไปกดไว้ คนผู้นั้นตะโกนดังว่า

“ใต้เท้าหม่า ขุนพลหม่า ข้าน้อยมีคดีใหญ่รายงาน ข้าน้อย……”

เสียงตะโกนไม่เบา กล่าวได้ครึ่งเดียว ก็ถูกทหารคนหนึ่งใช้ผ้าอุดปากไว้ หม่าต้งมองดูอย่างเคร่งเครียดแต่ต้น ทหารติดตามกระซิบข้างหูว่า

“นายท่าน นี่ย่อมต้องเป็นเรื่องบัดซบของเมืองต้าถง ไม่มีผู้ใดอยากสนใจ จึงมาพบนายท่าน ก่อนมานายท่านใหญ่สั่งมาว่า เรื่องยุ่งยากทางนี้อย่าได้ข้องเกี่ยวให้มาก อย่างไรก็ดึกแล้ว ไม่สู้จัดการทิ้งเลย พร่งุนี้ยกออกไปฝัง ผู้ใดก็ย่อมไม่อาจกล่าวอันใดได้”

สีหน้าหม่าต้งยิ่งเคร่งเครียด ในความคิดเขาคิดแต่เรื่องในตำหนักอุ่น ฮ่องเต้น้อยยิ้มกล่าววาจาเช่นนั้นกับเขา หรือว่าเกี่ยวพันอันใดกับเรื่องนี้กัน เงียบไปนาน ก่อนจะพ่นลมหายใจกล่าวว่า

“เจ้าเป็นใคร? ต้องการแจ้งคดีใหญ่อันใด?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version