№ 160 ตัวตนภูตหมอ!
เขากำลังจะตามไป ก็เห็นเหลิ่งซวงมาขวางอยู่ตรงหน้า
“ท่านอ๋องสาม วันนี้จวนตระกูลเฟิ่งยังมีเรื่องมากมายต้องจัดการ ไม่สะดวกรับแขก เชิญท่านกลับไปเถิด!”
หลังจากมองเขาแวบหนึ่ง เหลิ่งซวงก็ตามหลังเฟิ่งจิ่วเดินเข้าไปด้านใน ไม่สนใจมู่หรงอี้เซวียนที่นิ่งงันอยู่ที่เดิมโดยสิ้นเชิง
องครักษ์ตระกูลเฟิ่งข้างๆ ทั้งแปดนายกลับมองด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความสนใจ ตามที่พวกเขารู้มา มู่หรงอี้เซวียนผู้นี้เป็นคู่หมั้นของคุณหนูใหญ่ แต่ดูสถานการณ์ เดาว่าอีกไม่นานคงไม่ใช่อีกแล้ว
“พวกเจ้าเข้ามา จัดการศพนี้เสีย!” องครักษ์นายหนึ่งเรียกทหารอารักขามาสองสามคน ให้พวกเขาจัดการสถานที่ ส่วนตัวเองก็ก้าวยาวเดินไปด้านใน
“อี้เซวียน” มู่หรงป๋อที่นั่งบนราชรถเรียกขึ้น
“ขอรับเสด็จพ่อ” เขามายังเบื้องหน้ามู่หรงป๋อ ขานเรียกทั้งหลุบตาลงน้อยๆ
“กลับวังกันเถอะ พ่อมีเรื่องจะพูดกับเจ้า” มู่หรงป๋อมองลูกชายผู้แสนโดดเด่นเป็นที่สุด รู้ว่าวรยุทธ์เขาในอนาคตจะสูงกว่าตนแน่นอน ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่เล็กจึงตั้งตารอคอยเขาที่สุด
“ขอรับ” มู่หรงอี้เซวียนขานรับ พลิตตัวขึ้นม้า มองที่จวนตระกูลเฟิ่งแวบหนึ่ง ถึงจะลาจากตามไป
ในจวนตระกูลเฟิ่ง
ท่านผู้เฒ่า เฟิ่งจิ่ว และกวนสีหลิ่นล้วนอยู่ในห้องเฟิ่งเซียว เวลานี้ หลังจากท่านหมอวัยกลางคนจับชีพจร ก็ส่ายหน้าถอนใจ “ท่านผู้เฒ่า คุณหนูใหญ่ ร่างกายท่านผู้นำตระกูลทรุดโทรมร้ายแรงยิ่งนัก ทักษะข้าไม่ชำนาญ จึงไม่สามารถพอ”
ท่านผู้เฒ่าฟังก็ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าหม่นหมอง ความกังวลในดวงตากลับไม่อาจปกปิด
“เจ้าออกไปก่อนเถอะ!” เฟิ่งจิ่วให้สัญญาณ ให้ท่านหมอออกไปก่อน
“ท่านปู่ไม่ต้องกังวล ท่านพ่อจะไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ” เธอมาปลอบโยนอยู่ข้างกายท่านผู้เฒ่า จากนั้นค่อยนั่งลงข้างเตียง แล้วใช้มือหนึ่งจับชีพจรเขา
“แม่หนูเฟิ่ง หลาน…”
ท่านผู้เฒ่าเห็นท่าจับชีพจรด้วยความชำนาญของนาง จึงอดไม่ได้ที่จะตะลึงไปพักหนึ่ง นึกถึงหลายวันนี้ที่นางคอยตรวจร่างกายเขา ความเคลือบแคลงก็ผุดขึ้นมาในใจอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
หลังจับชีพจร เธอก็หยิบเข็มเงินมากางออก จากนั้นค่อยมองที่ท่านผู้เฒ่า แล้วเผยรอยยิ้มออกมา “ท่านปู่คงจะเคยได้ยินชื่อภูตหมอนะเจ้าคะ?”
“เคยได้ยินสิ เล่ากันว่าต่อให้เป็นคนที่เหยียบเข้าวังยมบาล เขาก็สามารถช่วยกลับมาได้…”
น้ำเสียงเขาชะงักลง เหมือนนึกอะไรออก จึงเบิกดวงตากว้างโพลงอย่างตื่นตะลึง “แม่หนูเฟิ่ง หลาน หลานหมายความว่า…”
“อืม เป็นอย่างที่ท่านปู่คิด” เธอขยิบตาไปทางเขา “เก็บเป็นความลับด้วยนะเจ้าคะ”
ท่านผู้เฒ่าเบิกตาโตด้วยความตกใจ ทั้งอึ้งทั้งยินดี รู้สึกเหลือเชื่อ และยากจะเป็นไปได้…
ภูตหมอ?
หลานสาวเขาเป็นภูตหมอ? นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เป็นเรื่องจริงรึ?
“สีหลิ่น ที่นางพูดเป็นเรื่องจริงรึ?” ท่านผู้เฒ่ามายังข้างกายกวนสีหลิ่น จับแขนเขาพลางถามด้วยความตื่นเต้น
“แหะๆ ท่านปู่ เป็นเรื่องจริงขอรับ มาเถอะ ข้าจะประคองท่านไปนั่งด้านนั้น แล้วเล่าเรื่องราวให้ท่านฟังเองขอรับ” กวนสีหลิ่นฉีกยิ้ม พยุงท่านผู้เฒ่ามานั่งลงข้างโต๊ะนอกห้อง ก่อนจะบอกเรื่องราวกับเขา
ส่วนในห้อง เฟิ่งจิ่วเริ่มใช้เข็มเงินรักษาท่านพ่อ ประมาณสิบห้านาทีต่อมา ถึงจะเก็บของเดินออกมา ก็เห็นท่านผู้เฒ่ามองเธอด้วยสองตาเป็นประกาย แววตานั้น ราวกับกำลังจับจ้องทรัพย์สมบัติทอแสงอร่าม มองเสียจนเธอขนลุกตั้งขึ้นมา
“ท่านปู่ ท่านไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะ?”
“แม่หนูเฟิ่ง หลานปิดบังเสียจนทำให้ปู่ทุกข์ใจนัก!”
“เหอะๆ หลานไม่มีโอกาสบอกไม่ใช่หรือเจ้าคะ?” เธอยิ้มหน้าเหยเก รู้สึกผิดอยู่บ้าง เพราะเดิมทีก็ไม่คิดจะบอกพวกเขาหรอก
……………………………