№ 159 น่าเศร้าสงสาร!
เฟิ่งจิ่วหมุนหันกระบี่ยาวพลิกจับหลังมือ ยืนอยู่เบื้องหน้า เห็นซูรั่วอวิ๋นสีหน้าขาวซีดร่างกายสั่นเทา ก็เอ่ยถามอย่างเฉื่อยชา “เจ้าไม่สนหน้าตาแล้วไม่ใช่รึ? ข้าว่าถ้าเจ้าไม่สวมอะไรเลยน่าจะดีว่า ไม่ใช่หรือ?”
เห็นภาพนี้ ชายหนุ่มท่าทางลอยชายนายนั้นในหมู่แปดองครักษ์ก็น้ำลายสออย่างอดไม่ได้ สองตาเป็นประกาย เอ่ยชมว่า “จิ๊! คุณหนูใหญ่ กระบวนท่านี้ช่างงดงามเหลือเกิน ยอดมากขอรับ! จิ๊ๆ รูปร่างไม่ธรรมดาจริงๆ ผิวพรรณขาวเนียนนัก หากจะฆ่าเลยก็เสียดายแย่”
ได้ยินเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้ เหลือบมองไปทางคนผู้นั้น “เจ้าชอบรึ? งั้นข้ายกนางให้เจ้าเป็นรางวัล?”
ฟังคำพูดนี้ ชายหนุ่มผู้นั้นก็ตกใจ บ่ายมือรัวๆ “ไม่ต้องขอรับ ไม่ต้อง ข้าต้องรักษาตัวไว้ให้บริสุทธิ์ดั่งหยกเพื่อเจ้าสาวในอนาคตขอรับ”
มู่หรงอี้เซวียนมองซูรั่วอวิ๋นที่ขดตัวสั่นเทาอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง ก่อนจะมองเฟิ่งจิ่วอย่างทนไม่ได้นิดหน่อย
“พอแล้ว ชิงเกอ”
เฟิ่งจิ่วหันมอง ดวงตาใสวาววับมีรอยยิ้ม “พอแล้วรึ? นี่ข้ายังไม่ได้ทำอะไรนางเลย! จะให้พอได้อย่างไรเล่า?” ระหว่างที่กำลังพูด ก็หมุนกระบี่คมในมือโจมตีหาซูรั่วอวิ๋นที่ขดตัวอยู่ ฟันลงบนร่างจนเป็นรอยเลือด
“อ๊ะ…”
“ชิงเกอ…”
“หุบปาก!” เธอแผดเสียงเย็น พลางมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “นี่เป็นเรื่องในจวนตระกูลเฟิ่งข้า หวังว่าท่านอ๋องสามจะไม่ก้าวก่าย”
สิ้นสุดน้ำเสียง กระบี่คมในมือก็แทงลงไปบริเวณต้นขา เพียงได้ยินเสียงสวบ ขณะที่เสียงกรีดร้อนดังระงม เลือดก็กระเซ็นลงพื้น
“พวกนี้ ล้วนคืนแก่เจ้า!”
เหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่เธอทวงแค้นคืนแทนเฟิ่งชิงเกอ! เธอรับปากว่าจะต้องให้นางคืนกลับมาเป็นเท่าตัว!
หลังจากซูรั่วอวิ๋นที่ขดตัวอยู่ได้ยินคำพูดของมู่หรงอี้เซวียน ดวงตาก็สั่นไหวน้อยๆ ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ดูไม่ได้ยิ่งกว่าร้องไห้ออกมา ก้มหัวลง ยื่นมือเข้าไปในผม ดวงตาฉายแววชั่วร้าย
“อ๊ะ!”
ซูรั่วอวิ๋นเก็บกลั้นความเจ็บรุนแรงบนขา พลันยืนขึ้นกระโจนหาเฟิ่งจิ่ว ปิ่นปักผมสีดำม่วงในมือแทงออกไปอย่างดุร้าย ราวกับโอบกอดไว้ซึ่งความคิดที่จะสิ้นใจไปพร้อมๆ กัน
“ระวัง!”
มู่หรงอี้เซวียนพลันได้สติมาคุ้มกันอยู่เบื้องหน้าเฟิ่งจิ่ว ขณะเดียวกันก็สะบัดฝ่ามือกระแทกซูรั่วอวิ๋นกระเด็นออกไปตามสัญชาตญาณ
“อั่ก!”
“ผัวะ!”
นางกระอักเลือดออกมา ทั้งร่างล้มลงบนพื้นอย่างน่าอับอาย มองมู่หรงอี้เซวียนด้วยลมหายใจรวยริน นัยน์ตามีรอยยิ้มโล่งอก เพื่อผู้ชายคนนี้ สุดท้ายก็จบได้ไม่สวยนัก แต่เขากลับไม่เคยมีนางอยู่ในหัวใจ
นางยกมือขึ้นตบลงบนกะโหลกศีรษะตัวเองดังผัวะท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเขา เพื่อจบชีวิตที่น่าเศร้านี้…
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองมู่หรงอี้เซวียนที่ขวางอยู่ด้านหลังตัวเองแวบหนึ่ง ก่อนจะหันมององครักษ์ทั้งแปดนาย เอ่ยว่า “จัดการศพนางซะ” ต้องยกประโยชน์ให้นางจริงๆ เธอยังเล่นไม่หนำใจก็ตายเสียแล้ว
เธอถึงจะมองยังเหล่าท่านผู้นำตระกูล และเจ้าแคว้นมู่หรงป๋อที่นั่งชมการแสดงอยู่ เอ่ยเสียงดังว่า “วันนี้ละเลยทุกท่านไป ขอท่านทั้งหลายอย่าได้ถือโทษ วันหน้าท่านพ่อข้าร่างกายดีขึ้น จะเชิญทุกท่านมาเพื่อไถ่โทษอย่างแน่นอน”
“เหอะๆ คุณหนูเฟิ่งกล่าวเกินไปแล้ว วันนี้จวนตระกูลเฟิ่งเกิดเรื่องเช่นนี้ พวกเราทุกคนก็รู้แจ้งดี ดังนั้น จะละเลยหรือไม่ก็ไม่เป็นไรหรอก”
“ถูกต้อง คุณหนูเฟิ่ง ในเมื่อลงโทษหญิงชั่วแล้ว ก็รีบเข้าไปดูท่านพ่อเถิด พวกเราต้องขอตัวก่อน วันหลังจะมาเยี่ยมเยียนอีก”
พวกเขาว่า… ก่อนจะประสานมือบอกลาจากไปกันทีละท่านๆ
มู่หรงอี้เซวียนมองเฟิ่งจิ่ว กำลังจะพูด ก็เห็นนางขยับก้าวเดินเข้าไปในจวน…
………………………………