№ 228 มนตร์เสน่ห์เกินต้านทาน
เห็นเหล่าไป๋ที่ก้มหัวลง ใช้จมูกพ่นลมหายใจออกไปยกกระโปรงแม่นางคนหนึ่ง เฟิ่งจิ่วก็ปิดตาไม่หันมองอย่างหมดคำพูด
เจ้าเหล่าไป๋นี่จะร้ายไปแล้ว…
“กรี๊ด!”
เสียงกรีดร้องแหลมๆ ดังขึ้นทันใด สาวน้อยสวมชุดกระโปรงสีชมพูใช้มือกดกระโปรงผ้าบางที่ปลิวไปตามลม พลางหันตัวมาทั้งใบหน้าแดงก่ำ
ขณะเฟิ่งจิ่วกำลังจะลงม้ามาขอโทษ ก็เห็นเหล่าไป๋แลบลิ้น เลียไปที่หน้าสาวน้อยทีหนึ่ง ทิ้งน้ำลายไว้ สาวน้อยตกใจเสียจนร่างกายนิ่งงันด้วยท่าทางหวาดผวา
เฟิ่งจิ่วที่เห็นภาพนี้กระตุกมุมปาก ตรงขมับมีเส้นเลือดสีดำบวมขึ้น
เจ้า เจ้าหมอนี่ทำไมเป็นเช่นนี้เล่า?
“คุณหนู!” หนูน้อยคนหนึ่งปรี่ไปประคองสาวน้อยไว้ รีบใช้ผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดคราบน้ำลายบนใบหน้านาง
บุรุษคนข้างๆ กันเหมือนเพิ่งจะดึงสติกลับมาจากความตกใจอึ้ง เห็นม้าอ้วนตัวนั้นที่ชำเลืองมองมาอย่างเอื่อยเฉื่อย จึงด่าทอเสียงดังด้วยสีหน้าโมโห
“เจ้าเดรัจฉานช่างกล้านัก!”
ชายผู้นั้นด่าอย่างโกรธเคือง ขณะเดียวกันก็ตวัดหมัดชกไปยังหน้าเหล่าไป๋ กลับนึกไม่ถึง ว่าหมัดที่ชกไปจะถูกมือหนึ่งขวางเอาไว้
“คุณชายท่านนี้อย่าเพิ่งโมโหไป”
เฟิ่งจิ่วที่พลิกตัวลงจากม้าใช้มือหนึ่งขวางหมัดชายผู้นั้นไว้ เอ่ยด้วยความเสียใจ “ขอโทษด้วยจริงๆ ม้าข้าตัวนี้ชอบความสวยงามอยู่บ้าง ไม่ได้ตั้งใจกลั่นแกล้งคุณหนูท่านนี้แน่นอน ขอคุณชายกับคุณหนูอย่าถือสา”
“ชอบความสวยงาม? หึ! ข้าว่าเจ้านั่นแหละชอบความสวยงาม! ต้องเป็นเจ้าแน่ที่เป่าหูสัตว์วิญญาณให้ทำท่าทางไร้ยางอายเช่นนี้!” ชายผู้นั้นตะคอกอย่างดุร้าย ขณะเดียวกันก็ดึงหมัดที่ถูกขวางไว้กลับ แววตาเฉียบแหลมจ้องตรงที่เฟิ่งจิ่วผู้สวมชุดแดงใบหน้างดงาม
สัตว์วิญญาณ?
คนรอบๆ ได้ยินคำนี้ ต่างพากันพินิจมองม้าอ้วนตัวนี้ขึ้นมา เห็นบนหัวมีสองเขา จึงพูดคุยกันเสียงเบาอย่างอดไม่ได้
“ม้าตัวนี้แตกต่างกับม้าทั่วไป เป็นสัตว์วิญญาณจริงๆ รึ?”
“ได้ยินว่าสัตว์วิญญาณมีราคานัก หนำซ้ำที่ใช้เป็นพาหนะเดินทางได้ล้วนต้องผ่านการฝึกฝนทำให้เชื่อง”
“แต่สัตว์วิญญาณตัวนี้ก็อ้วนเกินไปหน่อยนะ! ดูจากท่าทางก็ไม่รู้ว่าวิ่งได้หรือเปล่า”
“ข้ารู้มา ว่าเนื้อสัตว์วิญญาณคนธรรมดาอย่างพวกเรากินแล้วจะร่างกายแข็งแรง ผู้ฝึกวิชาเซียนกินจะสามารถดูดซับพลังวิญญาณได้ เป็นของที่ดีทีเดียว”
ได้ยินคำพูดทุกคน เฟิ่งจิ่วก็ยิ้มๆ เห็นชายผู้นั้นจ้องมาด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนัก จึงยิ้มมองสาวน้อยผู้งดงามทรงเสน่ห์ที่ถูกทำให้ตกใจเสียจนสีหน้าซีดขาว มายังตรงหน้านาง ใบหน้าหล่อเหลาผุดรอยยิ้มชั่วร้ายมีเสน่ห์ ดวงตาที่มีประกายน่าหวั่นไหวใจเอ่อล้นจ้องมองนางอย่างอ่อนโยน
“คุณหนูท่านนี้ ข้าขอโทษจริงๆ นะ ต้องโทษข้าที่ไม่ดูแลม้าตัวเองให้ดี ทำให้คุณหนูตกใจ”
น้ำเสียงเธอไม่มีความอ่อนช้อยของหญิงสาว และความแข็งกร้าวของชายหนุ่ม ตรงกันข้าม มันกลับเหมือนน้ำใสสะอาด ชัดเจนอบอุ่น มีความแหบพร่าเล็กน้อยรวมถึงเสน่ห์ดึงดูดใจ ที่ได้ยินในหู ราวกับขนเล็กละเอียดกำลังหยอกเย้าใบหู ด้านชาไปถึงหัวใจ
สาวน้อยแสนสวยผู้นั้นมองหนุ่มน้อยชุดแดงตรงหน้า เห็นแววตาสดใสที่เอ่อล้นด้วยประกายน่าดึงดูดกำลังมองมา ดวงตาที่คล้ายจะพูดได้มองนางเสียจนใบหน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นแรงขึ้นผิดปกติ ก้มหน้าลงตามมาด้วยความประหม่า
“ไม่ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
น้ำเสียงสาวน้อยเปล่งออกมาอย่างอ่อนโยน มีความประหม่าและเขินอายบางส่วน กลับยังอยากจะเงยหน้าไปมองหนุ่มน้อยชุดแดงรูปงามตรงหน้าอย่างอดไม่ได้
หลังชายคนข้างๆ เห็นภาพนี้ ถลึงดวงตาขึ้นทั้งสีหน้าหมองหม่น กำลังจะพูด ก็เห็นหนุ่มน้อยชุดแดงหัวเราะขึ้นมาเบาๆ
………………………………….