№ 142 อ่อนแอจนถูกล่อลวง?
“น้องข้า!”
กวนสีหลิ่นอุทาน เพราะถูกคนที่เหลือล้อมไว้จึงไม่อาจตามไปได้ สีหน้าวิตก แผดเสียงร้องว่า “ปล่อยนางซะ!”
ชายชุดดำหลายคนรั้งตัวเขาไว้ เห็นผู้เป็นหัวหน้าจับกุมนางหายลับตา ความกังวลบนใบหน้ากวนสีหลิ่นก็มลายตามไปด้วย แววตาเฉียบแหลมกวาดมองเหล่าชายชุดดำ พลางหัวเราะเยอะ “เพราะพวกเจ้าคิดจะรั้งข้าไว้? ถึงไม่สำเหนียกว่าตัวเองมีกำลังแค่ไหน”
สิ้นสุดน้ำเสียง ทันใดนั้นร่างก็โจมตีออกไปราวกับภูตผี กลิ่นอายพลังเร้นลับที่ทั้งแข็งแกร่งและคละคลุ้งพรั่งพรูขึ้นมาทั่วร่าง ทำให้บนตัวเขามีพลังอันน่าสะพรึงไหลเวียนอยู่จางๆ บริเวณที่หมัดพุ่งออกไป ก่อตัวเป็นกระแสลมรุนแรง เหล่าชายชุดดำจึงตกใจเสียจนหน้าเปลี่ยนสี
“แย่ละ!”
พวกเขาคิดจะล่าถอย ทว่าความเร็วยังไม่ทันกวนสีหลิ่น เห็นเพียงสองคนตรงหน้า คนหนึ่งถูกหมัดโจมตีเข้าตรงกลางอก พลันเกิดเสียงกระดูกแตกดังแกร๊ก คนก็กระเด็นออกไปล้มลงชักดิ้นบนพื้นสักพักก่อนจะหมดลมหายใจ
ส่วนอีกคนถูกเขาจับคอไว้ ทั้งร่างถูกยกขึ้นเหนือพื้นทุรนทุราย เพียงได้ยินเสียงแกร๊ก คนผู้นั้นก็ถึงกับร้องอะไรไม่ออก และถูกบีบคอหักตายไป
“ถอย! ถอยเร็ว!”
คนหนึ่งตะโกนขึ้น สีหน้าเปลี่ยนไปยกใหญ่ ถึงกับไม่กล้าสู้ด้วยอีก จึงหันตัวคิดจะหนี
“ในเมื่อมาแล้ว พวกเจ้าคิดว่ายังหนีได้อีกรึ?”
กวนสีหลิ่นแค่นเสียงหยัน จัดการพวกเขาลงได้อย่างรวดเร็ว เห็นซากศพทั้งหลายในสวน จึงหันกลับไปพูดกับเหลิ่งซวงในห้องที่คอยเฝ้าท่านผู้เฒ่าอยู่ “เหลิ่งซวง ที่นี่ให้เจ้าจัดการที ข้าจะตามไปดูเสียหน่อย”
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงเปิดประตูออก เห็นลานบ้านที่ฉาบไปด้วยสีเลือด แม้แต่ดวงตาก็ยังหลับไม่ลง
ส่วนอีกด้านหนึ่ง คนที่เป็นหัวหน้าพาเฟิ่งจิ่วมาถึงบ้านหลังหนึ่ง พอเข้าบ้านก็มีชายชุดดำเจ็ดแปดนายเดินออกมารับหน้า หนึ่งในนั้นเห็นเขากลับมาคนเดียว จึงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
“ไยจึงเหลือแค่เจ้า? คนอื่นๆ ล่ะ?”
“พละกำลังเจ้ากวนสีหลิ่นนั่นยังแข็งแกร่งกว่าที่ข้าจินตนาการไว้มากนัก คนอื่นๆ เดาว่าคงถูกเขาฆ่าตายหมดแล้ว แต่ยังดีที่ข้าจับสาวน้อยนี่กลับมาได้” ชายชุดดำที่จับเฟิ่งจิ่วไว้ผลักนางไปด้านหน้า เห็นนางซวนเซล้มลงบนพื้น
“พวกเจ้า พวกเจ้าเป็นใครกัน? ทำไมต้องจับข้ามา?” น้ำเสียงเธอสั่นเครือน้อยๆ มองคนรอบข้างด้วยดวงตาที่มีความหวาดกลัวและตื่นตระหนก
“เสียพี่น้องไปมากมายถึงจะจับสาวน้อยเช่นนี้มาได้ ไม่รู้จริงๆ ว่ามีอะไรพิเศษนัก” ชายชุดดำนายหนึ่งถลึงมองเฟิ่งจิ่วบนพื้นพลางพินิจดู
ชายชุดดำอีกคนจึงเผยรอยยิ้มแปลกๆ เอ่ยว่า “ดึงผ้าคลุมหน้าลง ขอลองดูใบหน้าค่าตาแท้จริงทีซิ สาวน้อยนี่ถึงตอนนี้ยังไม่มีใครเคยเห็นหน้าจริงนางเลย! อยากรู้จริงๆ ว่าหน้าตาจะงดงามเพียงใดกันแน่”
กำลังคิดจะลงมือ ก็เห็นชายวัยกลางคนเดินออกมาจากด้านใน เมื่อเห็นเขา พวกชายชุดดำในสวนก็นอบน้อมกันขึ้นมาทันใด
“คารวะท่านผู้ปกปักษ์จั่ว”
เฟิ่งจิ่วปรายตาขึ้นมองไปทางผู้มาใหม่ด้วยความตื่นตกใจ หลังจากเห็นชายวัยกลางคน ก็รีบร้อนก้มหน้าลง ดวงตาที่หรี่ลงครึ่งหนึ่งฉายแววไอสังหารอันเยือกเย็น มุมปากใต้ผ้าคลุมหน้าเชิดโค้งขึ้นเล็กน้อย
คนคุ้นเคยเก่านี่นา!
แม้ตอนแรกใบหน้านี้ถูกซูรั่วอวิ๋นทำลาย ทว่าจะขาดความช่วยเหลือจากชายวัยกลางคนผู้นี้ไปไม่ได้
นึกไม่ถึงว่าจะมาพบกันวันนี้ เรียกว่าควานหาแทบพลิกแผ่นดิน แต่กลับมาให้เจออย่างคาดไม่ถึงเสียจริงๆ
แววตาชายวัยกลางคนจับจ้องพินิจมองบนร่างเฟิ่งจิ่วที่ก้มหัวลงเล็กน้อยอยู่บนพื้น
พอสังเกตดูก็รู้สึกคุ้นเคยนิดหน่อย คิ้วขมวดขึ้นน้อยๆ ก่อนจะกล่าวเสียงเข้ม
“ดึงผ้าคลุมหน้านางลงมาให้ข้าสิ!”
………………………………
