№ 252 ข้าอ่อนไหวง่ายดายนัก!
“มากับข้าดีหรือไม่เล่า? ข้ารับประกันว่าชีวิตเจ้าจะไร้กังวล ซ้ำยังอนุญาตให้ใช้ยาได้ตามใจชอบด้วยนะ”
ได้ยินคำพูดนี้ แม้แต่ท่านผู้นำตระกูลหลิ่วยังมองบุรุษชุดแดงที่สวมหน้ากากด้วยสีหน้าตกตะลึง และแปลกประหลาดใจ
นี่ คำพูดนี้หมายความเช่นไร? ให้เด็กหนุ่มชุดแดงไปกับเขา? ไปทำอะไรกัน? คำพูดนี้ พวกเขาคิดมากไปเองกระมัง?
แต่ว่า เมื่อทุกคนเห็นภูตหมอที่สวมหน้ากากจ้องเด็กหนุ่มชุดแดงผู้นั้นด้วยสองตาเปลือยเปล่าที่มีความละโมบ แต่ละคนต่างก็มีเส้นเลือดสีดำปูดขึ้นตรงขมับ
ดูท่า พวกเขาไม่ได้คิดมากไป แต่ภูตหมอผู้นี้หมายความเช่นนั้นมาแต่ไหนแต่ไร
ทว่า มาฝันหวานถึงเด็กหนุ่มชุดแดงต่อหน้าฝูงชน การกระทำของภูตหมอผู้นี้ช่างทำให้คนหมดคำพูดเหลือเกินจริงๆ
ส่วนเฟิ่งจิ่วที่ได้ยินคำพูดนั้นกลับส่งเสียงหัวเราะ น้ำเสียงทั้งสดใสและหวานหู แต่พอฟังโดยละเอียดกลับฟังออกถึงความเย็นชาและไอสังหารในน้ำเสียง
แต่เห็นนางเล่นมีดสั้นในมือ เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ชำเลืองมองบุรุษชุดแดง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่มีการเยาะเย้ยสามส่วนและเกียจคร้านอีกเจ็ดส่วน
“เจ้าเป็นใครกัน?”
“ข้าคือภูตหมอ เป็นนักปรุงยา ขอแค่เจ้ามากับข้า ก็จะได้ประโยชน์ที่เจ้าไม่อาจจินตนาการถึง”
แววตาละโมบที่เปลือยเปล่ามองตรงมาบนร่างเฟิ่งจิ่ว สายตาเลื่อนลงไปทีละน้อย มองวนไปมาบนร่างเขา สายตานั้น ช่างล่วงเกินกันยิ่งนัก ทำให้ไม่ชอบใจเป็นที่สุด
เฟิ่งจิ่วยกมุมปากขึ้น มอง ‘ภูตหมอ’ ที่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความปรารถนา ในดวงตาสดใสฉายประกายผ่านไป บนใบหน้ารูปงามไร้ใครเทียบเทียมมีรอยยิ้มทรงเสน่ห์เบ่งบานอยู่ พูดด้วยท่าทางเหนียมอายเล็กน้อย “อย่ามองข้าด้วยสายตาเช่นนั้นสิ ข้าอ่อนไหวง่ายนักนะ”
พอพูดออกมาเช่นนี้ ผู้คนรอบๆ ก็มีสีหน้าตะลึงงันกันทันใด มองเด็กหนุ่มชุดแดงใช้ท่าที น้ำเสียง และคำพูดเช่นนั้นตอบรับคำของภูตหมอ
นี่ เด็กหนุ่มชุดแดงคงไม่ได้หมายความเช่นนั้นกระมัง?
และเวลาเดียวกันนี้ ณ ที่พำนักแห่งหนึ่งในเมืองลิ่วเต้า อิ่งอีลนลานพุ่งเข้ามา พลางตะโกนว่า “นายท่าน! นายท่านขอรับ! เกิดเรื่องแล้ว!”
ฮุยหลางรั้งเขาไว้ รีบถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? เจ้าออกไปถามไถ่หาเบาะแสภูตหมอไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงกลับมาเร็วเพียงนี้?”
“ก็ใช่ไง! ดังนั้นถึงได้บอกว่าเกิดเรื่องแล้ว!” อิ่งอีผลักเขาออก พลางถาม “นายท่านยังอยู่ในห้องหรือไม่?”
“อยู่สิ เขาอยู่ตลอดยังไม่ออกมาเลย”
ฮุยหลางตอบรับ แล้วถามอย่างอดไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่น่ะ?”
อิ่งอีไม่ตอบเขา แต่ตะโกนลั่นไปยังประตูห้องที่ปิดสนิท “นายท่าน ภูตหมอเกิดเรื่องขึ้นแล้วขอรับ! มีคนจะฆ่าเขา!”
แทบจะสิ้นสุดคำพูดนี้ ก็เห็นประตูห้องเปิดออก เจ้าตำหนักยมราชในชุดคลุมสีดำทั่วร่างมีกลิ่นอายทรงอำนาจกระจายอยู่ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าทั้งสอง
แต่เห็นใบหน้าเขามืดหมอง ดวงตาเยือกเย็นน่าสะพรึง สายตาจับจ้องบนร่างอิ่งอี เอ่ยถามเสียงเข้ม “เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าน้อยเป็นห่วงนายท่าน ดังนั้นจึงออกไปตรวจสอบให้เป็นพิเศษ ตอนกำลังจะกลับมา ได้ยินข่าวว่าภูตหมอโผล่มาที่หอเมฆาทรงเกียรติพร้อมกับท่านเจ้าเมืองเมืองลิ่วเต้า หนำซ้ำยังคล้ายว่าจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นที่หอด้วยขอรับ”
เขามองท่านเจ้าตำหนักแวบหนึ่ง บอกว่า “หนุ่มน้อยชุดแดงคนหนึ่งสังหารผู้อาวุโสสามของตระกูลหลิ่วในเมือง ตระกูลหลิ่วจึงนำพลม้ากองใหญ่มาปิดล้อมหอเมฆาทรงเกียรติไว้ บอกว่าจะสังหารเด็กหนุ่มชุดแดง ตามคำอธิบายของชาวบ้าน ข้าน้อยเดาว่าเด็กหนุ่มชุดแดงนั่นเกรงว่าจะเป็นภูตหมอขอรับ!”
“อะไรนะ? จะสังหารภูตหมอรึ?”
ฮุยหลางส่งเสียงอุทาน เห็นสีหน้านายท่านเขาเปลี่ยนไป เงาร่างก็พุ่งออกไปทันที
………………………………….