Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 125

№ 125 ดึงผ้าคลุมลง!

เนิ่นนานกว่านางจะเช็ดน้ำตาที่หางตาไป ในดวงตาค่อยๆ กลับคืนมีชีวิตชีวา แต่สายตากลับมีแววเกลียดชังและดุร้ายฉายตามมา

“มู่หรงอี้เซวียน เพื่อเจ้า ข้าถึงทำอะไรมากมายขนาดนี้ เพียงบอกจะทำร้าย ก็ทำร้ายข้าได้อย่างงั้นรึ? ข้าจะไม่ให้เจ้าสมใจ พรหมลิขิตของเจ้าต้องเป็นข้าเท่านั้น!”

แตกต่างกับตระกูลเฟิ่งด้านนี้ อีกด้านหนึ่ง ภายในเรือนเฟิ่งจิ่ว ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งที่ถูกพาตัวกลับมามองเรือนแห่งนี้อย่างแปลกใหม่ราวกับเด็กน้อยเดินเล่นในเรือนใหญ่ เอ่ยถามด้วยความสงสัย “เสี่ยวเฟิ่งเอ๋อร์ เรือนนี่เป็นของใครกัน? ยังมีหลานอีก ไยจึงคลุมผ้าปิดหน้าไว้ตลอดเล่า?”

แม้เขาจะขี้ลืมไปบ้าง แต่กลับไม่ได้โง่เขลา ถนนเส้นนี้ที่เดินมาดูรางๆ แล้วแตกต่างจากปกติอยู่เล็กน้อย โดยเฉพาะหลานสาวตัวเอง พอถึงด้านในเรือนก็ยังผูกผ้าคลุมหน้าไว้ตลอด ช่างไม่ชอบมาพากลเอาซะเลย

ดังนั้น แววตาจึงฉายแววเป็นประกาย ใบหน้าผุดรอยยิ้มออก พลันเอี้ยวตัวยกมือขึ้นดึงผ้าคลุมหน้านางลง

“เรือนแห่งนี้…”

เฟิ่งจิ่วตกตะลึง ยังพูดไม่ทันจบ ผ้าคลุมบนหน้าก็ถูกดึงลงมา เผยให้ใบหน้าที่ถูกทำลายเสียจนเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น

“ซี๊ด! นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งสูดลมหายใจ เอ่ยถามด้วยความโกรธเกรี้ยว

เดิมเขาแค่คิดจะหยอกหลานสาวเล่น จึงดึงผ้าคลุมหน้า อยากเห็นว่านางผูกผ้าคลุมไว้ตลอดเพื่ออะไร? แต่นึกไม่ถึงว่าภายใต้ผ้าคลุมกลับเป็นใบหน้าที่เสียโฉมเช่นนี้

“ใครกัน? บอกปู่มา ใครทำร้ายใบหน้าหลานจนเป็นเช่นนี้?”

ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งรอบตาแดงก่ำน้อยๆ เพราะความเจ็บใจ แม้แต่เสียงพูดยังสะอื้นขึ้นมา เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลมีดกรีดแต่ละรอย ไม่อาจจินตนาการได้เลยจริงๆ ความเจ็บปวดเช่นนั้น นางทนรับไหวได้อย่างไรกัน?

เป็นใครกัน? ที่โหดร้ายเลือดเย็นขนาดทำให้ใบหน้าสาวน้อยคนหนึ่งเสียโฉมเช่นนี้?

หัวใจเฟิ่งจิ่วสั่นไหวน้อยๆ เห็นท่านผู้เฒ่ารอบตาแดงๆ น้ำเสียงสะอึกสะอื้น ก็หลับตาลง ถามว่า “เช่นนี้ ยังคิดว่าข้าเป็นหลานสาวท่านอยู่หรือไม่เจ้าคะ? แบบนี้แล้ว ท่านยังมองออกหรือไม่เจ้าคะ ว่าข้าเป็นหลานสาวท่าน?”

ฟังคำพูดนี้ ในที่สุดท่านผู้เฒ่าเฟิ่งก็หลั่งน้ำตาออกอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ออกหน้ากอดเฟิ่งจิ่วไว้ ใช้มือหนึ่งลูบศีรษะเบาๆ พลางปลอบโยนอย่างสะอื้นไห้ “แม่หนูเฟิ่ง ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัวนะ! ปู่มองออกสิ ไม่ว่าหลานจะเปลี่ยนไปเช่นไร ปู่ก็มองออกหมดแหละ”

“ท่านปู่”

สุดท้ายเฟิ่งจิ่วก็ร้องเรียกออกมาอย่างทนไม่ไหว หนึ่งคำเรียกท่านปู่นี้ เปล่งมาจากหัวใจ มันมีทั้งความรู้สึกของเฟิ่งชิงเกอ และความรู้สึกของเฟิ่งจิ่วแฝงอยู่ภายใน

อาจเพราะ ยามที่เขามองเธอออกในแวบเดียว หัวใจก็ตอบรับ ว่าเขาเป็นคุณปู่ของเฟิ่งจิ่ว

ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งถอยออกก้าวหนึ่ง สองมือจับไหล่นางไว้ กล่าวว่า “แม่หนูเฟิ่ง หลานบอกปูสิ ช่วงที่ปู่เก็บตัวอยู่เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่? ใครกันที่ทำหน้าหลานเสียโฉม?”

เฟิ่งจิ่วเงียบลงเนิ่นนาน เอ่ยว่า “ในบ้านตระกูลเฟิ่งมีเฟิ่งชิงเกออีกคนหนึ่งเจ้าค่ะ”

“อะไรนะ?”

ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งชะงัก “เจ้าจะบอกว่า ในบ้านมีตัวปลอมอยู่รึ? นี่ นี่เป็นไปไม่ได้กระมัง? พ่อหลาน ลูกชายปู่ไม่ใช่คนโง่เขลา จะมองลูกสาวตัวเองไม่ออกได้อย่างไรเล่า?”

เห็นนางมองมาทางเขา ผู้เฒ่าเฟิ่งจึงร้อนรนโบกบ่ายมือ บอกว่า “ไม่ใช่ว่าปู่ไม่เชื่อหลาน แต่รู้สึกเหลือเชื่อนิดหน่อย เจ้าตัวปลอมนี่ คนอื่นมองไม่ออกไม่เท่าไหร่ แม้แต่คนในบ้านก็ยังดูไม่ออกเลยเลยรึ?”

…………………………

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version